ตอนที่ 221 ถามด้วยตัวเอง

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

หวัง​ซียัง​ต้ม​น้ำพุ​ทราจีน​เอาไว้​ด้วย​ ​ดื่ม​แล้ว​อบอุ่น​สบาย​ ​ทำให้​คน​รู้สึก​สดชื่น​ ​จึง​ทำให้​เฉินลั​่​วลืม​วัตถุประสงค์​แรกเริ่ม​ที่มา​หานาง​ไป​ชั่วขณะ​ ​กิน​และ​ดื่ม​กับ​นาง​ไป​กว่า​ครึ่ง​ค่อนวัน​ ​จวบจนกระทั่ง​สาวใช้​เด็ก​มาถาม​ว่า​จะ​ให้​ตั้ง​สำรับ​เย็น​ที่ไหน​ ​เขา​ถึง​ได้​รู้สึกตัว​ว่า​หมก​ตัว​อยู่​กับ​นาง​มาต​ลอด​ทั้ง​บ่าย​โดยที่​ไม่ได้​ทำ​อะไร​เป็นชิ้นเป็นอัน​เลย

เขา​อด​นวด​ขมับ​ไม่ได้

ส่วน​หวัง​ซีชิ​นกั​บการ​ที่​เขา​มักจะ​มา​ขอกิ​นข​อดื​่​มกั​บนาง​ไป​แล้ว​ ​จึง​ไม่ได้​ใส่ใจ​ ​หลังจาก​สั่งการ​สาวใช้​เด็ก​ผู้​นั้น​ให้​ตั้ง​สำรับ​เย็น​ที่​ห้อง​อุ่น​เสร็จ​แล้ว​ ​นาง​ยัง​กล่าว​กับ​เฉินลั​่​วอ​ย่าง​เบิกบานใจ​ว่า​ ​“​วันนี้​เจ้า​มีลาภ​ปาก​จริงๆ​ ​พี่ใหญ่​ข้ามา​มิใช่​หรือ​ ​พอส​หาย​ที่​ร่วม​ทำการค้า​บางส่วน​ของ​เขา​ทราบ​เรื่อง​ ​ต่าง​ส่ง​ของกิน​มา​ให้​เป็น​จำนวนมาก​ ​เขา​จึง​แบ่ง​มา​ให้​ข้า​เล็กน้อย​ ​เจ้า​ลอง​ทาย​ดู​ว่าวั​นนี​้​พวกเรา​กิน​อะไร​”

เฉินลั​่​วอ​ยาก​รู้อยู่​บ้าง​จริงๆ

อาหาร​ของ​หอ​สายลม​วสันต์​นั้น​ทุกคน​ต่าง​ทราบ​กัน​ดี​ ​ถาม​เรื่อง​รสชาติ​ก็​ต้อง​บอกว่า​อร่อย​ ​อัน​ที่​มีชื่อเสียง​ที่สุด​ก็​คง​ไม่​พ้น​บึง​บัว​แสงจันทร์​จาน​นั้น​ ​แต่​ตอนที่​หวัง​เฉิน​ให้การ​รับรอง​จ่าง​กง​จู่​ที่​หอ​สายลม​วสันต์​ใน​วันนั้น​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​เนื้อ​ปู​ปั้น​ต้ม​ที่​ทำ​ออกมา​ได้​รสชาติ​ดั้งเดิม​มาก​นั่น​เลย​ ​แม้แต่​เต้าหู้​ฝอย​ต้ม​และ​เต้าหู้​สับ​ต้ม​ ​แค่​กิน​ก็​รู้​ว่า​มิใช่​วัตถุดิบ​ของ​จิง​เฉิง​ ​ทำให้​จ่าง​กง​จู่​ยัง​ต้อง​ลอบ​ประหลาดใจ​ ​หลัง​กลับ​ไป​แล้วยัง​ให้​คน​ไป​สอบถาม​เป็นพิเศษ​อีกด้วย​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​หวัง​เฉิน​ที่​เป็น​บุตรชายคนโต​ของ​สกุล​หวัง​ผู้​นี้​ ​ต่อให้​ไม่ใช่​นัก​ชิม​ตัวยง​แต่​ก็​เป็น​นักกิน​ผู้​หนึ่ง​เหมือนกัน

