ตอนที่ 180 หญิงสาวผู้ปกปิดใบหน้า

การปรากฏตัวของเจ้าสัตว์ประหลาดไม่เพียงแต่ทําให้พ่อบ้านและคนรับใช้คนอื่นๆรู้สึกหวาดกลัวเท่านั้นแม้แต่หวังเทาและองครักษ์ทั้งสองคนของเขาก็ต้องตกตะลึงขึ้นมาด้วยเช่นกัน

อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันอาศัยและยังเป็นภัยคุกคามสําหรับพวกเขาอีกด้วย

ถ้าหากว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่บนบกแม้ว่ามันจะทรงพลังมากเพียงใดพวกเขาก็คงไม่รู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้แน่นอนแต่ในตอนนี้มันกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาอยู่บนเรือส่วนมันอยู่ใต้น้ำถ้าหากต้องสู้กันจริงๆพลังของพวกเขาคงจะถูกลดลงไปมากกว่าครึ่งและคงยากมากที่จะสังหารสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้แต่ถ้าหากว่าพวกเขาตามมันลงไปใต้น้ำเช่นนั้นแล้วทุกๆคนคงต้องกลายเป็นอาหารของมันแน่นอน

สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่จําเป็นต้องโจมตีซึ่งหน้าเลย ตราบใดที่มันคอยวนเวียนลอบโจมตีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆอีกไม่นานเรือของพวกเขาก็จะจมลงใต้แม่น้ำแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นทุกๆคนคงกลายเป็นอาหารของสัตว์ประหลาดตัวนี้

เพราะเหตุนี้สีหน้าของหลายๆคนจึงแสดงความหวาดกลัวออกมา พวกเขาคิดว่าถ้าหากปล่อยให้มันกระแทกใต้ท้องเรือต่อไปเรื่อยๆอีกไม่นานท้องเรือจะต้องแตกออกแน่นอน

“ท่านพ่อบ้านรีบสั่งให้คนเรือ นําเรือเข้าไปใกล้ฝั่งให้มากกว่านี้” หนึ่งในองครักษ์ของหวังเทาพูดขึ้นมาทันที

แม้ว่าท่าเรือจะไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางแม่น้ำแต่มันก็ถือว่ายื่นออกมาไกลจากแผ่นดิน ในมุมมองของทุกๆคนนั้นทางรอดของพวกเขาก็คือหาทางขึ้นไปบนแผ่นดินให้ได้จากนั้นก็ค่อยหาทางรับมือกับสัตว์ประหลาดตัวนี้

แต่ในตอนที่พ่อบ้านกําลังจะออกคําสั่งนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นทันที

“ย่าห์!”

เมื่อม่อี้สะบัดมือออกไปเบาๆ แสงสว่างเจิดจ้าก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าทันที

“ตุ้ม!”

เสียงระเบิดที่ดังลั่นเกิดขึ้นในรูหูของทุกๆคนและจากนั้นก็กลายเป็นเสียงวิ่งๆๆที่อยู่ในศีรษะ

หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องคํารามที่น่าสะพรึงกลัวจากในแม่น้ำ ดูเหมือนจะเป็นเสียงร้องของเจ้าสัตว์ประหลาดที่ได้รับบาดเจ็บตัวนั้น

เมื่อทุกๆคนรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งก็มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองทันที เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหัวเรีอสามารถเรียกสายฟ้าออกมาได้ทุกๆคนต่างก็รู้สึกยอมจํานนต่อความแข็งแกร่งของชายหนุ่มผู้นี้ทันที

ก่อนหน้านี้ข่าวลือระบุเอาไว้ว่าตอนที่มอี้ต่อสู้กับศาลาแปดทิศนั้นเขาสามารถเรียกสายฟ้าลงมาและทําลายล้างศาลาแปดทิศได้อย่างง่ายดาย แต่นั่นก็เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ใครหลายๆคนต่างก็คิดว่าข่าวลือเช่นนี้ย่อมได้รับการตีไข่ใส่สีเข้าไปอยู่แล้ว

แต่ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเป็นเพียงข่าวลือจะปรากฏตรงหน้าพวกเขาและสิ่งที่ได้เห็นนี้ก็ทําให้ทุกๆคนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อนี่มันเกินกว่าสิ่งที่ทุกคนคาดคิดเอาไว้เสียอีก

อย่างน้อยทุกๆคนก็ยากจะลบภาพที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกไปจากจิตใจได้

หวังเทาจ้องมองไปที่หัวเรือด้วยสีหน้าที่ดูตื่นเต้นและใบหน้าของเขาก็ดูมั่นใจมากยิ่งขึ้น

ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่และสายตาของทุกๆคนต่างก็จ้องมองไปที่มู่อี้หรือไม่ก็สัตว์ประหลาดตัว

