ตอนที่ 353 ข้ามาแล้ว (2) / ตอนที่ 354 ข้ามาแล้ว (3)
ตอนที่ 353 ข้ามาแล้ว (2)
เฉกเช่นสายฟ้าฟาดที่แวบผ่านเข้ามาในสำนักศึกษาหงส์อมตะ จวินอู๋เย่าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของจวินอู๋เสียที่ทิ้งไว้ที่นี่ก่อนหน้านี้จึงได้ตามร่องรอยของมันมา
ในลานเรือนพัก ร่างสูงใหญ่ยืนรออยู่ท่ามกลางสายฝน
จวินอู๋เย่าขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่บุรุษที่ขวางทางเขา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาทันที
ใครก็ตามที่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าเขาตอนนี้มันจะต้องตาย!
อย่างไรก็ตาม บุรุษไว้เคราผู้นั้นทำเพียงยืนอยู่ในสนามเฉยๆ เมื่อเขาเห็นจวินอู๋เย่าร่อนตัวลงมายังกลางลานเรือนพักราวกับสายฟ้าฟาด ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ไม่กล้าแม้แต่จะวิ่งเข้าไปขวางทางชายหนุ่ม เขายืนอยู่ตรงนั้น ไม่อาจบังคับร่างกายให้หยุดสั่งได้เลย และเพียงไม่กี่วินาทีที่จวินอู๋เย่าปรายตามองมา เขาก็รีบคุกเข่าลงต่อหน้าจวินอู๋เย่า หัวใจเต้นรัวจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก
“นายท่านเจวี๋ย!”
ดวงตาของจวินอู๋เย่าหรี่ลงเล็กน้อย “เจ้าเป็นใคร”
ในสามโลกเบื้องล่าง มีคนที่รู้จักเขาอยู่ด้วยหรือ
“ตำหนักสรรพชีวิต เยี่ยนปู้กุยขอรับ” บุรุษไว้เคราตอบกลับด้วยเสียงสั่นทันที
มุมปากของจวินอู๋เย่าหยักเป็นรอยยิ้มที่โหดร้าย และเมฆหมอกสีดำก็ลอยขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา มันกระชากร่างของเยี่ยนปู้กุยที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นให้ลอยขึ้นไปกลางอากาศทันที!
“ตำหนักสรรพชีวิตจากสิบสองตำหนักรึ ดี…ดีมาก…ข้าก็คิดอยู่ว่าผู้ใดกันในสามโลกเบื้องล่างนี้ที่เก่งกาจนักถึงขั้นสามารถทำร้ายเสี่ยวเสียเอ๋อร์ของข้าได้”
ใบหน้าของเยี่ยนปู้กุยฉับพลันซีดเผือด เส้นเลือดสีเขียวที่ปูดโปนอยู่ใต้ใบหน้าของเขาแทบจะระเบิดออกมาแล้ว
“จวินเสีย…ไม่ใช่ข้าที่ทำร้ายนาง…” เยี่ยนปู้กุยเค้นคำพูดเหล่านี้ออกมาจากลำคอของเขาอย่างยากลำบาก ราวกับว่าหากช้ากว่านี้แม้เพียงนิด เขาอาจจะได้ตายลงที่นี่จริงๆ
จวินอู๋เย่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และหมอกสีดำก็เหวี่ยงร่างของเยี่ยนปู้กุยลงบนพื้น
“พูดมา! พวกมันเป็นใคร!”
ในตอนที่ศิลาวิญญาณของเยี่ยซาแตกออก นั่นหมายความว่าเขาได้ตายไปแล้ว เยี่ยซาคือคนที่เขาส่งไปเพื่อปกป้องจวินอู๋เสีย จู่ๆ เขาก็เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน เรื่องนี้ทำให้จวินอู๋เย่ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาในทันที แม้จะรู้ว่างานทางฝั่งเขานั้นยังจัดการไม่เสร็จ แต่เขาก็ไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว และรีบรุดเดินทางไปยังสำนักชิงอวิ๋นสถานที่แรกที่เขาคิดได้
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาไปถึงสำนักชิงอวิ๋น สิ่งที่เหลืออยู่กลับมีเพียงเศษเสี้ยวของความทรงจำของเยี่ยซา เขาจึงได้ตามกลิ่นอายนั้นมาเรื่อยๆ จนมาถึงสถานที่แห่งนี้ และได้พบกับเด็กน้อยของเขา
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า ยามเขาได้เห็นว่าจวินอู๋เสียปลอดภัยดี หัวใจที่เกือบจะบ้าคลั่งของเขาก็เริ่มสงบลง แต่เมื่อได้เห็น วินอู๋เสียเป็นลมหมดสติลงในอ้อมแขนของเขา ความต้องการฆ่าในดวงตาที่เพิ่งสงบไป ก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้งอย่างรุนแรงที่สุดในรอบหลายร้อยปี!
