ตอนที่ 210 ข่มขู่ผู้อำนวยการหง
ผู้อำนวยการหงมองไปรอบๆอย่างรู้สึกผิด เมื่อไม่เห็นคนที่รู้จัก ก็พาหลินเพ่ยออกไปทันที
หลินม่ายแอบตามทั้งสองคนไปที่ป่าละเมาะเล็กๆ ข้างทาง
ช่วงนี้เป็นกลางฤดูร้อน พืชพรรณขึ้นเขียวชอุ่มหนาทึบ ทำให้หลินม่ายซ่อนตัวได้อย่างง่ายดาย
ห่างออกไปไม่กี่เมตร ผู้อำนวยการหงถามหลินเพ่ยด้วยความโกรธ “ไม่ใช่ว่าตกลงกันแล้วหรอว่าฉันจะฝากเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมอวิ๋นเจิ้น ช่วยเธอจ่ายค่าเล่าเรียน ให้ค่าครองชีพเธอเดือนละห้าหยวน แล้วเธอก็ไม่ต้องมาหาฉันอีก ทำไมวันนี้เธอถึงมาหา?”
หลินม่ายได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ดีใจมาก แต่ไม่ได้รีบไปแจ้งนักข่าว
สมัยนี้ โรงเรียนมัธยมหลายแห่งสามารถกู้ค่าเล่าเรียนได้ ตราบใดที่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมการกู้ที่สูง
หากขอให้นักข่าวเข้ามาแทรกแซง หลินเพ่ยก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการยืม
การแทรกแซงของนักข่าวไม่มีประโยชน์อะไร แต่เป็นการทำให้งูตื่นตกใจ และเธอต้องใช้เวลาอีกมากเพื่อจัดการหลินเพ่ย
หลินเพ่ยไม่ได้เป็นทุกข์เป็นร้อนกับท่าทางโกรธเกรี้ยวของผู้อำนวยการหงเลยแม้แต่น้อย
หล่อนแสดงสีหน้าไร้ความละอายใจ “ฉันอยากจะรักษาสัญญาเหมือนกัน แต่ฉันต้องการเงินด่วน ฉันจะไปหาใครได้อีกถ้าไม่มาหาคุณ?”
ใบหน้าของผู้อำนวยการหงเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ “ฉันเกือบถูกเธอทำลายอนาคต จะมีเงินให้เธอได้ยังไง?”
หลินเพ่ยเลิกคิ้วพลางยิ้ม “ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมจะไม่มีแม้แต่เงินห้าสิบหยวนเลยหรือ?”
แม้ว่าห้าสิบหยวนจะไม่มากเกินไป แต่ผู้อำนวยการหงก็ไม่อยากถูกหล่อนข่มขู่ตลอดเวลา เขาจึงพูดด้วยความโกรธว่า “อย่าว่าแต่ห้าสิบหยวน ห้าเหมาฉันก็ไม่มีให้!”
หลินเพ่ยเย้ยหยันหลายครั้ง “จะไม่มีได้ยังไง ไม่อยากให้ล่ะสิไม่ว่า! ไม่เป็นไร ฉันจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจว่าคุณล่วงละเมิดฉัน ตำรวจก็คงให้คุณกินลูกปืนอยู่นั่นแหละ ฉันก็แค่อยากจะดูว่าหลังจากที่คุณกินลูกปืนแล้วเนี่ย คุณจะนำเงินไปใช้ในยมโลกได้ไหม”
สีหน้าของผู้อำนวยการหงย่ำแย่ลงเมื่อถูกคุกคาม ดวงตาวาวโรจน์เผยความเกลียดชังอย่างไม่ปกปิด
หลินเพ่ยพูดประชดประชัน “อยากฆ่าฉันให้ตายเพื่อจะหลุดพ้นความทุกข์นี้หรือ? อย่าหาว่าฉันไม่เตือน อย่าคิดอย่างนั้นเป็นอันขาด ฉันมีนิสัยชอบจดบันทึก และฉันก็บันทึกเรื่องราวต่างๆ ของเราสองคนไว้ในสมุดจดบันทึกตลอดว่าดีเลวยังไงบ้าง ถ้าพ่อแม่ได้ดูสมุดบันทึกของฉัน พวกเขาก็จะรู้ว่าฉันตายอย่างไร ถ้าพวกเขาแจ้งความ คุณก็ไม่รอด!”