พอ​เขา​มาถึง​ก็​มีส​หาย​ที่​ร่วม​ทำการค้า​ด้วยกัน​รู้​ข่าว​แล้ว​ส่ง​ของกิน​ไป​ให้​ ​จึง​ยิ่ง​เป็นการ​ยืนยัน​สิ่ง​ที่​เขา​อนุมาน​เอาไว้

เช่นนั้น​สิ่ง​ที่จะ​ได้​กินใน​วันนี้​จะ​ต้อง​เป็น​ของ​หายาก​อย่างแน่นอน

ดีร้าย​เขา​กับ​หวัง​ซีก​็​นับว่า​เคย​ไปมาหาสู่​กัน​อยู่​เสมอ​มิใช่​คนแปลกหน้า​กัน​แล้ว​ ​คนที​่​กิน​ของ​แทบ​ทุกอย่าง​บน​โลก​มา​แล้ว​อย่าง​ครอบครัว​ของ​นาง​นี้​ ​ปลิงทะเล​หรือ​หอย​เป๋าฮื้อ​คง​ไม่​อาจ​ทำให้​พวก​นาง​ตื่นตกใจ​ได้

เฉินลั​่ว​เค้น​สมอง​ขบคิด​ไปมา​อย่างรวดเร็ว

หวัง​ซี​เม้มปาก​หัวเราะ​อยู่​ตรงนั้น​ไป​เรียบร้อย​แล้ว​ ​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ ​“​วันนี้​พวกเรา​จะ​กิน​เนื้อ​กวาง​กัน​!​”

เฉินลั​่ว​เลิก​คิ้ว​ขึ้น​อย่าง​ห้าม​ไม่อยู่

นี่​ถือว่า​น่าประหลาด​ใจมาก​จริงๆ

ฤดูหนาว​เช่นนี้​เนื้อ​กวาง​ดี​ๆ​ ​ถือเป็น​ของ​บำรุง​ชั้นดี​ ​และ​กวาง​ใน​ตอนนี้​ล้วน​เร่ง​นำมา​จาก​เยียน​ตี้​ทั้งสิ้น​ ​นอกจาก​ราคา​สูง​แล้ว​ ​ยัง​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​อีกด้วย

ไม่รู้​ว่า​ผู้ใด​เป็น​คน​มอบให้​หวัง​เฉิน

หวัง​ซีก​ล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​วันนี้​พวกเรา​กิน​เนื้อ​กวาง​ย่าง​กัน​ ​เนื้อ​กวาง​เป็น​ของ​บำรุง​ชั้นดี​ ​ทุกคน​ต่าง​ชอบ​เอา​มาตุ​๋​นน​้ำ​แกง​ ​แต่​ข้า​รู้สึก​ว่า​ตุ๋น​น้ำแกง​เสีย​ของ​เกินไป​ ​มิสู​้​ย่าง​ด้วย​ไฟ​ดีกว่า​ ​โรย​ผง​จันทน์​แปด​กลีบ​และ​อบเชย​ ​แล้วก็​ดื่ม​คู่​กับ​ชาเขียว​สัก​ถ้วย​หนึ่ง​ ​ไม่รู้​ว่า​ช่วย​ให้​สบาย​มาก​เพียงใด​ใน​ฤดูหนาว​เช่นนี้​”

คิดถึง​ตรงนี้​แล้ว​นาง​รู้สึก​ว่านา​งค​วร​ส่ง​ไป​ให้​จ่าง​กง​จู่​ได้​ลอง​ชิม​สักหน่อย​ด้วย​ถึง​จะ​ถูก​ ​แต่​เมื่อ​ทบทวน​ดู​อีกที​ ​บ้าน​พวก​นาง​กับ​จวน​จ่าง​กง​จู่​ยัง​ไม่​ให้​วาง​ของหมั้น​กัน​ ​ความจริง​นาง​คิด​แค่​ว่า​มี​ของดี​อะไร​ทุกคน​ควรจะ​แบ่งปัน​กัน​เท่านั้น​ ​แต่​ถ้า​ตกไป​อยู่​ใน​สายตา​ของ​คน​มี​เจตนาร้าย​ ​ไม่แน่​มัน​อาจ​กลายเป็น​การ​ประจบสอพลอ​ก็​เป็นได้​ ​เพราะฉะนั้น​อย่า​หาเรื่อง​ใส่​ตัวเอง​ดีกว่า

