บทที่ 218 บรรพชนปีศาจ
บทที่ 218 บรรพชนปีศาจ
บนลานประลอง ปีศาจที่ก่อตัวเป็นรูปร่างในท้องนภาเหนือเสวียนหลีเงยหน้าขึ้น มันสูดหายใจเข้าอย่างรุนแรง
“หึ ๆๆๆ ในที่สุดครึ่งหนึ่งของข้าก็ได้ออกมาเสียที! หนึ่งหมื่นปี ข้าถูกขังมาหนึ่งหมื่นปี ในที่สุดข้าก็ได้เห็นแสงตะวันอีกครั้ง!”
ปีศาจหันมามองลู่หยวน มันยังคงส่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาดออกมา “เจ้าคือคนที่สาวน้อยผู้นี้อยากฆ่าจนถึงขั้นสังเวยวิญญาณให้สินะ”
“หึ ๆๆ ก็แค่ครึ่งก้าวสู่ขั้นเทียมเทพ ข้าใช้เพียงนิ้วเดียวก็บดขยี้เจ้าจนตายได้! ข้าเองก็ต้องขอบคุณเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า สาวน้อยผู้นี้จะยอมสังเวยวิญญาณตัวเองได้อย่างไร?”
ปีศาจยืดตัวไปมา กลิ่นอายสีม่วงพลันโคจรไปโดยรอบ ก่อนจะถูกดูดกลืนเข้าสู่ร่างของเสวียนหลี ดวงตาของมันที่เดิมเป็นสีขาวดำไร้อารมณ์ถูกอาบย้อมด้วยสีม่วง พร้อมแผ่พลังออกมา
“สาวน้อยผู้นี้ถึงกับแบกรับวิถีเร้นลับเอาไว้ ข้าได้กำไรแล้ว! แม้ว่าร่างนางจะไม่ได้น่าดึงดูดใจสักเท่าไหร่ก็เถอะ”
ดวงตาสีม่วงพลันเคลื่อนไหว มันจ้องตรงมาที่ลู่หยวน “เจ้าหนู เพื่อเป็นการขอบคุณ ข้าจะฆ่าเจ้าโดยไม่ให้รู้สึกเจ็บปวด”
บนอัฒจันทร์ ทันทีที่ศิษย์ทั้งหลายสัมผัสถึงตัวตนของปีศาจได้ พวกเขาต่างชักอาวุธ เตรียมพร้อมต่อสู้ทุกเมื่อ ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากอีกฝ่ายไม่ธรรมดาเลยทีเดียว พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะนางได้
ปีศาจชื่นชอบการสังหารเป็นที่สุด นางยึดครองร่างของเสวียนหลี ซึ่งสิ่งต่อไปที่จะทำคือใช้ร่างของผู้สังเวยเป็นตัวประกันเพื่อหลบหนี ก่อนสร้างรูปลักษณ์ขึ้นใหม่ตามความพอใจของตนเอง
หากไม่ฆ่าปีศาจร้ายในวันนี้แล้วปล่อยให้มันหนีไปได้ จะมีหายนะมากมายเกิดขึ้นบนแผ่นดินแห่งนี้อีกเท่าไหร่!
บนแท่นสูง อาจารย์สำนักทั้งหลายรวมถึงเฉิงไท่ต่างเริ่มโคจรลมปราณ พร้อมจับจ้องไปที่ปีศาจร้าย
ในสายตาของพวกเขา ลู่หยวนย่อมได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับเสวียนหลี เพียงแต่ยามนี้ศัตรูคือเผ่าปีศาจ ทำให้โอกาสชนะของเขาน้อยลงไป!
พวกเขายืนประจำที่เพื่อรอให้หนึ่งในสองฝั่งถึงแก่ความตาย แล้วค่อยทำลายสัญญาความเป็นความตาย
หากปีศาจเป็นฝ่ายตายก็ย่อมเป็นผลดีมิใช่น้อย เพียงแต่ความเป็นไปได้ต่ำเกินไป!
มีความเป็นไปได้มาก ที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จะถึงฆาตในวันนี้!
ทว่า… ผู้คนบางส่วนยังมุ่งความสนใจไปที่หลิงอวิ๋น
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับลู่หยวน เกรงว่าบรรพชนหอกจะเป็นคนแรกที่ลงมือสังหารปีศาจร้าย ถึงตอนนั้น ทัณฑ์จากวิถีแห่งสวรรค์จะตกอยู่กับหลิงอวิ๋น ซึ่งเป็นการช่วยพวกเขาขจัดปัญหาไปได้มาก
สรุปคือ ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ขอเพียงทัณฑ์จากวิถีแห่งสวรรค์ไม่ตกอยู่กับพวกเขา และปีศาจถูกฆ่าตายก็เพียงพอ!
จักรพรรดินีผู้อยู่บนแท่นนั่งพิงหลังบนเก้าอี้สูง นางกวาดสายตามองปีศาจกับลู่หยวน ก่อนปริปากถามว่า “เจ้าคิดว่าใครจะชนะ?”