“เป็นคนจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจขอรับ…” เยี่ยนปู้กุยกล่าว เขาหอบหายใจอย่างหนัก
“ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจอย่างนั้นรึ…”เจตนาฆ่าในดวงตาของจวินอู๋เย่าวิ่งพล่านจนแทบไม่อาจควบคุมได้ อสรพิษทมิฬก็บินออกมาจากปลายนิ้วมือของเขาและพุ่งเข้าใส่หว่างคิ้วของเยี่ยนปู้กุยโดยตรง
ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสปะทุขึ้นในใจของเยี่ยนปู้กุย และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็กระตุก ทั่วทั้งตัวหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ
หลังจากนั้นไม่นาน ความเจ็บปวดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เยี่ยนปู้กุยลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าซีดขาว ร่างของเขายังคงสั่นเล็กน้อยและเซไปมา
“สิบสองตำหนักเสื่อมโทรมมากขึ้นทุกวัน แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็เริ่มทำแล้ว เจ้าโชคดีที่หนีรอดออกมาจากตำหนักสรรพชีวิตได้” อสรพิษทมิฬได้ส่งข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมไว้จากจิตใจของเยี่ยนปู้กุยไปยังจวินอู๋เย่าแล้ว เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าเยี่ยนปู้กุยคนนี้ไม่ได้โกหก นอกจากนั้นมันยังทำให้เขาค้นพบสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า
“ขอบพระคุณนายท่านเจวี๋ยที่ไว้ชีวิต” เยี่ยนปู้กุยไร้ซึ่งความขุ่นเคืองใจใดๆ ตรงกันข้ามสีหน้าของเขากลับเปี่ยมไปด้วยความสุข
บุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้ คือผู้ที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมและฆ่าได้ตาไม่กะพริบมากที่สุด มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถรอดชีวิตกลับมาได้หลังจากที่อีกฝ่ายตัดสินใจฆ่าแล้ว เช่นนี้จะไม่ให้เขายินดีได้หรือ
เยี่ยนปู้กุยลอบส่งสายตามองไปที่จวินอู๋เสียซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เย่า ในใจของเขาพลันใสราวกับกระจก
จวินอู๋เย่าไว้ชีวิตเขาเพราะเขาเคยช่วยชีวิตจวินอู๋เสียไว้ ไม่อย่างนั้น เขาคงได้กลายเป็นซากศพไร้ชีวิตนอนอยู่บนพื้นไปแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เยี่ยนปู้กุยก็รู้สึกหนาวไปทั้งหัวใจ
นายท่านเจวี๋ยยังไม่ตาย…
สามโลกชั้นกลางเกรงว่าคงใกล้เปิดฉากการต่อสู้นองเลือดแล้ว และอีกไม่นานหายนะก็กำลังจะไปเยือนทั้งสิบสองตำหนัก!
ตอนที่ 354 ข้ามาแล้ว (3)
“ปิดปากของเจ้าให้สนิท” จวินอู๋เย่าทิ้งคำเตือนและอุ้มจวินอู๋เสียเดินไปยังห้องพักของนาง
หรงรั่วรีบวิ่งกลับเข้ามาหลังจากนั้น เมื่อเห็นว่าเยี่ยนปู้กุยกำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนด้วยใบหน้าซีดเผือด หัวใจของเขาก็กระตุกอย่างหนัก
“ท่านอาจารย์!”
เยี่ยนปู้กุยยกมือขึ้น และส่ายหัวเป็นเชิงบอกเขาว่าไม่เป็นไร “เรื่องที่เจ้าเห็นในวันนี้ทั้งหมด อย่าได้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด ไม่ว่าจะกับใครหน้าไหนก็ตาม ท่านผู้นั้นมิใช่ตัวตนที่พวกเราจะสามารถยั่วยุได้”
เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิผู้ปกครองดินแดนเทพมารยังไม่ตาย และหากดินแดนเทพมารล่วงรู้ พวกเขาจะต้องรีบลงมายังสามโลกเบื้องล่างเพื่อรับเสด็จองค์จักรพรรดิของพวกเขากลับคืนไปอย่างแน่นอน เพียงแต่…เหตุใดนายท่านเจวี๋ยถึงมาอยู่ในโลกเบื้องล่างแห่งนี้กัน หรือว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานั้นกันแน่ และข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิที่มีรายงานไปทั่วแล้ว เหตุใดนายท่านเจวี๋ยถึงปรากฏขึ้นในสามโลกเบื้องล่างอีกครั้ง
เยี่ยนปู้กุยปัดหมอกหนาที่เป็นดั่งปริศนาหล่านั้นออกไป และเมื่อเขากระจ่างแจ้ง เสียงหัวเราะสะใจก็ดังก้องไปทั่วลานที่พัก
“ฮ่าฮ่าฮ่า! สิบสองตำหนักเอ๋ย คราวพวกเจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
ด้วยความสามารถของอสรพิษทมิฬของนายท่านเจวี๋ย ย่อมสามารถล่วงรู้ได้ทุกสิ่งที่เขาปรารถนาที่จะรู้ ในเมื่อนายท่านเจวี๋ยรู้ว่าเขาหนีออกมาจากตำหนักสรรพชีวิต นั่นก็หมายความว่าพระองค์ย่อมรู้เช่นกันถึง…ที่คนพวกนั้นได้ทำลงไป