โชคดี​ที่​ก่อนหน้านี้​ให้​คน​นำ​บางส่วน​ไป​มอบให้​บ้าน​สาม​กับ​โหวฮู​หยิน​แล้ว​ ​ไม่อย่างนั้น​คง​จัดการ​ไม่​ง่าย​เป็นแน่

ระหว่าง​พูดคุย​กัน​ ​ไป๋​จื่อ​ก็​พาบ​่าว​ชาย​สอง​สาม​คน​ยก​ตะแกรง​เตาถ่าน​เข้ามา

มี​แม่ครัว​จาก​ห้องครัว​คอย​ย่าง​เนื้อ​อยู่​ด้าน​ข้าง

ถ่านไฟ​สีแดง​แผดเผา​จน​ตะแกรง​เหล็ก​เป็น​สีแดง​ฉาน​ ​เนื้อ​กวาง​ที่​วาง​อยู่​ด้านบน​ส่งเสียง​ ซี่​ๆ​ๆ ​ทั่วทั้ง​ห้อง​อุ่น​พลัน​อบอวล​ไป​ด้วย​กลิ่นหอม​ ​ทำให้​เฉินลั​่​วที​่​กิน​เกาลัด​มาค​รึ​่ง​วัน​แล้ว​พลัน​รู้สึก​หิว​ขึ้น​มา​อีกครั้ง

เขา​ทำ​หน้า​ขื่น​อย่าง​ช่วยไม่ได้

หาก​เขา​ยัง​กิน​เช่นนี้​ต่อไป​ ​อีกไม่นาน​จะ​ต้อง​อ้วน​แน่ๆ

แต่​หวัง​ซีดู​ไม่​อ้วน​เลย​…

เขา​ชำเลือง​มอง​หวัง​ซี​อย่างรวดเร็ว​ครั้งหนึ่ง

นอกจาก​ไม่​อ้วน​แล้ว​ ​ผิว​ยัง​ขาว​อม​ชมพู​ ​ดู​สุขภาพ​ดียิ่ง​นัก

ไม่รู้​ว่า​ดูแลตัวเอง​ไม่​ให้​อ้วน​ได้​อย่างไร

เฉินลั​่ว​ขบคิด​อยู่​ใน​ใจ​ ​ทว่า​ตะเกียบ​ที่​คีบ​เนื้อ​กลับ​ไม่​วาง​ลง​เลย​แม้แต่​ครู่เดียว​ ​ไม่นาน​ก็​รู้สึก​อิ่ม​จน​จุก

เขามอง​เนื้อ​กวาง​ที่​ยัง​เหลืออยู่​อีก​หนึ่ง​จาน​ใหญ่​พลาง​วาง​ตะเกียบ​ลง​อย่าง​แสน​เสียดาย

ด้วย​สถานะ​ของ​ขา​ ​เนื้อ​กวาง​ไม่ใช่​ของ​หายาก​ ​แต่​เหมือน​อย่างที่​หวัง​ซีก​ล่าว​มา​ ​นั่น​คือ​ทำได้​ไม่อร่อย​เท่านี้

หวัง​ซียั​งบ​อก​เขา​ด้วยว่า​ ​“​ท่าน​ปู่​ข้า​บอก​ข้าว​่า​ตอน​เขา​เดินทาง​ไป​เป่ย​เจียง​นั้น​ ​เคย​เห็น​คน​นำ​เนื้อ​แกะมา​ย่าง​เช่นนี้​ด้วย​ ​คราวหน้า​พวกเรา​ย่าง​เนื้อ​แกะ​ก็แล้วกัน​”

ที่​จิง​เฉิง​นี้​ส่วนมาก​นิยม​นำ​เนื้อ​แกะ​ไป​ทำ​เนื้อ​จุ่ม​มากกว่า

เฉินลั​่ว​สนใจ​อยาก​ลอง​ชิม​ดู​สักครั้ง​จริงๆ

อย่างไรก็ตาม​ ​หลังจาก​รับ​มื้อ​เย็น​เสร็จ​ ​ท้องฟ้า​ก็​มืด​ ​ใต้​ชายคา​ต่าง​แขวน​โคมไฟ​กัน​เรียบร้อย​ ​เขา​เอง​ก็​ควรจะ​กลับ​ได้​แล้ว

แต่​เขา​ยัง​ไม่ได้​ทำตาม​วัตถุประสงค์​ที่มา​ใน​วันนี้​เลย​!

