บทที่ 214 เจ้าต้องพิการ
บทที่ 214 เจ้าต้องพิการ
“เสวียนเทียนชวน”
ลู่หยวนพลันเอ่ยขึ้น ทำให้คู่สนทนาออกมาจากห้วงภวังค์
อีกฝ่ายหันมามอง พบว่าชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีผู้มีสายตาเรียบนิ่ง ทว่าเพียงแค่อีกฝ่ายนั่งอยู่กับที่ก็มีแรงกดดันของราชาปรากฏ สายตาเหล่านั้นคล้ายกับมองทะลุใจกลางของโลกได้
เสวียนเทียนชวนรู้สึกถึงความไร้พลังเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาตกอยู่ในห้วงความคิด ราวกับไม่มีที่ใดสามารถหลบซ่อนจากอีกฝ่ายได้
ลู่หยวนยืนขึ้นทีละน้อย กล่าวต่อว่า “บางเรื่องมันก็เกินกว่าที่ข้าจะจัดการได้ หากมีเจ้ามาช่วยจัดการด้วยอีกแรง ข้าคิดว่าทุกอย่างจะต้องราบรื่นเป็นแน่”
ดวงตาของเสวียนเทียนชวนที่เดิมหมองหม่นพลันทอประกายขึ้นมา
ลู่หยวนตอบตกลงงั้นหรือ?!
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสยะยิ้ม รอยยิ้มนั้นเย็นยะเยือก “เพียงแต่… เจ้าจะต้องเป็นคนพิการต่อไป”
สิ้นคำ บรรยากาศรอบข้างลู่หยวนปั่นป่วน เพียงพริบตา ภาพศิษย์ทั้งหมดในกลุ่มเทียนพลันหายไป
เสวียนเทียนชวนตกตะลึง ก่อนที่แสงสว่างสีขาวจะเข้าโจมตีจากด้านข้าง ตามมาด้วยเสียงอันคุ้นเคยที่เอ่ยขึ้นว่า “เสวียนเทียนชวน เจ้าหลอกลวงทั้งอาจารย์และบรรพชน ข้าจะฆ่าเจ้า!”
กระบี่ดาราฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง
ตูม!
อัฒจันทร์ถูกบดขยี้เป็นหลุมลึก ควันธุลีอบอวลทุกหนแห่ง อักขระพังทลาย
พวกเฉิงไท่ที่ยืนอยู่ไกลออกไปตกตะลึงเช่นกัน สาเหตุที่คนเหล่านี้ไม่ยื่นมือเข้าช่วย เป็นเพราะมีลู่หยวนรวมอยู่ในนั้น พวกเขารู้ดีว่าเสวียนหลีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน จึงคิดว่ากระบี่เล่มนี้ไม่อาจทำร้ายใครได้
เพียงแต่… ใครจะคาดคิดว่าในจังหวะที่กระบี่ฟาดฟันลงมา คุณชายจะถอยร่นไปพร้อมกับคนที่เหลือ?!
มีเพียงเสวียนเทียนชวนผู้ขยับไม่ได้กับศิษย์บรรพชนเสวียนบางส่วนเท่านั้นที่ยังอยู่กับที่?!
ลู่หยวนหนอลู่หยวน เจ้านี่มันร้ายกาจเสียจริง!
มุมปากของเฉิงไท่กระตุก
เจ้าหนูเสวียนเทียนชวนคนนี้คืออัจฉริยะของวิถีเร้นลับ ไม่เหมือนกับหยางอวิ๋นที่จะตายเมื่อไหร่ก็ตายไป แต่ศิษย์เอกแห่งบรรพชนเสวียนนั้นไม่ใช่ เขายังมีประโยชน์อีกมากในภายภาคหน้า!
ก่อนหน้านี้จักรพรรดินีฉวนจงกล่าวไว้ว่าอยากให้เสวียนเทียนชวนช่วยทำนายชะตาแผ่นดินของแดนมัชฌิมด้วยซ้ำ!
และเฉิงไท่ย่อมเห็นด้วยเป็นการส่วนตัว!
