บทที่ 217 ใครหนอช่างประจบ

ลวี่จีตามต้นเสียงไป อย่างที่คิด สายตานางเห็นชุดแดงฉูดฉาดของบุรุษที่มีใบหน้าหล่อเหลาอย่างชั่วร้ายกำลังก้าวเท้ายาว ๆ เข้ามา มีเหลียนจีเดินตามมาด้านหลัง

จะเป็นใครไปได้อีก เขาเป็นเจ้านายของนางไป๋จือเยี่ยนอย่างไรเล่า

นางยังไม่ทันได้กล่าวอะไร ก็เห็นไป๋จือเยี่ยนเดินผ่านนางไปหาเด็กสาวชุดขาวที่กำลังยิ้มบาง ใบหน้าเกียจคร้านไม่ใส่ใจ เขาพลันคว้ามือนางไว้แล้วมองตรวจดูขึ้น ๆ ลง ๆ

ลวี่จีเห็นแล้วก็ประหลาดใจ เจ้านายของนางรู้จักกับเด็กสาวคนนี้ด้วยหรือ?

ชิงอวี่ดึงแขนกลับสีหน้าพูดไม่ออก “หาอะไรของเจ้า?”

“ลืมไปแล้วหรือว่าตอนนี้เจ้าเป็นคนป่วย? ทำไมถึงวิ่งเล่นไปทั่วเช่นนี้เล่า? ข้าออกไปต้มยาครู่เดียวเจ้าก็หายไปแล้ว กลัวแทบตายว่าเจ้าจะถูกลักพาตัวไป!”

ไป๋จือเยี่ยนจ้องนางเขม็งแล้วเอ่ยเสียงไม่พอใจ “เป็นยัยหนูเจ้าปัญหาเสียจริง”

ชิงอวี่มุมปากกระตุกยิก “ข้าหายดีแล้ว เจ้ายังต้องคอยจับตามองทุกฝีก้าวอีกหรือ? แล้วไอ้ยาที่เจ้าต้ม….. เจ้าจงใจแกล้งกันหรือไม่? ข้าไม่ดื่มมันหรอก”

ไป๋จือเยี่ยนหัวเราะดังด้วยโกรธ “ยัยหนูนี่….. คงหนีมาเพราะกลัวต้องดื่มยาสินะ! อย่าคิดว่าโหลวจวินเหยาไม่อยู่สองสามวันแล้วจะไม่มีใครคุมเจ้าได้นะ พรุ่งนี้เขาก็กลับมาแล้ว และถ้ารู้ว่าเจ้าไม่ยอมดื่มยา เขาต้องบังคับเจ้ากินเป็นสองเท่าแน่!”

ชิงอวี่เอ่ยเสียงข่มขู่ “เจ้าก็ลองเอาไปบอกเขาสิ!”

“ต้องให้ข้าบอกเขาด้วยหรือไร? เขากลับมาเห็นสภาพแผลเจ้าเขาก็รู้แล้ว!” ไป๋จือเยี่ยนยิ้มแล้วตอกกลับ

ชิงอวี่ “…..” นางเริ่มรู้สึกว่าชีวิตนี้มันไม่น่าอยู่ต่อขึ้นมาเสียอย่างนั้น

นางได้แต่หวังว่าตนจะยังไม่ฟื้นขึ้นมา

เห็นว่านางเงียบไป ไป๋จือเยี่ยนจึงเลิกบ่นนาง เมื่อครู่เขาเดินเข้ามาไม่ทันดูสถานการณ์ ตอนนี้เพิ่งมารู้สึกว่ามันแปลก ๆ

คนรอบกายดูท่าทางดุดันแปลก ๆ นะ มันเกิดอะไรขึ้น? มีคนมาสร้างปัญหาหรือ?

เขาพลันหันไปหาลวี่จีข้าง ๆ แล้วมองถามด้วยสายตา

ลวี่จีจึงอธิบาย “เขาคงต้องตาความงามของแม่นาง จึงคิดหาเรื่องพาตัวจากนางไป”

ไป๋จือเยี่ยนได้ยินแล้วก็อึ้งไปเหมือนฟังไม่ชัด ถามย้ำออกมา “เจ้าว่าใครที่เขาอยากพาตัวไปนะ?”