หรงรั่วมองไปที่เยี่ยนปู้กุยที่จู่ๆ ก็แผดเสียงหัวเราะดังก้องออกมาราวกับคนเสียสติ เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อยแต่ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร
……
…
เมื่อจวินอู๋เสียตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยประทับอยู่ในดวงตานาง ร่างเล็กกะพริบตาปริบๆ จ้องมองไปที่เขาด้วยดวงตาที่เย็นชา จากนั้นถึงก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
“ครั้งหน้า อย่าทำเรื่องที่เป็นอันตรายแบบนี้อีก” จวินอู๋เย่านอนอยู่ข้างเตียงของจวินอู๋เสีย มือข้างหนึ่งของเขาอิงศีรษะไว้ในขณะที่อีกข้างก็พาดไปที่เอวของจวินอู๋เสีย มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
ตอนที่จวินอู๋เสียกำลังหลับอยู่ เขาได้ตรวจสอบจิตวิญญาณของนางแล้วและพบว่าจิตวิญญาณของนางในตอนนี้อ่อนแอเป็นอย่างมาก จวินอู๋เสียไม่มีบาดแผลภายนอกที่บาดเจ็บสาหัส แต่สาเหตุที่ร่างกายของนางอ่อนแอขนาดนี้ เป็นเพราะจิตวิญญาณของนางเสียหายนั่นเอง อาการบาดเจ็บทางร่างกายพักฟื้นเพียงไม่กี่วันก็หายดี แต่อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับจิตวิญญาณนั้น…
จวินอู๋เย่าหรี่ตาลง แต่ภายใต้การจ้องมองของจวินอู๋เสีย เขาก็รีบปรับสีหน้าและระงับอารมณ์ด้านลบทั้งหมดให้หายไปจากดวงตาอย่างรวดเร็ว
“เขาตายแล้ว” จวินอู๋เสียลุกขึ้นนั่ง “ข้ายังไม่รู้จักชื่อของเขาเลย”
จวินอู๋เย่าขยับลงจากเตียงและมานั่งข้างๆ ทันใดนั้นกระดูกงูขนาดเท่าฝ่ามือของเขาก็เผยสู่สายตา
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์ ต้องการให้เขาฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งอย่างนั้นรึ”
จวินอู๋เสียมองไปที่กระดูกงูในมือของจวินอู๋เย่า ดวงตาของนางก็เป็นประกายแวววาว หรงรั่วบอกนางว่าอสรพิษทมิฬที่ส่งพวกเขากลับมา เหลือเพียงเศษชิ้นส่วนกระดูกงูหลังจากที่มันตาย ถึงแม้นางจะไม่เคยเห็นมันกับตา แต่นางก็รู้สึกได้ว่าชิ้นส่วนกระดูกงูในมือของจวินอู๋เย่าก็คือหนึ่งในนั้นที่หรงรั่วเคยพูดถึง
สังเกตเห็นถึงสายตาของจวินอู๋เสีย จวินอู๋เย่าก็กำกระดูกงูไว้ในมือของเขาแน่น หมอกสีดำค่อยๆ เข้าปกคลุมกระดูกงูไว้ก่อนจะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วเปลี่ยนรูปร่างเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์
องค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ค่อยๆ ประสานเข้าหากันอย่างช้าๆ ผ่านไปไม่นานชายชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นในห้อง ดวงตาของเขาปิดแน่น และใบหน้าของเขาก็เหมือนกับชายชุดดำที่ระเบิดตัวเองในวันนั้นทุกกระเบียดนิ้ว!
จวินอู๋เสียเฝ้าดูอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ เมื่อชายชุดดำลืมตาขึ้นมา นางก็ได้เห็นรูม่านตาในแนวตั้งสีดำสนิทเหมือนกับดวงตางูของเขา
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะถูกเรียกว่าเยี่ยซา” จวินอู๋เย่าพูดกับชายชุดดำ
“ขอรับ!” เยี่ยซาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง สีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก
จวินอู๋เย่าเงยหน้าขึ้น มองไปที่จวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้มสดใสบนริมฝีปากของเขา
“เยี่ยซา นั่นคือชื่อของเขา”
จวินอู๋เสียหลุบตาลง กระชับวงแขนที่อุ้มเจ้าแมวดำตัวน้อยตัวน้อยเพิ่มขึ้นอีกส่วน
นั่นไม่ใช่เขา…
แม้ว่ารูปลักษณ์และบรรยากาศรอบตัวจะเหมือนกันทุกประการ แต่เยี่ยซาที่อยู่ตรงหน้านางนี้ แตกต่างจากเยี่ยซาที่อยู่ในเทือกเขาเมฆาวันนั้น
จวินอู๋เย่าสังเกตเห็นถึงปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ของจวินอู๋เสียทั้งหมด แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่ได้พูดอะไร ยิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดออกมา แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของนางในตอนนี้
“จิตวิญญาณของเยี่ยซาได้ถูกหลอมรวมเข้ากับกระดูกงูชิ้นนั้น ตอนนี้เขาเกิดใหม่แล้ว คนตรงหน้า จึงเป็นทั้งเยี่ยซาแต่ก็ไม่ใช่เยี่ยซา”