ทุกคนในพื้นที่สังเกตเห็นความโกลาหล สายตาของพวกเขาจึงหันมามอง แม้กระทั่งคนทั้งสองที่เพิ่งต่อสู้จนตัวตายบนลานประลองต่างหยุดมือและมุ่งความสนใจไปยังที่ที่ควันธุลีอบอวลไปทั่ว
เมื่อควันธุลีสลายไปจึงพบว่าในหลุมลึกปรากฏร่างเสวียนหลีถือกระบี่ดาราไว้ในมือ ดวงตาเป็นสีชาด นางลุกขึ้นมา ขณะมองเสวียนเทียนชวนผู้เกลือกกลิ้งกับพื้นอยู่ด้านข้าง
ศิษย์น้องหญิงกัดฟัน น้ำใจของศิษย์พี่ใหญ่ที่เคยมีให้นางในอดีตได้ปรากฏขึ้นในภาพความทรงจำ
หน้าอกของเสวียนหลีขยับขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง นางไม่เคยกลัวว่าศัตรูที่เผชิญหน้าจะทรงพลังขนาดไหน ไม่เคยกลัวว่าจะสูญเสียพละกำลังให้ผู้อื่นมากเพียงใด นางกลัวแค่ว่าคนอย่างศิษย์พี่ใหญ่จะทรยศหักหลังกันก็เท่านั้น!
เมื่อคิดถึงเรื่องที่นางกับเสวียนเทียนชวนเติบโตมาด้วยกันภายใต้การดูแลของบรรพชนเสวียน ทั้งสองนับเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันมาหลายปี แต่วันนี้ อีกฝ่ายถึงกับทรยศนางเพื่อลู่หยวน!
นี่คือสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ …นี่คือการแข่งขันภายใน!
ไพ่ตายที่เตรียมการมาอย่างดีของนางถูกเปิดโปงต่อหน้าศัตรูคู่อาฆาต เท่ากับว่าการที่เสวียนหลีมาในครั้งนี้ ก็เพื่อรนหาที่ตาย!
“เสวียนเทียนชวน เจ้าเคยเป็นศิษย์พี่ที่แสนดีของข้า!”
ดวงตาของเสวียนหลีแดงก่ำ ในเนตรสีแดงคู่นั้นมีโลหิตคั่งอยู่
มือของนางที่ถือกระบี่ไว้เริ่มสั่นเทา พลางย่างเท้าเข้าหาเสวียนเทียนชวนผู้กำลังกระอักโลหิตออกมา
ลู่หยวน วันนี้ข้าอาจจะฆ่าเจ้าไม่ได้
ทว่า… คนที่ทรยศข้า… ไม่ควรที่จะมีชีวิตอีกต่อไป!
เสวียนหลีชูกระบี่ยาวขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะฟาดลงไปอย่างรุนแรง ปราณกระบี่หนึ่งหมื่นจั้งพุ่งทะยานออกไปเบื้องหน้า!
เฉิงไท่ลอบคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เขาจึงลงมืออย่างทันท่วงที กลิ่นอายของเขาราวกับจะบดขยี้ท้องนภาแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ยาวเหมือนแม่น้ำใหญ่พุ่งเข้าใส่เสวียนหลี
วิ้ง!
ในความว่างเปล่า หอกยาวไร้ที่มาพุ่งผ่าอากาศอย่างทรงพลังเล็งตรงไปยังกระบี่แห่งเจ้าสำนัก
ตูม!
หอกยาวและกระบี่ยาวปะทะเข้าใส่กัน พื้นที่เหนือความว่างเปล่าแตกสลายอย่างรุนแรง พลังวิญญาณปั่นป่วนไปทั่วท้องฟ้า
หอกยาวหยุดการฟาดฟันกระบี่ไว้ได้ กระบี่ที่ไม่อาจค้ำจุน ในที่สุดก็สูญสลายภายใต้พลังของหอกยาว
ทว่าในช่วงเวลาตอนที่หอกหยุดยั้งกระบี่เจ้าสำนักไว้…
กระบี่ดาราในมือของเสวียนหลีก็แล่นปราดมาตรงหน้าเสวียนเทียนชวน ซึ่งโลหิตของเขากำลังทะลักออกมา!