ลวี่จีใช้ตามอง บอกว่าใครคนนั้นคือเด็กสาวข้างกายไป๋จือเยี่ยน

ไป๋จือเยี่ยนหัวเราะลั่น นัยน์ตาดอกท้อกะพริบปริบ ๆ ก่อนจะมองชิงอวี่ “วันนี้เจ้าคงอารมณ์ดีมากกระมัง? กำลังจะถูกบังคับพาตัวออกไปแล้วแต่กลับไม่ลงมืออะไรเลย?”

ชิงอวี่ตอบพลางยิ้มดูถูก “ก็เจ้าไม่ใช่หรือที่บอกว่าก่อนแผลจะหายห้ามให้ข้าลงมือสู้กับใครเขา?”

แค่ต้องดื่มยาต้มนั่นก็แย่มากพอแล้ว หากนางยังไม่สงบเสงี่ยมบ้าง เขาคงได้หาวิธีมาทรมานนางได้อีกแน่ ๆ!

เป็นไปดังคาด ได้ยินแล้วไป๋จือเยี่ยนก็พยักหน้ายิ้มยินดี “ถูกต้อง เวลาทำตามที่บอกเช่นนี้แผลจะหายเร็วขึ้นนะ”

“…..” ชิงอวี่ไม่อยากจะต่อความยาวอีก

ไป๋จือเยี่ยนคงจะอยู่ข้างกายโหลวจวินเหยามานานเกินไป ทั้งสองท่าทางคล้ายกันไม่น้อย โดยเฉพาะยิ้มกว้าง ๆ นั่นที่ทำเอาคนขนลุกซู่ ดูขู่ขวัญได้มาก

อย่างน้อย ๆ ก็สำหรับเจียงซ่างหลิน พริบตาที่ไป๋จือเยี่ยนปรากฏตัว เขาก็รู้สึกเข่าอ่อนโดยไร้สาเหตุขึ้นมา

ไป๋จือเยี่ยนหันไปมองชายหนุ่มยิ้ม ๆ “ลูกค้าท่านนี้ ครั้งหน้าเบิกตามองให้ดีก่อน อย่าได้เกี้ยวแม่นางหน้าตางดงามที่ไหนเข้าง่าย ๆ เหนือเขายังมีเขาเสมอ เหนือคนยังมีคนที่อย่าได้ล่วงเกิน จำคำเตือนข้าในวันนี้ให้ดีแล้วท่านจะได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกสักหลายปี”

แม่นางชิงอวี่นั้นไม่ใช่ลูกพลับนิ่มให้เขาบีบเล่น แม้นางจะค่อนข้างอารมณ์ดีทั้งยังใจดี แต่หากยั่วโมโหนางขึ้นมา นางก็มีวิธีทรมานคนนับไม่ถ้วนให้ใช้เช่นกัน

เห็นอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมาแล้วมีท่าทีปกป้องชิงอวี่เช่นนี้ ไม่ว่าจะทรมานใจขนาดไหน แต่เจียงซ่างหลินก็คิดว่าหากจะดึงดันเอานางไปคงไม่ดีแน่ อย่างไรอีกฝ่ายก็ดูมีพลังลึกล้ำ แกร่งกว่าพี่ชายเขาด้วยซ้ำ เขาไม่เอาเท้าตนไปเตะแผ่นเหล็กหรอก สุดท้ายก็ได้แต่กลืนศักดิ์ศรีแล้วยอมแพ้ไปเท่านั้น

“ข้าได้ล่วงเกินพวกท่านแล้ว ข้าขอลา” เจียงซ่างหลินเอ่ยเสียงกระตุก ใบหน้าทะมึน ก่อนจะหันหลังเดินออกไป

เขาคงไม่คิดกลับมาที่นี่อีก

เห็นว่าคนไปแล้ว ไป๋จือเยี่ยนจึงเก็บหน้ายิ้มจอมปลอมแล้วหันมาเทศนาชิงอวี่อีกครั้งหนึ่ง