เฉินลั​่ว​ครุ่นคิด​ ​ดึง​หวัง​ซี​ไป​เดิน​ย่อย​อาหาร​ ​ยัง​บอก​นาง​ด้วยว่า​ ​“​กลางคืน​จะ​ได้​หลับ​สบาย​”

“​กิน​อิ่ม​ก็​ควร​เข้านอน​ ​นอน​เต็มอิ่ม​จิตใจ​ถึง​จะ​แจ่มใส​”​ ​น้อย​ครั้ง​เหมือนกัน​ที่จะ​ได้​เห็น​หวัง​ซีกิน​จน​จุก​ ​คิด​แต่​เรื่อง​อยาก​กลับ​ไป​นอน​ใน​ห้อง​ชั้นใน​ที่​จุด​ท่อ​ทำความ​ร้อน​เอาไว้​เท่านั้น

เฉินลั​่​วรู​้​ดี​ ​หาก​เขา​หาเหตุ​ผล​มา​พูด​กับ​นาง​ ​ไม่รู้​ว่านาง​จะ​มีเหตุผล​ประหลาด​รอ​เขา​อยู่​อีก​มากมาย​เพียงใด​ ​กว่า​เขา​จะ​เถียง​ชนะ​นาง​ ​นาง​ก็​พักผ่อน​เสร็จ​แล้ว

เขา​จึง​ลาก​นาง​ไป​เดิน​ใน​สวน​โดย​ไม่​ให้​คำอธิบาย​ใดๆ

แม้น​หวัง​ซีจะ​สวม​เสื้อคลุม​หนัง​สัตว์​เอาไว้​ก็​ยังคง​รู้สึก​หนาว​เกินไป​อยู่ดี

นาง​เดิน​ไป​ได้​ครู่หนึ่ง​ก็​เอ่ย​ถาม​ว่า​ ​“​กลับ​แล้ว​ได้​หรือไม่​”

เฉินลั​่ว​หัวเราะ​ไม่​ออก​ร้องไห้​ไม่ได้​ ​บังคับ​นาง​เดิน​อีก​ครู่หนึ่ง​แล้ว​ถึง​ได้​ปล่อย​นาง​ไป

หวัง​ซีลิง​โลด​ยินดี​ ​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​พรุ่งนี้​เจ้า​จะ​มากิ​นมื​้อ​เย็น​ด้วยกัน​หรือไม่​ ​ข้า​ตัดสินใจ​ว่า​พรุ่งนี้​จะ​ย่าง​เนื้อ​แกะ​กิน​ ​หอ​สายลม​วสันต์​เอา​เม็ด​บัวสด​ใหม่​มา​ให้​ ​พรุ่งนี้​พวก​ข้า​จะ​ทำ​เม็ด​บัว​ต้ม​พุทรา​จีน​กินกัน​ด้วย​”

หาก​เขา​มา​ขอมื​้อ​เที่ยง​กิน​แทน​ ​เช่นนั้น​ก็​อย่า​หาว่า​นาง​ไม่มี​ของดี​ๆ​ ​รับรอง​เขา​ก็แล้วกัน

เจตนารมณ์​ของ​เฉินลั​่ว​ยัง​ไม่​บรรลุผล​เลย​ ​เขา​ไหน​เลย​จะ​มี​อารมณ์​มาคาด​เดา​ว่านาง​หมายความว่า​อย่างไร​ ​กล่าว​อย่าง​แสน​เสียดาย​ว่า​ ​“​เกรง​ว่า​พรุ่งนี้​คง​ไม่​อาจมา​กิน​มื้อ​เย็น​กับ​เจ้า​ ​ข้า​กับ​ท่าน​แม่​ต้อง​เข้า​วัง​สักครั้ง​หนึ่ง​ ​ช่วงนี้​ฮ่องเต้​กับ​ฮองเฮา​เหนียง​เหนียง​มีปากเสียง​กัน​อีกแล้ว​ ​ฮ่องเต้​โวยวาย​ต้องการ​ปลด​ฮองเฮา​ ​ฮองเฮา​เหนียง​เหนียง​ส่งจดหมาย​มา​ให้​มารดา​ข้า​เข้า​วัง​ ​ถึง​เวลา​นั้น​จวน​ชิ่ง​อวิ​๋น​ป๋อ​ย่อม​มี​คน​เข้า​วัง​ด้วย​เป็นแน่​ ​ข้า​อยู่​ด้วย​จะ​ได้​ช่วย​ดู​อะไร​ได้​บ้าง​”

