ตอนที่ 351 สำนักศึกษาหงส์อมตะ (4) ตอนที่ 352 ข้ามาแล้ว (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 351 สำนักศึกษาหงส์อมตะ (4) / ตอนที่ 352 ข้ามาแล้ว (1)
ตอนที่ 351 สำนักศึกษาหงส์อมตะ (4)

หลังจากรับยามาจากมือของจวินอู๋เสีย ฮวาเหยาก็กลืนมันลงไปในอึกเดียว จากนั้นจึงถอดผ้าพันแผลทั้งหมดออกด้วยตัวเอง นั่งบนเตียงและรอให้จวินอู๋เสียเข้ามาทำความสะอาดบาดแผลให้เขาอย่างเชื่อฟัง

อาการบาดเจ็บของฮวาเหยาค่อนข้างพิเศษเล็กน้อย ส่วนใหญ่แล้วเป็นอาการบาดเจ็บที่กระดูกมากกว่า จวินอู๋เสียจึงใช้เวลาในการรักษาที่มากขึ้น แต่ก็ยังรวดเร็วมากอยู่ดี

ภายใต้การรักษาของจวินอู๋เสีย สีหน้าของฮวาเหยาและเฉียวฉู่ดีขึ้นทันตา แก้มดูมีเลือดฝาดเพิ่มขึ้น

“ขอบคุณเจ้ามาก” ฮวาเหยากล่าว

จวินอู๋เสียส่ายหัวของนางเบาๆ นางเดินไปหาหรงรั่วด้วยใบหน้าที่ซีดขาว อุ้มเจ้าเจ้าแมวดำตัวน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของจวินอู๋เสียแทบจะไม่มีสีเลือดแล้ว เฉียวฉู่และฮวาเหยาก็รู้ในทันทีว่าอาการบาดเจ็บของนางยังไม่หายดี แต่นางก็ยังมีน้ำใจมารักษาให้กับพวกเขา แม้ว่านางจะไม่พูดอะไร แต่พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงเจตนาเหล่านั้นของนาง

จวินอู๋เสียกำลังใช้วิธีการของนางเองเพื่อตอบแทนความช่วยเหลือในครั้งก่อนของพวกเขา

“แค่กๆ น้องเสีย อย่างไรเจ้าก็พักอยู่ที่นี่ต่อสักระยะเถิด รอจนอาการดีขึ้นกว่านี้สักหน่อยค่อยกลับบ้านก็ยังไม่สาย” เฉียวฉู่กล่าว

“ข้าไม่รีบ” จวินอู๋เสียตอบเสียงเบา อาจารย์ของพวกฮวาเหยาพูดเอาไว้แล้วว่าบัวหิมะซังอวี้ของนางยังจำเป็นต้องใช้น้ำในสระนั้นเพื่อช่วยฟื้นฟู ดังนั้นนางจึงมีเวลาอีกเหลือเฟือ ไม่ได้รีบร้อนกลับไป

เพื่อช่วยนาง เจ้าดอกบัวขาวน้อยไม่เพียงแต่จะยอมสละแขนของมันข้างหนึ่งเท่านั้น แต่ยังฝืนบังคับเปลี่ยนร่างเป็นบัวหิมะเมาโดยตรงโดยปราศจากความช่วยเหลือจากสุราอีกด้วย ภายหลังแกนจิตวิญญาณของมันยังถูกบุรุษชุดขาวผู้นั้นทำลายลงไป จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยให้มันฟื้นกลับคืนมา ในเมื่อตอนนี้บุรุษไว้เคราผู้นั้นบอกว่ามีวิธีช่วยบัวหิมะซังอวี้ได้ จวินอู๋เสียก็พร้อมจะลองและทำทุกอย่างเพื่อช่วยมัน

เวลานี้ในใจของจวินอู๋เสียเต็มไปด้วยความกังวล ความเจ็บปวดที่นางได้รับในครั้งนี้ ทำให้นางตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าโลกนี้ช่างห่างไกลจากความเรียบง่ายและความสงบสุขอย่างที่นางต้องการนัก ความแข็งแกร่งของบุรุษลึกลับสองคนนั้น แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่นางเคยจินตนาการเอาไว้เสียอีก ขนาดฮวาเหยาและเฉียวฉู่ในโหมดพลังวิญญาณขั้นสีม่วง ก็ยังปราชัยและพ่ายแพ้อย่างย่อยยับต่อหน้าต่อตาเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุรุษในชุดสีเทาที่ดูจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าบุรุษชุดขาวเลย