หลังจากสายฟ้าผ่าลงมาสีหน้าของมู่ก็ไม่ได้แสดงความปิติยินดีออกมาแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีแม้ว่าสายฟ้าจะทําให้สัตว์ประหลาดตัวนี้ได้รับบาดเจ็บแต่มันก็ไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงเหมือนที่เขาคิดเอาไว้ยันต์สายฟ้าเพียงแผ่นเดียวคงไม่สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้แน่นอน

ถ้าหากอยู่บนพื้นดินมู่ล้ำคงมีวิธีการมากมายที่จะสังหารสัตว์ประหลาดตัวนี้ แต่เมื่อมันอยู่ในน้ำแม้แต่มู่อี้เองก็ไม่รู้จะเอาชนะมันด้วยวิธีการใดเหมือนกัน

อย่างน้อยที่สุดเมื่อมีผืนน้ำคอยปกป้อง ยันต์สายฟ้าของเขาดูเหมือนจะถูกลดทอนพลังลงไปอีกนี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่เขาพยายามล่อลวงสัตว์ประหลาดตัวนี้ให้ขึ้นมาจากน้ำแต่เขาไม่คิดเลยว่าพลังป้องกันของสัตว์ประหลาดตัวนี้จะสูงมากและไม่ได้ด้อยไปกว่าตาหนิวเลย

ยันต์สายฟ้ายังใช้ไม่ได้ผลไม่ต้องพูดถึงยันต์ปราบปีศาจเลย และด้วยน้ำกับไฟที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วตะเกียงทองแดงของเขาก็ย่อมใช้ไม่ได้ผลด้วยเช่นกัน และแม้ว่าตะเกียงทองแดงอาจจะมีผลต่อสัตว์ประหลาดตัวนี้แต่ก็คงไม่มากนักเพราะสัตว์ประหลาดตัวนี้เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณของมัน

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วมู่อี้ก็เหลือเพียงต้นไผ่แห่งชีวิตของเขาเท่านั้น แม้ว่ามันจะเป็นต้นไผ่แห่งชีวิตแต่ก็เป็นเพียงแค่ต้นไผ่ต้นหนึ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังป้องกันของสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ยากที่จะฝ่าทะลุเข้าไปได้

แต่การตามลงไปใต้น้ำอี้ก็ไม่อยากทําแบบนั้นเหมือนกันเพราะใต้น้ำคือโลกของสัตว์ประหลาดตัวนี้เมื่ออยู่ใต้น้ำมันสามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่แต่เขาจะเหลือพลังเพียงแค่น้อยนิดและความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขากับมันก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแน่นอน

ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นม่อี้จะไม่ลงไปใต้น้ำเด็ดขาด

“ขอยืมหอกของท่านหน่อยได้หรือไม่?” ทันใดนั้นมู่อี้ก็หันมามองหวังเทาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อาวุธที่เหมาะสมในการรับมือกับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มากที่สุดก็คือหอกและหวังเทาก็ถือเป็นผู้ที่ใช้หอกคนหนึ่งปกติแล้วหอก ของเขานั้นจะถูกเก็บเอาไว้ในห่อผ้าอยู่ตลอดเวลานี่แสดงให้เห็นว่าหอกของเขาล้ำค่ามากเพียงใด

เมื่อได้ยินคําพูดของมู่ลี้ หวังเทาก็แสดงความลังเลใจขึ้นมาเล็กน้อยแต่จากนั้นก็ยื่นหอกของตนเองให้อีกฝ่าย

“นายน้อยขอรับ” องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็พูดขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าหอกเล่มนี้คืออาวุธที่สําคัญของหวังเทาถ้าหากว่ามันเป็นเพียงแค่หอกธรรมดาเขาคงไม่มีท่าทีเช่นนี้แน่นอน

“ไม่จําเป็นต้องพูดอะไร”หวังเทาสายศีรษะยืนยันและรีบยื่นหอกให้กับมู่อื้อย่างรวดเร็ว

“เป็นหอกที่ดี!”

แม้ว่าเขาจะไม่เคยใช้หอกเล่มนี้มาก่อนแต่เพียงแค่มองครั้งเดียวมู่อี้ก็รู้ได้ทันทีว่าหอกยาวเล่มนี้ไม่ธรรมดาหอกทั้งเล่มมีสีดําเข้มและมีจุดเล็กๆนับไม่ถ้วนที่เป็นเหมือนกับแสงดวงดาวท่ามกลางความมืดของท้องนภาอยู่บนตัวหอกเห็นได้ชัดว่าในตอนสร้างหอกเล่มนี้ขึ้นมาจะต้องมีการเสริมวัสดุพิเศษอย่างเช่นหินดาวตกลงไปด้วยแน่นอน และภายในหอกเล่มนี้ม่อี้ก็รู้สึกได้ถึงความชั่วร้ายที่รุนแรงมีเพียงอาวุธที่ได้ดื่มเลือดในสงครามมามากมายเท่านั้นถึงจะให้ความรู้สึกเช่นนี้ได้