ชิงอวี่ “…..” แย่ที่สุดเลย

นางเพิ่งจะสำนึกได้ว่าไป๋จือเยี่ยนขี้บ่นมากขนาดไหน ดูแล้วเหมาะสมจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กเป็นยิ่งนัก

“นางเป็นใครหรือ?” เห็นเจ้านายตนคุ้นเคยกับเด็กสาวเช่นนั้น ลวี่จีก็อดประหลาดใจไม่ได้ นับเป็นครั้งแรกที่นางเคยเห็นอีกฝ่าย แล้วเจ้านายนางไปรู้จักกับเด็กคนนี้ตอนไหนกัน?

เหลียนจีหัวเราะเบา ๆ “นางน่าจะนับเป็นลูกค้าประจำของหอเสาวคนธ์ได้เลยกระมัง ตอนนั้นเจ้าไม่อยู่ เจ้าย่อมไม่เคยเห็นนาง”

“นางกับนายท่าน…..”

เหลียนจีมองเด็กสาวที่มีสีหน้ายอมจำนนแล้วนัยน์ตาก็ส่องประกาย “นางเป็นคนที่ถอนพิษให้นายท่าน นึกย้อนไปแล้วก็คงเป็นโชคชะตากระมัง เจ้าจำไม่ได้หรือว่านางเป็นคนเดียวกันกับเจ้าโจรน้อยที่ชิงเอาแก่นเพลิงเยือกแข็งไปเมื่อหลายปีก่อน?”

ลวี่จีเคยได้ยินเรื่องเมื่อตอนนั้นมาไม่มาก ยังคิดอยู่ว่าเจ้าโจรช่างใจกล้าบ้าบิ่นนัก ทว่า…..

“เจ้าโจรน้อยนั่นเป็นเด็กชายคนหนึ่งไม่ใช่หรือ?” ลวี่จีเลิกคิ้วถาม ความจำนางยังไม่ได้แย่ถึงขั้นนั้นนะ!

เหลียนจีส่ายหน้าจนใจ “พวกเราล้วนถูกหลอก แม่นางผู้นี้เก่งกาจด้านการปลอมตัวนัก”

ได้ยินดังนั้น แววสนอกสนใจของลวี่จีก็ยิ่งเข้มขึ้น นางชอบคนน่าสนใจเช่นนี้เป็นที่สุด

เหลียนจีเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้เรื่องราวที่คนส่วนมากไม่รู้ของลวี่จี เห็นแววตาอีกฝ่ายแล้วจึงเอ่ยเตือนขึ้นทันที “เจ้าอย่าได้คิดอะไรกับนางเลยดีกว่า นางไม่ใช่คนที่เจ้าจะไปข้องเกี่ยวด้วยได้”

“ทำไมเล่า?” ลวี่จีถาม สีหน้าไม่เข้าใจ

เหลียนจีเอ่ยเสียงดุ “นางเป็นของนายท่าน นายท่านปฏิบัติกับนาง….. ต่างจากคนอื่น ๆ มาก”

“หากเจ้าถามว่าต่างมากขนาดไหนก็รอดูตอนนายท่านกลับมาเองเถอะ”

ลวี่จีเม้มปากไม่เอ่ยคำ สีหน้าทะมึนลงไม่น้อย

หลังจากบ่นจู้จี้จุกจิกไปยกหนึ่ง ชิงอวี่ก็กลับไปดื่มยาแต่โดยดี หลังจากดื่มยาขมหมดถ้วยไป๋จือเยี่ยนก็หยิบขนมให้นางเช่นเคย

ชิงอวี่ที่ขมับมีเส้นเลือดเต้นตุบ “…..”