ผู้ที่แข็งแกร่งบนโลกใบนี้ มีมากมายราวกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า ตรงจุดนี้จวินอู๋เสียได้รับการพิสูจน์แล้ว ขนาดพลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่ไม่ได้ปรากฏมานับร้อยๆ ปี อยู่ต่อหน้าคนพวกนั้นก็ยังเป็นได้เพียงมดแมลงตัวจ้อย พิษของนางยิ่งไม่คณามือของพวกเขา

จวินอู๋เสียหรี่ตาลง ประกายแสงเย็นวาบกะพริบผ่านดวงตาของนางไป

คราวนี้ถึงแม้นางจะโชคดีหนีรอดมาได้ แต่นั่นล้วนเป็นเพราะการเสียสละชีวิตของชายชุดดำผู้นั้น หากไม่มีเขายอมสละตัวระเบิดตัวเองถ่วงเวลาเอาไว้ พวกนางก็คงตายอยู่ตรงนั้นไปนานแล้ว

แต่ครั้งหน้าเล่า…

เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของคนพวกนั้นก็คือบัวหิมะซังอวี้ในตัวของนาง ตราบเท่าที่บัวหิมะซังอวี้ยังอยู่ตรงนี้ สักวันหนึ่งนางก็ต้องได้พบกับพวกเขาอีก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบหนีตลอดไป และครั้งหน้านางก็อาจจะไม่โชคดีเช่นนี้อีกแล้ว!

จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงต้องการตัวบัวหิมะซังอวี้ แต่นางจะไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆ เป็นเป้านิ่งให้คนพวกนั้นจัดการอย่างแน่นอน

นางจะต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!

นางจะยอมไม่ให้เรื่องอย่างเช่นในวันนี้เกิดขึ้นซ้ำสองอีก!

จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืนทันที ความเงียบของนางทำให้คนอื่นๆ ที่เหลืออีกสี่คนในห้องเงียบเสียงลง เมื่อเห็นนางยืนขึ้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่นาง

“พาข้าไปที่ที่เจ้าฝังกระดูกงูนั่น” จวินอู๋เสียมองไปที่หร่งรั่ว

หรงรั่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าและพาจวินอู๋เสียเดินออกจากห้องไป

ภายในห้อง เฉียวฉู่และฮวาเหยาผู้ซึ่งแสร้งทำเป็นผ่อนคลายมาโดยตลอดก็เก็บซ่อนความอ่อนล้าของตัวเองไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ทันทีหลังจากที่จวินอู๋เสียเดินออกจากห้อง ร่างของทั้งคู่ก็อ่อนยวบทรุดตัวล้มลงไปกับเตียงนอน

อาการบาดเจ็บบนร่างกายของพวกเขารุนแรงกว่าที่แสดงไว้มาก คราวนี้พวกเขายังดีที่ได้รับการรักษาอันแสนมหัศจรรย์จากจวินอู๋เสียแล้ว หากปราศจากการรักษาของนาง เกรงว่าพวกเขาคงจะเป็นลมไปตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว

“พวกเราโชคดีเป็นบ้า!” เฉียวฉู่โพล่งขึ้นอย่างกะทันหัน นึกย้อนไปถึงวันนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว

ในวันนั้น เขาคิดจริงๆ ว่าเขาจะต้องตายอยู่บนเทือกเขาเมฆานั่นแล้ว

“พวกเรายังตายไม่ได้หรอกนะ” ฮวาเหยาจ้องไปที่หัวเตียง ดวงตาของเขาก็เผยความเกลียดชังออกมาวูบหนึ่ง

เฟยเยียนถอนหายใจอย่างหนัก รอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของนางหายไปอย่างไร้ร่องรอย “ถ้าเจ้ายังจำคำสาบานที่พวกเราทำไว้ด้วยกันได้ เช่นนั้นก็จงรักชีวิตของพวกเจ้าให้มากกว่านี้ พวกเราอาจต้องตายในสักวันหนึ่ง แต่มันจะไม่ใช่ที่นี่”