หวัง​ซี​ได้ยิน​แล้ว​รู้สึก​เป็นห่วง​เล็กน้อย​ ​ขมวดคิ้ว​มุ่น​พลาง​กล่าว​ ​“​เหตุใด​ฮ่องเต้​กับ​ฮองเฮา​ถึง​ทะเลาะ​กัน​?​ ​เพียง​เพราะ​อยาก​หาเรื่อง​สนุก​ก็​เลย​โวยวาย​ขึ้น​มาค​รั้ง​หนึ่ง​ ​หรือ​เพราะ​วางแผน​เอาไว้​แต่​เนิ่นๆ​ ​แล้ว​?​”

เพราะ​ถ้า​ปลด​ฮองเฮา​ได้​ ​คง​จัดการ​เรื่อง​ต่างๆ​ ​ได้​ง่าย​ขึ้น

สีหน้า​ของ​เฉินลั​่ว​เยือกเย็น​ขึ้น​เล็กน้อย​ ​กล่าวว่า​ ​“​ไม่รู้​เหมือนกัน​!​ ​แต่​ไม่ว่า​เขา​คิด​จะ​ทำ​อะไร​ ​เกรง​ว่า​คง​ช้า​ไป​เล็กน้อย​แล้ว​”

กล่าวถึง​ตรงนี้​ ​เขามอง​หวัง​ซีค​รั้ง​หนึ่ง

ควร​เอ่ยถึงปั​๋ว​หมิง​เย​่ว​์​ต่อหน้า​นาง​หรือไม่​นะ​?

ความคิด​ดังกล่าว​วาบ​เข้ามา​ใน​หัว​ของ​เขา​แล้วก็​ผ่าน​ไป​ ​ชั่วพริบตา​นั้น​เขา​ตัดสินใจ​ว่า​ควรจะเป็น​อย่างไร​ก็​ให้​เป็น​อย่างนั้น

หาก​หวัง​ซี​แต่ง​กับ​เขา​แล้ว​ ​เป็นไปไม่ได้​ที่นาง​จะ​ไม่​ปฏิสัมพันธ์​กับ​จวน​ชิ่ง​อวิ​๋น​ป๋อ

“ปั​๋ว​หมิง​เย​่ว​์​วุ่น​ทำงาน​อยู่​ข้างนอก​มา​เกือบ​หนึ่ง​เดือน​แล้ว​”​ ​เฉินลั​่​วกด​เสียง​ลง​ต่ำ​พลาง​กล่าว​ ​“​หาก​ฮ่องเต้​แต่งตั้ง​หนิง​ผิน​ไม่ได้​ ​ปลด​ฮองเฮา​ไป​ก็​ไม่มี​ประโยชน์​อัน​ใด​ ​แต่​ถ้า​เขา​คิด​จะ​แต่งตั้ง​หนิง​ผิน​ ​คน​เหล่านั้น​จะ​ปล่อยไป​อย่างง่ายดาย​ได้ที่​ไหน​กัน​”

กลัว​แต่ว่า​มีด​สังหาร​อย่างดี​ที่​จวน​ชิ่ง​อวิ​๋น​ป๋อ​เตรียมการ​เอาไว้​แต่​เนิ่นๆ​ ​นั้น​จะ​บาก​อยู่​บน​ศีรษะ​ของ​หนิง​ผิน​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ขอ​เพียง​ฮ่องเต้​กล้า​เอ่ย​คำ​ว่า​ปลด​ฮองเฮา​ ​พวกเขา​ก็​พร้อม​กระโดด​ออกมา​ป่าวประกาศ​ความผิด​ของ​หนิง​ผิน​ ​บีบบังคับ​ให้​ฮ่องเต้​ปลิด​ชีพ​หนิง​ผิน​ได้​ทุกเมื่อ​ ​ครั้น​องค์​ชาย​เจ็ด​กลายเป็น​องค์​ชาย​ที่​พระมารดา​มีความผิด​ ​และ​ท่ามกลาง​องค์​ชาย​พระองค์​อื่นๆ​ ​ที่​ล้วน​ไม่มี​ความผิด​ใหญ่หลวง​อะไร​ ​โอกาส​ที่​เขา​จะ​ได้​เป็น​ฮ่องเต้​ก็​ริบหรี่​ลง​แล้ว