“เจ้านั่นรู้ว่าเจ้าเกลียดยาต้ม ทิ้งคำให้ข้าเอาของหวานให้เจ้ากินหลังดื่มยาเสร็จ เขาคิดว่าเจ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ หรือไร?” ไป๋จือเยี่ยนทำหน้าเหมือนไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี

แต่ก็เป็นครั้งแรกที่โหลวจวินเหยาใส่ใจคนอื่นมากขนาดนี้ กลัวว่านางจะรู้สึกว่ายาขมเกินไปจึงหาขนมไว้ให้ ตามใจนางเป็นยิ่งนัก

ชิงอวี่รู้สึกว่าตนถูกหัวเราะเยาะ ใบหน้าบูดบึ้งไปนาน ก่อนจะกลับเป็นสีหน้าไร้อารมณ์ ฉีกกระดาษห่อขนมออกแล้วโยนมันเข้าปาก ใช้ฟันกัดมันย้ำ ๆ ราวกับจินตนาการว่ากัดใครอยู่ก็มิปาน แม้รสชาติหวานล้ำในปากก็ไม่อาจขจัดความขุ่นเคืองในจิตใจนางได้

เขาราวกับรู้สึกถึงความโกรธในใจของเด็กสาว ไป๋จือเยี่ยนจึงเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “เจ้าดื่มยาอีกไม่กี่วันแล้ว พอสะเก็ดแผลหลุดหมดแล้วเนื้อขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องดื่มอีก นับว่าเป็นบทเรียนของเจ้าก็ดี แล้วดูว่าต่อไปเจ้ายังจะกล้าเสี่ยงภัยไปช่วยคนอื่นอีกหรือไม่”

ชิงอวี่หัวเราะหยันไม่พอใจ

“ทุกครั้งที่เจ้าบาดเจ็บ เจ้าโหลวจวินเหยาจอมบงการนั่นก็จะแล่นมาทรมานข้าทันที เจ้าไม่คิดหรือว่าสมัยนี้คนที่เป็นนักปรุงยาใช้ชีวิตยากเย็นนัก?”

“ก่อนหน้านี้ข้าอ่อนต่อโลกนัก ถูกเจ้าคนใจดำหลอกมาเสียได้ ติดตามเขาท่องใต้หล้าไปทั่ว ใช้ชีวิตทนทุกข์มานานหลายปี สุดท้ายเจ้านั่นมันก็คนไร้หัวใจ ไม่เคยคิดถึงลูกน้องอย่างข้าบ้างเลย”

“เจ้าก็ดูเขาดีต่อเจ้าขนาดไหน ประคบประหงมเจ้าราวกับเป็นลูกสาว เพราะฉะนั้นเจ้าช่วยดูแลตัวเองดี ๆ หน่อยเถอะ ถือเสียว่าเพื่อข้าก็ได้ ข้าจะได้ไม่ต้องมาคอยปวดหัวรักษาแผลดูแลเจ้า?”

“ข้าว่าเจ้ารู้ว่าข้าใช้ชีวิตยากลำบากเพียงไหน แค่ห่วงโหลวจวินเหยาคนเดียวก็ปวดหัวพอแล้ว ตอนนี้ยังต้องมาตามห่วงแม่นางเช่นเจ้าอีก เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าเขาเป็นเจ้านายที่เอาใจยากนัก? ทั้งข้าก็ไม่มีที่ให้ร้องเรียน ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนความไม่พอใจลงท้องไป…..”

ทุกครั้งที่ไป๋จือเยี่ยนเริ่มบ่นยืดยาวออกมา ชิงอวี่ก็มักจะโต้เถียงกลับเสมอ ส่วนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูถูกเขา

ทว่าวันนี้นั้นแปลก เขาบ่นมานาน นางก็ยังมองเขาซื่อ ๆ ไม่ได้มีแววร้อนรนอะไร กลับตั้งใจฟังนิ่ง มีแต่สีหน้าคล้ายสะใจน้อย ๆ นั่นเท่านั้น….. นางต้องทำให้เห็นกันเช่นนี้เลยหรือ?