ตอนที่ 352 ข้ามาแล้ว (1)

บนเนินเขาด้านหลังของสำนักศึกษาหงส์อมตะ มีหลุมฝังศพที่ไร้ชื่ออยู่ ใต้ดินเหลือง ไม่มีศพ มีเพียงกระดูกงูหักๆ กองหนึ่งเท่านั้น

หรงรั่วนำจวินอู๋เสียไปยังหลุมฝังศพที่ไร้ชื่อนั้น จวินอู๋เสียก้าวขึ้นไปข้างหน้าและมองไปที่หลุมฝังศพที่ว่างเปล่าด้วยดวงตาที่สงบเหมือนน้ำ

ตั้งแต่เกิดใหม่ มือของนางก็เต็มไปด้วยเลือด เพื่อปกป้องสกุลจวินและเพื่อให้แน่ใจว่าจวนหลินอ๋องจะยืนหยัดอย่างมั่นคงได้ในรัฐชี นางได้ฆ่าคนไปเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม แม้นางจะไม่ได้ฆ่าชายชุดดำ แต่ชายชุดดำผู้นั้นก็ต้องมาตายเพราะนาง

แม้แต่ศพของเขา ก็ยังถูกระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อถ่วงเวลาให้พวกนางหนีมา ในหลุมศพนี้ มีเพียงกระดูกงูกองหนึ่งเท่านั้น

จวินอู๋เสียเป็นหนี้ชีวิตเขา แม้ว่าเขาจะปกป้องนางตามคำสั่งของจวินอู๋เย่า แต่จวินอู๋เสียก็คิดว่านางยังต้องรับผิดชอบต่อการตายของเขาอยู่ดี

ปกป้องนาง แม้แต่ชีวิตก็ยินดีที่จะเสียสละมันเพื่อนาง

นี่คงเป็นสิ่งที่เรียกกันว่าความจงรักภักดีกระมัง!

จวินอู๋เสียยืนอยู่หน้าหลุมฝังศพไร้ชื่อนั้นเป็นเวลานานมาก สายลมบนภูเขาส่งเสียงร้องหวีดหวิว นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่สายฝนโปรยปรายที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ร่องรอยของความเยือกเย็นในแววตา ค่อยๆ ไหลตามสายฝนและเปียกโชกไปทั้งร่างของนาง

ร่างกายเย็นเฉียบ หัวใจนางก็เย็นเฉียบ

“กลับกันก่อนเถอะ” หรงรั่วมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างปวดใจ สีหน้าของนางในตอนนี้ซีดเซียวมาก แต่นางยังคงยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน นางยังอ่อนแอถึงเพียงนี้ แถมอายุก็เพิ่งจะเท่านี้ แล้วนางจะทนไหวต่อไปได้อย่างไร

จวินอู๋เสียไม่ได้พูดอะไร นางเพียงแค่เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า สายฝนเย็นเม็ดแล้วเม็ดเล่าตกลงมาบนใบหน้าของนาง หยดลงในดวงตาของนาง มันทั้งเย็น ทั้งหนาวเหน็บกัดลึกลงไปจนถึงกระดูก

“หากข้าไม่มาหาเจ้า เจ้าคิดจะทรมานตัวเองไปถึงขั้นไหนกันหืม” จู่ๆ เสียงทุ้มอันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น

ร่างกายของจวินอู๋เสียแข็งทื่อเล็กน้อย และก่อนที่นางจะหันศีรษะกลับไปมอง ร่างที่สูงกว่าก็สวมกอด ดึงร่างที่เล็กกว่าเข้าสู่อ้อมแขนอันแสนอบอุ่นของเขา

หรงรั่วมองไปที่บุรุษที่ลงมาจากฟากฟ้าด้วยความตกใจ เขาเป็นเหมือนกับพระเจ้าที่ลงมาเยือนยังแดนมนุษย์อย่างเงียบๆ โดยไร้ซึ่งซุ่มเสียงใด แต่กลับไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย บุรุษผู้นี้เต็มไปด้วยบรรยากาศรอบกายที่น่ากลัว หรงรั่วไม่กล้าแม้แต่จะหายใจหรือขยับเข้าไปใกล้เขา จึงทำได้เพียงยืนอยู่ไกลๆ ตรงนั้นด้วยเนื้อตัวที่สั่นระริก

“เสี่ยวเสียเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ เห็นเจ้าในสภาพนี้แล้วข้าปวดหัวใจยิ่งนัก” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง จวินอู๋เสียก็เรียกเขาออกไปทันทีว่า “พี่ชาย!”