แต่เห็นได้ชัดว่าหวังเทาย่อมไม่ใช่คนที่เคยผ่านสงครามมามากมาย เช่นนั้นแล้วหอกเล่มนี้คงไม่ได้เป็นของเขามาตั้งแต่แรก ผู้ที่เป็นเจ้าของหอกเล่มนี้คงเป็นบิดาของเขาที่เสียชีวิตไปไม่ต้องสงสัยเลยว่าทําไมเขาถึงรู้ สึกลังเลเมื่อลู่อี้ขอยืมหอก

เมื่อเทียบกันแล้วหอกที่อยู่ในมือของเขาในตอนนี้นั้นย่อมเหนือกว่าหอกในมือของโม่หรูเยียนอย่างไม่ต้องสงสัย

วออกไปโดยไม่ลังเลทันที

“พี่บ!”

เมื่อหอกอยู่ในมือของมู่ยิ้มันก็มีอาการสั่นและส่งเสียงขึ้นมาเบาๆทันที หวังเทาเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นเช่นนี้แม้แต่องครักษ์ทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังของเขาก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันคือภาพตอนที่บิดาของหวังเทาใช้หอกเล่มนี้ในสนามรบ

เดิมที่พวกเขาคิดว่าเมื่อนายท่านคนเก่าตายไปคงไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถปลุกหอกเล่มนี้ให้ตื่นขึ้นมาได้อีกและความหวังที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่นายน้อยของพวกเขาเท่านั้นแต่พวกเขาไม่คิดหรือว่าจะมีคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่สามารถทําให้หอกเล่มนี้ตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง

แม้ว่าทั้งสองคนจะรู้สึกตกตะลึงแต่พวกเขาก็ไม่ได้ยินดีสักเท่าไหร่

หวังเทาไม่ได้มีความคิดที่ซับซ้อนเหมือนกับองครักษ์ทั้งสองคน ในตอนนี้สายตาของเขาจ้องมองไปที่หอกที่อยู่ในมือของมู่อี้และในสมองของเขาก็มีเสียงกระซิบเบาๆที่ดังขึ้นมาทันที

นี่คือสิ่งที่เขาตามไล่ล่าไขว่คว้ามาโดยตลอด

ความคิดในจิตใจของเขาเริ่มเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับวัชพืชต้นหนึ่ง

ม่อี้ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะไปสนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหวังเทาแต่ในตอนนี้เขาจ้องมองหอกที่อยู่ในมือของตนเองเท่านั้นและรู้สึกได้ว่าหอกเล่มนี้ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย

“เป็นหอกที่ดี!” ม่อี้พูดในใจอีกครั้ง

ในความคิดของเขาหอกเล่มนี้เกือบจะกลายเป็นอาวุธวิญญาณระดับแรกเริ่มแล้ว ถ้าหากเจ้าของเดิมของมันสามารถใช้หอกเล่มนี้ต่อไปได้มันคงกลายเป็นอาวุธวิญญาณระดับแรกเริ่มแน่นอน และยังเป็นอาวุธวิญญาณที่คนทั่วไปสามารถใช้ได้ไม่ใช่เฉพาะผู้ฝึกยุทธหรือผู้บ่มเพาะพลังแห่งจิตใจเท่านั้น

แต่น่าเสียดายที่เจ้าของเดิมของหอกเล่มนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนผู้สืบทอดของเขานั้นในมุมมองของมู่อี้คงยากที่อีกฝ่ายจะไปถึงระดับเดียวกันกับบิดาของเขาได้ แม้ว่าจะไปถึงระดับนั้นได้ในอนาคตแต่หอกเล่มนี้ก็คงสูญเสียคุณสมบัติของมันไปแล้ว

เหตุผลที่ทําไมเมื่อหอกเล่มนี้อยู่ในมือของเขามันถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา นั่นก็เป็นเพราะพลังแห่งจิตใจของมู่อี้ที่ทําให้หอกเล่มนี้ตอบสนองตามสัญชาตญาณของมัน แม้ว่ามันจะต่อต้านเขาอยู่เล็กน้อยก็ตาม

“จงเชื่อฟังข้า!”