“เจ้าทำหน้าอะไรของเจ้า? ทำไมถึงต้องมองข้าเช่นนั้น?” ไป๋จือเยี่ยนถามเสียงฉงน

แต่ไม่นานเขาก็ได้รู้

พลันมีเสียงนุ่มดังขึ้นที่ด้านหลัง มันทั้งนุ่มทุ้มน่าฟังเป็นยิ่งนัก แต่พอเข้าหูไป๋จือเยี่ยนแล้วกลับกลายเป็นน่าขนลุก

“เจ้า….. ไม่พอใจข้ามากเช่นนี้เลยหรือ ทำไมไม่เคยบอกข้าเลย? หากข้าทำอะไรผิดไปจะได้ปรับปรุงตน ข้ามั่นใจว่าข้าปรับได้จนเจ้าพอใจเชียวล่ะ”

ไป๋จือเยี่ยนหน้าซีด จ้องชิงอวี่อย่างไม่อยากเชื่อสายตา เขาเห็นนางยิ้มจนตาหยี เป็นรอยยิ้มสว่างจ้าเป็นพิเศษ ดูราวกับลูกแมวน้อยเจ้าเล่ห์ที่เพิ่งชิงปลามาได้

ไม่ ไม่ใช่แล้ว!

ไม่ใช่ลูกแมว ลูกแมวมันไม่เจ้าเล่ห์เช่นนี้ โหลวจวินเหยาชอบเรียกนางว่าอะไรหนอ?

จิ้งจอกน้อย ใช่แล้ว นางเป็นจิ้งจอกน้อยจอมเจ้าเล่ห์จริง ๆ!

นางชั่วร้ายนัก ไม่ส่งสัญญาณบอกกันบ้างเลย ไม่รู้ว่าโหลวจวินเหยามาตอนไหน ได้ยินไปเท่าไหร่แล้วบ้าง

หรือนางอยู่กับคนใจคดเช่นเจ้านั่นมานานก็เลยชั่วร้ายเหมือนกันไปแล้วกระมัง

ไป๋จือเยี่ยนหันไปท่าทางแข็ง ๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่กำลังคลี่ยิ้มไร้ขันก็เอ่ยเสียงเจื่อน “เอ่อ….. ข้าแค่คุยเล่นกับนาง ไม่ได้หมายความจริงจังอะไร เจ้าน่ะยอดที่สุดแล้ว ชั้นยอดที่สุด ไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนหรอก อืม เจ้าเข้าใจคำข้าผิดแน่ ข้าเพียงแต่จะบอกว่า….. ว่าเจ้าเป็นคนพิเศษแค่ไหนต่อนางเท่านั้น”

“โอ๋?” โหลวจวินเหยาเลิกคิ้ว นัยน์ตาเต็มไปด้วยรอยสงสัย “จริงหรือ?”

“ข้าพูดจากใจจริง!” ไป๋จือเยี่ยนรีบพยักหน้ายืนยัน

“เจ้าดูว่าทั่วแดนเมฆาสวรรค์ จะมีใครมีความสำเร็จได้เท่าที่เจ้าเคยทำทั้งที่อายุไม่ถึงร้อยปีบ้าง ทั้งยังขึ้นครองเขตแดนกว้างใหญ่ในแดนด้วย? มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าคนมากมายเคารพนับถือเจ้ามากเท่าไหร่ รอให้เจ้าขึ้นมาเป็นผู้นำ! เพราะฉะนั้นการที่ข้าได้รับใช้เจ้าก็นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ไม่อาจหาสิ่งใดให้ยินดีกว่านี้ได้แล้ว แล้วข้าจะไม่พอใจได้อย่างไรกัน…..”

“พรื่ด~”

ชิงอวี่กลั้นขำมานาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหว หัวเราะลั่นออกมา

และด้วยเสียงหัวเราะของนางนั่นเอง บรรยากาศกดดันภายในห้องก็เริ่มจางหายไป

เป็นไปตามคาด ชิงอวี่ถูกไป๋จือเยี่ยนส่งสายตาพิฆาตใส่

นางจึงพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “ขออภัยด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าเพิ่งได้รู้วันนี้ว่าเจ้านี่วาจาคล่องแคล่วเหนือใครจริง ๆ”