ผู้อำนวยการหงค่อยๆ ปล่อยมือที่กำแน่น “เธอมาข่มขู่ฉันบ่อยๆ ไม่กลัวว่าวันหนึ่งฉันจะทนไม่ไหวและยอมตายไปพร้อมกับเธอดีกว่าถูกข่มขู่แบบนี้เหรอ?”
“ฉันรู้ ว่าคุณไม่พร้อมที่จะตายไปกับฉันหรอก”
หลินเพ่ยตบไหล่เขาอย่างทะนงตน “ฉันรับรอง ครั้งนี้จำเป็นจริงๆ คราวหลังฉันจะไม่ขอเพิ่มแล้ว”
ผู้อำนวยการหงแค่นเสียงอย่างเย็นชาในใจ เขาไม่เชื่อที่หล่อนพูด
เมื่อมีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งที่สองตามมา
แต่ก็เหมือนกับที่หลินเพ่ยพูด เขายังไม่มีความกล้าที่จะตายกับหล่อน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับการขู่กรรโชกจากหล่อน
เขากลับมาหยิบสมุดบัญชีเงินฝากเพื่อถอนเงินห้าสิบหยวน แต่เมื่อเขาเห็นหลินเพ่ย ผู้อำนวยการหงก็ไม่เต็มใจที่จะให้เงินกับหล่อน
ถึงอย่างไรเขาก็ถูกข่มขู่ต่อไปอยู่ดี จะไม่ดีกว่าหรือถ้า…
จู่ๆ ผู้อำนวยการหงก็โยนหลินเพ่ยลงกับพื้น
แม้หลินเพ่ยจะไม่ถือสากับร่างกายของตนเอง แต่ในความคิดของหล่อน ผู้หญิงจะใช้เรือนกายก็ต่อเมื่อต้องการหาผลประโยชน์แก่ตนเอง
แต่ปัญหาคือ ถ้าไม่มีผลประโยชน์ หล่อนก็ไม่เต็มใจที่จะมอบกายให้
ผู้อำนวยการหงถูกหล่อนควบคุมได้แล้ว หล่อนจะให้หรือไม่ให้ประโยชน์แก่เขาก็ขึ้นอยู่กับเมตตาของหล่อน แล้วทำไมหล่อนจะต้องเปลืองตัวให้เขาโดยเปล่าประโยชน์ด้วย!
หลินเพ่ยดิ้นพล่านราวกับสาวบริสุทธิ์ขณะขู่เสียงแข็ง “คนแซ่หง ถ้าคุณกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายผม ฉันไม่จบง่ายๆแน่!”
แต่ผู้อำนวยการหงไม่หยุดมือ “ยัยคนเน่าหนอน รู้จักแต่ข่มขู่ แต่ไม่ยอมให้ฉันได้เชยชม แล้วทำไมฉันต้องให้เงินเธอด้วย! มาทำให้ฉันมีความสุขดีกว่า ไม่งั้นอย่าคิดที่จะรับเงินจากฉันสักหยวน!”
“ไม่กลัวฉันแจ้งตำรวจแล้วโดนยิงหรือไง?”