ลู่หยวนพลันเคลื่อนไหวฉับไว ใช้พลังมังกรทำลายปราณกระบี่ในมือของเสวียนหลี
เคร้ง!
พลังมังกรสั่นสะเทือน ปราณกระบี่ในมือของเสวียนหลีพลันเสียการควบคุม วิถีของมันบิดเบี้ยวจนเบี่ยงออกไปเล็กน้อย ปราณกระบี่ที่เฉือนผ่านเสวียนเทียนชวนเต็มไปด้วยโลหิตฟาดฟันไกลออกไป
ตูม!
ปราณกระบี่เคลื่อนลงมาอย่างรุนแรง ทำให้ค่ายกลจำนวนมากพังทลาย
ทันทีที่กลิ่นอายของลู่หยวนปรากฏขึ้น ทำให้เสวียนหลีถูกสะกดไว้จนคุกเข่าลงกับพื้น ไม่สามารถขยับไปไหนได้
ปราณกระบี่ได้ทิ้งรอยลากยาวเอาไว้บนอัฒจันทร์ผู้ชม
ใจกลางของรอยลาก เสวียนเทียนชวนนอนแน่นิ่ง ขาสองข้างของเขาแยกออกจากรอยลากทั้งซ้ายขวา โลหิตเจิ่งนองทั่วพื้น
เหนือท้องนภาในตอนนี้ ปราณหอกที่สกัดเฉิงไท่ไว้จางหายไปทีละน้อย ดวงตาของเขาหมองหม่น ขณะจับจ้องขาของเสวียนเทียนชวนที่ถูกสะบั้นทั้งเป็น
ผ่านไปหลายอึดใจ สายตาของเขาเลื่อนไปจับจ้องที่ลู่หยวน…
หอกยาวที่แหวกอากาศมาเมื่อครู่ เป็นฝีมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์!
เจ้าหนุ่มคนนี้ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?!
เขาขัดขวางเฉิงไท่ในการช่วยเหลือเสวียนเทียนชวน แต่กลับใช้พลังมังกรไปปัดป้องปราณกระบี่ของเสวียนหลีด้วยตัวเอง ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่แห่งยอดเขาวิถีเร้นลับรอดชีวิตมาได้!
หรือว่าอยากให้เสวียนเทียนชวนติดหนี้เขา?!
เฉิงไท่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าไม่อาจคาดเดาความคิดของลู่หยวนคนนี้ได้!
คุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะขอให้กันเม่าพาเสวียนเทียนชวนและศิษย์ของยอดเขาวิถีเร้นลับออกไป ส่งพวกเขาไปที่ยอดเขาหอก
เมื่อกันเม่าพาเสวียนเทียนชวนออกไปแล้ว ในแขนเสื้อกว้างของบุตรศักดิ์สิทธิ์มียันต์สามใบถูกแผดเผา
“ลู่หยวน เจ้าคิดจะทำอะไร?”
เฉิงไท่เอ่ยถามอย่างอดทน
“เรื่องนั้น เจ้าสำนักควรถามเสวียนหลีไม่ใช่หรือ?” ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นพลางก้าวเดินมาหา “ข้านั่งอยู่ตรงนี้ดี ๆ นางก็ฟาดกระบี่ลงมา ถ้าไม่ใช่เพราะข้าตอบสนองได้อย่างว่องไว เกรงว่าคนที่ขาขาดคงเป็นข้าไปแล้ว!”
คำพูดของชายหนุ่มดังก้อง ราวกับทุกประโยคมีเหตุผล
แต่หลังจากคนเหล่านั้นได้ฟัง ทุกคนต่างพากันไม่เชื่อหู
เสวียนหลีเนี่ยนะทำร้ายลู่หยวนได้?!
ตอนอยู่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เสวียนหลีถูกบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กำราบได้หลายครั้ง ด้วยพลังของเขาเท่าที่ถูกเปิดเผยในตอนนี้ คาดว่ามีเพียงชิวชิงหลีที่สามารถประมือด้วยได้
อย่างเสวียนหลีน่ะหรือ?
หึ! เป็นไปไม่ได้หรอก!
การตั้งคำถามของลู่หยวน ทำให้มุมปากของเฉิงไท่กระตุก ดูท่าหากสนทนาเรื่องนี้กับเจ้าเด็กนี่ต่อ วันนี้ก็ไม่มีทางจบเป็นแน่!