“​บัดนี้​กลัว​แค่​ว่า​ฮ่องเต้​จะ​เป็น​หมา​จนตรอก​”​ ​ทุกวันนี้​ยาม​เฉินลั​่ว​เอ่ยถึง​ฮ่องเต้​ขึ้น​มา​อีกครั้ง​ ​ไม่มี​ความ​เทิดทูน​บูชา​ปรากฏ​ออกมา​ทาง​ดวงตา​และ​หัวใจ​นาน​แล้ว​ ​คำพูด​จาก​็​เปลี่ยนเป็น​ถากถาง​อย่าง​เผ็ดร้อน​ขึ้น​มา​ ​“​เห็น​ตระกูลปั​๋ว​แล้ว​ระคาย​ตา​ ​ขอ​เพียง​เป็น​สิ่งของ​ของ​ตระกูลปั​๋ว​ ​ล้วน​ต้องการ​กำจัด​ให้​สิ้นซาก​ ​ยอม​ทำ​แม้กระทั่ง​เรื่อง​ที่​ต้อง​สูญเสีย​ด้วยกัน​ทั้งสองฝ่าย​”​

เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ ​คนที​่​มีโอกาส​ได้รับ​ประโยชน์​สูงสุด​ก็​คือ​องค์​ชาย​สี่​แล้ว

แต่​องค์​ชาย​สี่​ย้ำ​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ว่า​ต้องการ​ออก​ไป​ปกครอง​เมือง​อื่น​ ​ทว่า​จวบจน​บัดนี้​ก็​ยัง​ไม่มี​วี่แวว

หวัง​ซี​ร้อนใจ​แทน​เฉินลั​่ว​ขึ้น​มา​อย่าง​อด​ไม่ได้​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​จะ​เก็บ​เนื้อ​แกะ​ย่าง​เอาไว้​ให้​เจ้า​ ​เจ้า​อยาก​มากิน​ตอน​ไหน​ก็​มากิน​ได้​ทุกเมื่อ​ ​เรื่อง​ใน​วัง​หลวง​สำคัญ​กว่า​ ​เจ้า​รีบ​ไป​จัดการ​ธุระ​ของ​เจ้า​เถิด​”

ส่วน​นาง​ ​นาง​ตัดสินใจ​ว่า​เย็น​พรุ่งนี้​จะ​ย่าง​เนื้อ​แกะ​กิน​กับ​พวก​ไป๋​กั่ว​ให้​อร่อย​สัก​มื้อ​หนึ่ง​ก่อน​ ​จากนั้น​รอ​เฉินลั​่ว​มา​ขอ​ข้าว​กิน​อีก​เมื่อไร​ค่อย​ทำให้​เขา​กิน​ก็แล้วกัน

นาง​คิด​แล้ว​น้ำลายสอ​จน​เกือบจะ​ไหล​ออกมา​ ​จึง​ยิ่ง​แน่วแน่​ว่า​อย่างไร​เย็น​พรุ่งนี้​ก็​ต้อง​กิน​เนื้อ​แกะ​ย่าง​ให้​ได้

ทว่า​เฉินลั​่ว​ไม่รู้​ความคิด​นาง​ ​เมื่อ​เดิน​ไป​ถึง​ประตู​หลัง​ยัง​กล่าว​ปลอบ​นาง​อยู่​ตรงนั้น​ว่า​ ​“​เจ้า​อยาก​กิน​ก็​กิน​ก่อน​เถอะ​ ​รอ​ให้​ถึง​ตอนที่​ข้ามา​หา​อีกที​ ​ไม่แน่​ว่า​อาจมี​ของ​อร่อย​กว่า​ให้​กิน​ก็​เป็นได้​”

หวัง​ซีพ​ยัก​หน้า

เฉินลั​่​วก​ลับ​ไม่ได้​จากไป​ทันที​ ​แต่​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ประตู​ครู่หนึ่ง​ ​คล้าย​ต้องการ​พูด​บางอย่าง​แต่​ก็​หยุด​ไป

หวัง​ซี​ถาม​อย่างประหลาดใจ​ว่า​ ​“​เจ้า​มีเรื่อง​อะไร​ที่​พูด​กับ​ข้า​ไม่ได้​อย่างนั้น​หรือ​ ​ข้า​ย่อม​จะเข้า​ข้าง​เจ้า​อยู่​แล้ว​”