“เอาเลย ถ้าฉันโดนยิง เธอไม่กลัวขาดแหล่งเงินหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเพ่ยก็หยุดต่อต้าน และปล่อยให้ผู้อำนวยการหงจัดการหล่อน
ผู้อำนวยการหงทรมานหล่อนอย่างกะเอาให้ตายด้วยความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง
หลินม่ายซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล เธอปิดหูไว้แน่นไม่ให้ตัวเองได้ยินเสียงสัตว์ร้ายคำราม
หลังจากเชยชมหลินเพ่ยจนเพียงพอแล้ว ผู้อำนวยการหงก็กลับไปทำงานด้วยสีหน้าโล่งใจ
หลินเพ่ยนอนอยู่บนพื้นหญ้าเปียกชุ่มเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว หล่อนนอนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยายามลุกจากพื้นอย่างทุลักทุเลแล้วกลับอวิ๋นเจิ้น
หลินม่ายไม่ได้ตามหลินเพ่ยกลับไปอวิ๋นเจิ้น แต่ไปที่หอพักของโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งอวิ๋นหลาย เพื่อสืบว่าภรรยาของผู้อำนวยการหงทำงานที่ไหน
ภรรยาของผู้อำนวยการหงทำงานในโรงงานขนสัตว์ หลินม่ายจึงไปหาหล่อนแล้วพูดกับหล่อนตรงๆ ว่าหลินเพ่ยข่มขู่คนของหล่อน
ภรรยาของผู้อำนวยการหงมองเธออย่างสงสัย
หลินม่ายยิ้มเย็นชา “คุณไม่ต้องมองฉันอย่างสงสัยหรอก กลับไปตรวจสอบเงินออมของครอบครัวคุณดู จะได้รู้ว่าฉันโกหกหรือเปล่า”
เมื่อครู่ผู้อำนวยการหงถอนเงินห้าสิบหยวนจากธนาคารเพื่อมอบให้หลินเพ่ย
ภรรยาของผู้อำนวยการหงลางานทันที เพื่อกลับบ้านไปตรวจสอบสมุดบัญชีธนาคาร
ไม่ดูก็ไม่รู้ แต่เมื่อได้ดูแล้วก็ทั้งผิดหวังและเสียใจ
สองเดือนก่อนฝากเงินหนึ่งร้อยห้าสิบหยวน ครึ่งชั่วโมงที่แล้วถอนออกไปห้าสิบหยวน
แม้ว่าสองสามีภรรยาจะมีงานทำ แต่พวกเขามีเงินเก็บเพียงสี่ร้อยหยวนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ในช่วงเวลาสั้นๆ สองเดือนนี้ มีการถอนออกไปแล้วสองร้อยหยวน ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของเงินฝาก
ภรรยาผู้อำนวยการหงเรียกผู้อำนวยการหงกลับมาอย่างร้อนใจ โยนสมุดบัญชีใส่หน้าเขาแล้วถามว่า “ทำไมเงินในสมุดบัญชีถึงลดลงครึ่งหนึ่ง คุณถอนเงินไปไหนคะ?”
ผู้อำนวยการหงรู้ว่าถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยไปก็กลัวว่าหล่อนจะสร้างปัญหา เขาจึงไม่กล้าบอกความจริงกับภรรยา
ในเวลาคับขันนี้เองเขาก็คิดอะไรออก “เพื่อนร่วมงานของผมมีเรื่องต้องใช้ด่วน ผมเลยให้เงินก้อนนี้ไป”
“ให้เพื่อนร่วมงานยืมหรือคะ?” ภรรยาจ้องเขาอย่างสงสัย “ให้เพื่อนคนไหนยืมไปคะ พาฉันไปพบเขาหน่อย ฉันจะถามด้วยปากของฉันเองว่าเขามีปัญหาอะไร”
หากไม่ได้ให้เพื่อนร่วมงานยืมจริงๆ ผู้อำนวยการหงจะพาหล่อนไปพบใคร?