ช่างเถอะ เสวียนเทียนชวนยังไม่ตาย ต่อให้ขาขาดไปก็ช่าง ถึงอย่างไรมันก็ไม่ต่างกับก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
ทันทีที่เฉิงไท่ตัดสินใจได้ เขาจึงช่วยเหลือเสวียนหลีจากพลังมังกรของบุตรศักดิ์สิทธิ์
เขาชี้ไปยังรายนามที่ลอยอยู่บนท้องนภา เอ่ยว่า “ลู่หยวน การต่อสู้ครั้งต่อไป เป็นการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับเสวียนหลี! หากมีความแค้นอะไรกัน ก็ไปตัดสินกันในนั้น!”
สิ้นคำ เฉิงไท่มองไปที่ลานประลอง “พวกเจ้าสู้ต่อได้!”
ทุกคนต่างเชื่อฟังคำสั่งของเฉิงไท่ พากันจดจ่อไปที่ลานประลอง ยอดฝีมือบนลานประลองทั้งสองจึงประมือกันต่อไป
เสวียนหลีผู้ยืนอยู่ข้างเฉิงไท่ยังคงมีดวงตาสีชาดไม่จางหาย สิ่งที่เจ้าสำนักกล่าวเมื่อครู่ลอยเข้าหูนางเช่นกัน
ครั้งต่อไป จะเป็นการต่อสู้ระหว่างนางกับลู่หยวน!
ทว่าไพ่ตายของนางถูกเปิดเผยไปแล้ว! นางยังจะทำอะไรได้อีก?!
ไม่ …ไม่สิ!
มุมปากของเสวียนหลีพลันยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ลู่หยวนยังไม่ได้อ่านตำราโบราณ! ตำราโบราณนั่นถูกกระบี่ของนางฟันไปเมื่อครู่! ค่ายกลต้องห้ามวิญญาณสวรรค์ยังใช้ได้อยู่!
ลู่หยวนหนอลู่หยวน เจ้าตายแน่นอน!
บนแท่นสูง สายตาของจักรพรรดินีจับจ้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วยความครุ่นคิด
ทันใดนั้น นางเผยอริมฝีปากขึ้น ราวกับกำลังพึมพำกับตัวเอง “ลู่หยวนคนนี้อาจจะไม่ใช่ชายที่ยอมคน จนถึงขนาดยอมส่งมอบโลหิตมังกรให้”
เมื่อมู่พ่านซานที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนี้ เขาจึงก้มศีรษะทันที ก่อนเอ่ยเสียงต่ำว่า “ฝ่าบาทไม่ต้องห่วง ข้าจะทำให้เขายอมมอบให้แต่โดยดีเอง!”
จักรพรรดินีกำลังจะพูดบางอย่างอีก แต่ทันใดนั้นใบหน้าของนางพลันขาวซีด นางเอนตัวไปด้านข้าง คิ้วขมวดราวกับกำลังทนต่อความเจ็บปวดบางอย่าง
มู่พ่านซานหรี่ตา เขามีท่าทีแตกตื่น “ฝ่าบาท! ท่าน…”
นางยกมือขึ้น “ไม่เป็นไร แค่เจ็บนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”
ถึงแม้องครักษ์จะวิตก แต่เขายังเชื่อฟังจักรพรรดินีและไปยืนอยู่ด้านข้าง
“ฝ่าบาทไม่ต้องห่วง เมื่อลู่หยวนเข้าวังจักรพรรดินีแดนมัชฌิมแล้ว เขาจะต้องมอบโลหิตมังกรให้อย่างแน่นอน! หากปฏิเสธ ข้าจะฆ่าเขาเอง!”
จักรพรรดินีคิ้วขมวด สายตาของนางมองบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้กำลังยืนอยู่บนอัฒจันทร์ ร่องรอยความกังวลก่อเกิดขึ้นในใจ
“ไม่ต้องรีบร้อน ไว้ถึงตำหนักแล้วค่อยคุยกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
มู่พ่านซานยืนอยู่ด้านข้าง ไม่พูดอะไรอีก