มุม​ปาก​เฉินลั​่ว​ยก​ยิ้ม​ขึ้น​ ​สายตา​ที่​มอง​นาง​ก็​อ่อนโยน​ประหนึ่ง​แสง​จันทรา​ ​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​เบา​ทว่า​อบอุ่น​และ​สุภาพ​ว่า​ ​“​ข้า​ยัง​ไม่ได้​ถาม​เจ้า​เลย​ว่า​เจ้า​ทบทวน​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​พวกเรา​เสร็จ​หรือยัง​”

หวัง​ซี​ตกตะลึง​พรึง​เพริด

เขา​ให้​จ่าง​กง​จู่​ไป​สู่ขอ​นาง​กับ​ครอบครัว​แล้ว​มิใช่​หรือ​ ​เหตุใด​เขา​ยัง​ถาม​คำถาม​นี้​กับ​ตน​อีก​?

นาง​มอง​เขา​ด้วย​ความประหลาดใจ​ ​กล่าวว่า​ ​“​แน่นอน​ว่า​ข้า​ทบทวน​เสร็จ​แล้ว​ ​ไม่อย่างนั้น​พี่ใหญ่​ของ​ข้า​ไม่มีทาง​ไป​กินข้าว​กับ​จ่าง​กง​จู่​หรอก​!​”

“​จริง​หรือ​!​”​ ​เฉินลั​่ว​พูด​ตะกุกตะกัก​เล็กน้อย​ ​“​เช่น​ ​เช่นนั้น​ข้า​ไม่มี​เรื่อง​อะไร​แล้ว​ ​ข้า​ก็​แค่​อยาก​ลอง​ถาม​เจ้า​ดู​”

กล่าว​จบ​เขา​ก็​ก้มหน้า​ลง​หลุด​ยิ้ม​ออกมา

เขา​ย่อม​รู้​ว่านาง​ให้​คำตอบ​เขา​แล้ว​ ​แต่​ไม่รู้​เพราะเหตุใด​ ​เขา​รู้สึก​ว่า​ตน​ควร​ถาม​ด้วยตัวเอง​อีกครั้ง​ ​เช่นนี้​ถึง​จะ​สบายใจ​มากยิ่งขึ้น

ไม่ใช่​เขา​ปรารถนา​อยู่​ฝ่าย​เดียว

นาง​เอง​ก็​ปรารถนา​แต่ง​กับ​เขา​ด้วย​เช่นกัน

“​เจ้า​วางใจ​”​ ​เฉินลั​่ว​ให้​คำมั่น​กับ​หวัง​ซี​ ​“​งานแต่ง​ของ​พวกเรา​มีมา​รดา​ข้า​เป็น​ผู้ตัดสินใจ​ ​ไม่มีทาง​ปล่อย​ให้​เจ้า​ต้อง​เป็นทุกข์​อย่างแน่นอน​”

ยาม​เขา​กล่าว​ถ้อยคำ​นี้​ดู​เยือกเย็น​เล็กน้อย​ ​หวัง​ซีสัม​ผัส​ได้​ว่า​เขา​กำลัง​โกรธ

และ​ยัง​โกรธ​มาก​อีกด้วย

หรือ​มีเรื่อง​อะไร​เกิดขึ้น​?

อย่างไรก็ตาม​ ​นี่​เป็นเรื่อง​ของ​เฉินลั​่ว​ ​ควร​ปล่อย​ให้​เขา​ออกหน้า​ไป​จัดการ​ ​นาง​ไม่​คิด​จะ​สอด​มือ​เข้าไป​แทรกแซง

หลัง​ส่ง​เฉินลั​่​วก​ลับ​ไป​แล้ว​ ​นาง​ก็​นอนหลับ​อย่าง​เป็นสุข​ไป​หนึ่ง​ตื่น​ ​ผู้ใด​จะ​รู้​ว่า​เมื่อ​ตื่นขึ้น​มาก​็​เกิดเรื่อง​ขึ้น​อีกแล้ว