มู่อี้จ้องมองหอกที่อยู่ในมือของเขาและจากนั้นพลังแห่งจิตใจของเขาก็ส่งเข้าไปในหอกทันที ทันใดนั้นหอกที่อยู่ในมือของเขาก็เชื่อฟังและไร้ซึ่งการต่อต้านใดๆ

สายตาของมู่จ้องมองไปที่ผิวน้ำอีกครั้ง

ผิวน้ำมีอาการสั่นเล็กน้อยและกลับมาสงบนิ่งทันที แต่ก็ยังมีคราบเลือดสีแดงที่ลอยขึ้นมาให้เห็น เห็นได้ชัดว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้รับบาดเจ็บแต่มันกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่พลังจิตใจของมู่อี้ก็ยากที่จะหาตัวมันได้

แม้ว่ายากที่จะหาตัวมันได้แต่มอี้ก็ไม่ได้คิดว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะหนีไปแล้ว เพราะเขายังรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่อยู่รอบๆตัวที่ยังไม่ได้หายไปไหน เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ได้หนีไปไหนไกลแต่ซ่อนตัวอยู่นิ่งๆใต้ผิวน้ำเท่านั้น

เมื่อเขาลดการป้องกันของตนเองลงหรือประมาทขึ้นมาเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้คงพุ่งเข้ามาลอบโจมตีเขาอย่างกะทันหันแน่นอน คงจะดีถ้าหากมันเล็งเป้ามาที่เขาเพียงคนเดียวเพราะเขาเชื่อว่าตนเองสามารถรับมือกับมันได้แต่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้เลือกที่จะโจมตีใต้ท้องเรือที่อยู่ในน้ำซึ่งนั่นเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องรีบหาทางแก้ไข

ถ้าหากเรือแตกขึ้นมาจริงๆอย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถมั่นใจได้ว่าตนเองกับตาหนิวจะปลอดภัยแต่คนอื่นๆคงยากที่จะรอดชีวิตไปได้

เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มาจากไหนกันม่อี้ก็ไม่แน่ใจ เพราะเขาเองก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยจากสิ่งที่ได้เห็นก่อนหน้านี้รูปร่างของมันคล้ายกับปลาขนาดยักษ์ที่มีหางแต่ไม่มีครีบกลับกันที่ผมอันนั้นดูเหมือนจะกลายเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่ 2 ข้างซึ่งคล้ายคลึงกับกรงเล็บของมังกรในตํานาน

ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังทรงพลังอย่างยิ่งและยังมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งถ้าหากมันเลือกที่จะหนีไปม่อี้คงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาแล้วแต่ในตอนนี้เขารู้สึกได้ว่ามันยังรออยู่ใกล้ๆและยังไม่ได้ไปไหนเลย

เมื่อเป็นเช่นนี้ม่อี้ก็ยังยืนอยู่ที่หัวเรือพร้อมกับหอกในมือของเขา จิตใจของเขารู้สึกมีสมาธิอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตราบใดที่เขารู้สึกได้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้เข้ามาใกล้เรือเพียงเล็กน้อยหอกในมือของเขาก็จะพุ่งออกไปทันที

ส่วนหวังเทา ผู้พิทักษ์ทั้งสองคน และแม้แต่พ่อบ้านก็ทําได้เพียงยืนรอด้วยสีหน้าที่ดูกังวลใจเท่านั้นพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเพราะกลัวจะไปรบกวนมู่ลี้

หลังจากซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานในที่สุดสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็เลือกที่จะถอยห่างออกไปจากเรือ

เมื่อรู้สึกได้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นกําลังถอยห่างออกไปสู่อี้ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาแล้วจริงๆเพราะการที่เขาต้องเพ่งสมาธิอยู่ตลอดมันทําให้จิตใจของเขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง

แต่ในตอนที่ม่อี้คิดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้หนีไปแล้วนั้น ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ค่อยๆลอยตัวขึ้นมาจากระยะไกลๆและปรากฏตัวขึ้นมาบนผิวน้ำ

เมื่อแผ่นหลังขนาดใหญ่ของมันโผล่พ้นน้ำขึ้นมาก็เกิดฟองอากาศสีขาวจํานวนมาก แม้แต่ในยามค่ําคืนเช่นนี้ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนและมันค่อยๆเคลื่อนตัวกลับมาที่ท่าเรืออีกครั้ง

“คิก คิก!”

ทันใดนั้นที่ท่าเรือก็มีเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นมาทันทีและมู่อี้ก็ได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินมาช้าๆนางเดินเท้าเปล่าเส้นของนางมีผ้าคลุมผืนยาวปกปิดเอาไว้ และใบหน้าของนางก็มีผ้าคลุมหน้าปกปิดเอาไว้ด้วยเช่นกัน

เมื่อหญิงสาวคนนี้ปรากฏตัวขึ้นมาเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็เข้ามาใกล้ท่าเรืออย่างรวดเร็วหญิงสาวผู้ปกปิดใบหน้าก็ก้าวเท้าที่เปลือยเปล่าของนางลงไปบนแผ่นหลังของสัตว์ประหลาดตัวนี้ทันที

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้แม้แต่มอี้ก็รู้สึกตกตะลึง