จวินอู๋เย่าหมุนร่างเล็กๆ ของจวินอู๋เสียให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างสมบูรณ์แบบสะท้อนให้เห็นอยู่ในดวงตาของนาง

สายฝนปรอยๆ ทำให้เส้นผมสีน้ำหมึกของจวินอู๋เย่าเปียกโชกและตกลงมาไล้กรอบหน้าที่งดงามราวกับฟ้าประทานของเขา ส่งให้โครงหน้าไร้ที่ตินั้น ยิ่งดูทรงเสน่ห์และคมเข้มมากขึ้นไปอีก

“เสี่ยวเสียเอ๋อร์อย่าได้กลัว ข้าอยู่ที่นี่แล้ว” หลังจากกอดจวินอู๋เสียไว้ในอ้อมแขนของเขาแน่น จวินอู๋เย่าก็ก้มหน้าลงมาเอ่ยปลอบประโลมนางด้วยเสียงต่ำ

หลายเดือนที่ไม่ได้เจอหน้ากัน เกือบจะกลายเป็นพรากจากชั่วนิจนิรันดร์ จวินอู๋เย่าก้มปลอบจวินอู๋เสียด้วยความสงสาร ก่อนที่เจตนาฆ่าในดวงตาของเขาจะกระเพื่อมขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เด็กน้อยของเขาได้พบเจอ

ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ใครก็ตามที่กล้ารังแกเสี่ยวเสียเอ๋อร์ของเขามันต้องตาย!

อาจเพราะเหนื่อยเกินไป หรืออาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณของนางรุนแรงเกินไป จวินอู๋เสียไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่ประโยคเดียว ไม่นานนางก็หมดสติไปในอ้อมแขนของจวินอู๋เย่า

จวินอู๋เย่าช้อนตัวนางขึ้นอุ้ม จู่ๆ อากาศที่ไหลเวียนอยู่รอบๆ ตัวของพวกเขาก็บิดเป็นทรงกลม การไหลของกระแสอากาศ ทำให้น้ำฝนระเหยออกมาจากร่างของทั้งคู่จนแห้ง และสายฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ก็ไม่อาจแตะสัมผัสโดนตัวของทั้งคู่ได้อีกแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว

เห็นเพียงจวินอู๋เย่าอุ้มจวินอู๋เสียไว้ในอ้อมแขนของเขา ก่อนใช้เท้าแตะสัมผัสไปที่พื้นเบาๆ ร่างสูงโปร่งนั้นก็ทะยานไปทางสำนักศึกษาหงส์อมตะ

หรงรั่วยังคงยืนตกตะลึงอยู่ท่ามกลางสายฝนตรงนั้น มองตามแผ่นหลังของจวินอู๋เย่าที่ค่อยๆ หายไปจากสายตา เขาก็เริ่มได้สติกลับคืนมาจากความมึนงง

“คนผู้นี้…คงไม่ใช่ว่ามาจากสามโลกชั้นกลางกระมัง!”

คิดถึงตรงนี้ หัวใจของหรงรั่วก็ดิ่งฮวบ เขาโยนความอ่อนโยนทั้งหมดทิ้งไปจากใบหน้าของตัวเองทันที รีบวิ่งกลับไปยังสำนักศึกษาหงส์อมตะด้วยฝีเท้าที่เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

บุรุษไว้เครา กำลังนั่งอยู่ริมสระบัวเพลิดเพลินไปกับการจิบสุราท่ามกลางสายฝนพรำ ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงรัศมีอันทรงพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน กำลังใกล้เข้ามาทางนี้ด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก แววตาที่เหม่อเลยปล่อยตัวตามอิสระ ยามนี้ถูกแทนที่ด้วยความคมชัดแทบจะในพริบตา!