ซือ​จู​วิ่ง​มาหา​แต่เช้า​ตรู่​ ​ต้องการ​เจอ​นาง​ให้​ได้

หวัง​ซีนั​่​งอยู​่​ข้าง​กระจก​ ​มอง​ไป๋​จื่อ​ที่​กำลัง​หวี​ผม​ให้​ตน​จาก​ใน​กระจก​ ​ปล่อย​ให้​สาวใช้​เด็ก​นวด​นิ้วมือ​ไป​ด้วย​ ​กล่าว​ไป​ด้วยว่า​ ​“​แล้ว​ตัวนาง​เล่า​?​ ​อยู่​หน้า​ประตู​หรือ​อยู่​ที่​เรือนฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​?​ ​ผู้ใด​เป็น​คน​มารา​ยงาน​ ​สืบ​ได้​หรือไม่​ว่า​มาด​้วย​เรื่อง​อัน​ใด​”

ไป๋​กั่ว​ที่​เปิด​กล่อง​เครื่องประดับ​เตรียม​เอาไว้​สำหรับ​ให้​หวัง​ซี​เลือก​เครื่องประดับ​อยู่​ด้าน​ข้าง​กล่าว​ขึ้น​ว่า​ ​“​เห็น​บอกว่า​อยู่​ที่​เรือน​โหวฮู​หยิน​ ​พานห​มัว​มัว​คน​ข้าง​กาย​โหวฮู​หยิน​เป็น​คน​มาแจ้ง​ข่าว​ ​โหวฮู​หยิน​เอง​ก็​แปลกใจ​มาก​เช่นกัน​ ​พานห​มัว​มัว​ยัง​กล่าว​ติดตลก​ว่า​สะใภ้​ใหญ่​สกุล​เฉิน​เกือบ​ทำให้​โหวฮู​หยิน​ต้อง​แอบ​อยู่​ใน​ผ้าห่ม​ไป​แล้ว​ ​ยัง​กล่าว​ด้วยว่า​ ​ตอนแรก​คิด​ว่า​สะใภ้​ใหญ่​สกุล​เฉิน​มีเรื่อง​ทะเลาะ​กับ​คุณชาย​ใหญ่​เฉิน​เสียอีก​ ​ภายหลัง​บอกว่า​มา​เพื่อ​พบ​ท่าน​โดยเฉพาะ​ ​โหวฮู​หยิน​ถึง​ได้​โล่งอก​ไป​เปลาะ​หนึ่ง​”

หลังจาก​ซือ​จู​ออกเรือน​ไป​ ​ทุกคน​ต่าง​เรียกขาน​นาง​ว่า​สะใภ้​ใหญ่​สกุล​เฉิน

หวัง​ซี​ตรึกตรอง​ ​เป็นไปไม่ได้​ที่​โหวฮู​หยิน​จะ​ไม่​พูด​เช่นนั้น​กับ​ซือ​จู​ ​แต่​ซือ​จู​จะ​ต้อง​ดื้อดึง​ ​ไม่เชื่อฟัง​คำของ​โหวฮู​หยิน​ ​ในเมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​นาง​ก็​จะ​สั่งสอน​การ​เป็น​คน​ให้​ซือ​จู​สักครั้ง​ก็แล้วกัน

ยิ่งไปกว่านั้น​หวัง​ซี​รู้สึก​ว่า​ตน​กับ​ซือ​จู​ไม่มี​อะไร​ให้​ต้อง​พูด​กัน​ ​แม้แต่​การทักทาย​ตามมารยาทาง​สังคม​ยัง​คร้าน​จะ​ทักทาย​นาง​ด้วยซ้ำ

นาง​สั่งการ​ไป๋​กั่ว​ว่า​ ​“​เจ้า​ไป​ตอบ​พานห​มัว​มัว​สัก​คำ​หนึ่ง​ ​บอกว่า​ข้า​เพิ่ง​ตื่น​ ​ยัง​ต้อง​รับ​มื้อ​เช้า​และ​ไป​คารวะ​เช้าฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​อีก​ ​หาก​นาง​รอ​ได้​ก็​รอ​ไป​ก่อน​”​ ​แล้วก็​กล่าว​กับ​ไป๋​จื่อ​อีกว่า​ ​“​พวกเรา​ไป​คารวะ​เช้าฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​ก่อน​ ​จากนั้น​ค่อย​กลับมา​รับ​มื้อ​เช้า​กัน​”

ก็​รอดู​ว่า​พวก​นาง​จะ​มี​วาสนา​ได้​เจอ​หน้า​กัน​หรือไม่

สาวใช้​ที่​ปรนนิบัติ​อยู่​ภายใน​ห้อง​ต่าง​พากัน​เม้มปาก​หัวเราะ

…………………………………………………………………….