ผู้อำนวยการหงรู้สึกสะเทือนใจและให้เหตุผลว่า “ทำแบบนี้คงไม่เหมาะ มันจะทำให้เพื่อนร่วมงานเข้าใจผิดได้ว่าคุณไม่ต้องการให้เขายืมเงิน แล้วก็จะส่งผลต่อมิตรภาพของเรา”
ภรรยากลอกตาแล้วพูดว่า “ฉันแค่ตรวจสอบดูว่ามีเรื่องแบบนี้จริงหรือเปล่า ไม่ได้บอกให้เขาคืนเงิน จะส่งผลกระทบอะไร? ถ้าคุณไม่บอกว่าเพื่อนร่วมงานคนไหน ฉันจะไล่ถามพวกเขาทีละคน!”
ผู้อำนวยการหงถึงกับนิ่งอึ้ง แล้วก็แสดงท่าทางอารมณ์เสีย “ทำไมคุณถึงต้องตรวจสอบขนาดนี้ด้วย ไม่เชื่อใจผมเหรอ!”
ภรรยาพูดว่า “คุณใช้เงินในสมุดบัญชีไม่แม้แต่จะบอกฉันสักคำ คุณจะให้ฉันเชื่อใจอะไร?”
ทั้งคู่ทะเลาะกันพักหนึ่ง สุดท้ายผู้อำนวยการหงก็ต้องเล่าเรื่องที่ถูกหลิยเพ่ยข่มขู่ ภายใต้การสอบสวนของภรรยาเขา
หลังจากพูดจบเขาก็คุกเข่าลงบนพื้น พร้อมกับอ้อนวอนภรรยาว่าอย่าไปหาหลินเพ่ยเพื่อสร้างความยุ่งยากเลย
เขากลัวว่าหลินเพ่ยจะวิ่งโร่ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเรื่องที่เขาบันดาลโทสะแล้วข่มเหงหล่อน แล้วเขาก็ต้องถูกยิงเป้า!
แม้ภรรยาผู้อำนวยการหงจะเกลียดชายคนนี้ที่นอกใจหล่อน แต่หล่อนก็ทนไม่ได้ถ้าเขาจะต้องตาย
แม้ว่าสามีจะผิด แต่เขาก็ถูกล่อลวง
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาถูกยิงเพราะเหตุนี้จริงๆ หล่อนคงไม่สามารถเลี้ยงลูกทั้งสามคนได้ด้วยตัวคนเดียว
ถ้าชายคนนั้นได้กินลูกปืนเพราะก่ออาชญากรรม หล่อนและลูกๆ คงไม่ต้องคิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ภรรยาของผู้อำนวยการหงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำใจกัดฟันตกลงกับผู้อำนวยการหง
จากนั้นผู้อำนวยการหงก็รู้สึกโล่งใจและกลับไปโรงเรียนเพื่อทำงานต่อ
ภรรยาของผู้อำนวยการหงร้องไห้อย่างขมขื่นที่บ้าน และต้องไปทำงานด้วยความสิ้นหวัง
หล่อนลางานส่วนตัวสองชั่วโมง หากไม่ไปทำงานจะถือว่าขาดงานและหักค่าจ้าง
หลินม่ายยังไม่ไป แต่รออยู่ด้านนอกอาคารหอพัก
จากนั้นก็เห็นว่าผู้อำนวยการหงออกมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วไปโรงเรียนเพื่อทำงาน
และตอนนี้ภรรยาของผู้อำนวยการหงกำลังร้องไห้ และกำลังไปทำงานด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี รู้ว่าหล่อนกำลังกัดฟันกล้ำกลืนเลือดลงไป
นี่ไม่ใช่สิ่งที่หลินม่ายต้องการเลย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นังเพ่ยนี่ถ้าได้อยู่ในยุคหกศูนย์ก็มีโอกาสโดนจับแก้ผ้าโกนหัวแห่ประจานทั่วมณฑลอะ เอาให้อับอายมีชีวิตอยู่แบบไม่สู้ตายจนต้องร้องขอความตายเองไปเลย
ผู้อำนวยการหงก็ขาดสติ ถ้าไม่ใช้ความโกรธนำสติ ปัญหาก็น่าจะแก้ง่ายกว่านี้
ไหหม่า(海馬)