มู่พ่านซานกล่าวทันทีว่า “ลู่หยวน…”
องครักษ์ตอบอย่างเด็ดขาดราวกับตอนจบถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
“ข้าเองก็คิดว่าเป็นเขา แต่ยังคิดไม่ออกว่าเขาจะเอาชนะได้อย่างไร” จักรพรรดินีหรี่ตาลง “เกรงว่าเป็นการยากที่เขาจะเอาชนะในครั้งนี้ได้ ดังนั้นจับตาดูไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้ลู่หยวนตาย”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
มู่พ่านซานขานรับ ก่อนกระจายสัมผัสเทวะปกคลุมลานประลอง เตรียมที่จะทะลวงเข้าไปทุกเมื่อ
บนลานประลอง
ปีศาจร้ายหยิบกระบี่ดาราขึ้นมา ก่อนพลังสีม่วงจะรวมตัวกันในบริเวณที่มือถูกสะบั้นขาด ไม่นานมืออีกข้างที่เกิดจากพลังสีม่วงก็สมานเข้ากับรอยที่โดนฟัน
“เจ้าหนู เริ่มกันเลย!”
ปีศาจพลันเคลื่อนไหว ทั่วพื้นที่บนลานประลองเริ่มสั่นสะเทือน เงาซ้อนทับกัน ตรงเข้าสังหารลู่หยวนในเสี้ยวพริบตา มือเรียวงามพลิกกระบี่ดาราฟาดฟันในแนวขวาง พุ่งเป้าไปยังบุตรศักดิ์สิทธิ์
ขณะนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์กำมือ ค่ายกลจำนวนมากปรากฏขึ้นมาสกัดกั้นเบื้องหน้าเขา
เปรี้ยง!
กระบี่ดาราฟาดฟันเข้าใส่ สร้างรอยร้าวค่ายกลแน่นหนา
“เผ่าปีศาจงั้นหรือ?” ลู่หยวนคลี่ยิ้มออกมา “สิ่งที่เสวียนหลีอัญเชิญมาก็ย่อมไม่ต่างจากขยะ!”
ยามปีศาจร้ายได้ยินเข้า กลับไม่มีร่องรอยโทสะแต่อย่างใด มันเพียงเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยวออกมา “หึ ๆๆๆ เจ้าหนู เจ้าช่างอาจหาญนัก เพียงแต่พลังอ่อนด้อยเกินไป ค่ายกลของเจ้าไม่อาจช่วยปกป้องได้หรอก!”
ร่างของปีศาจพลันหายไปจากจุดเดิม พลังสีม่วงเคลื่อนลงมาจากฟากฟ้า นางฟาดฟันกระบี่ดาราลงมาอย่างรุนแรง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ค่ายกลที่ปกคลุมลู่หยวนเอาไว้ถูกฟาดฟันจนเกิดการสั่นสะเทือน เพียงชั่วครู่ เหนือค่ายกลก็เต็มไปด้วยรอยร้าว
หากพวกมันถูกฟาดฟันอีก ค่ายกลทั้งหมดจะแตกสลาย
ปีศาจร้ายยืนขึ้น มันตวัดกระบี่ยาวในมือ พลังสีม่วงรายล้อมรวมตัวรอบตัวมันอย่างหนาแน่น “เจ้าหนู หลังจากลงนรกแล้ว ฝากคำขอบคุณของข้าไปให้กับสาวน้อยคนนั้นด้วย”
“ตายซะ!”
ปีศาจร้ายกระชับกระบี่แล้วฟาดฟันออกไป
หลิงอวิ๋นผู้อยู่กลางอากาศขยับร่างกาย หอกนับไม่ถ้วนกำลังจะเคลื่อนลงไป เพียงแต่ลมหายใจต่อมา ลู่หยวนผู้ยืนอยู่ในค่ายกลที่แตกสลายก็เคลื่อนไหว
ชายหนุ่มยื่นมือซ้ายออกไป เขาวาดอักขระโลหิตขึ้นมา เลือดบางส่วนหยดลงมาขณะลอยอยู่ในอากาศตรงหน้าของเขา
ภายหลังบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มร่ายผนึก
หลิงอวิ๋นพลันหยุดนิ่ง ดวงตางดงามของนางจับจ้องผนึกในมือของลูกศิษย์
เพียงหนึ่งอึดใจ บรรพชนหอกดึงเจตจำนงหอกกลับมา นางกลับมายืนในความว่างเปล่าโดยมีหอกอยู่ด้านหลัง เฝ้ามองสถานการณ์ต่อสู้เบื้องล่าง
“ลู่หยวนกำลังสร้างค่ายกลต้องห้ามวิญญาณสวรรค์งั้นหรือ?!”
อาจารย์สำนักทั้งหลายพบว่าผนึกในมือของชายหนุ่มช่างคุ้นเคย ผ่านไปเพียงชั่วครู่ พวกเขาก็จำได้ว่าเคยเห็นผนึกนี้จากที่ไหน
“นี่มันค่ายกลต้องห้ามวิญญาณสวรรค์ที่เป็นของยอดเขาวิถีเร้นลับไม่ใช่หรือ? ลู่หยวนเรียนรู้มันได้อย่างไร ต่อให้เสวียนเทียนชวนมีเคล็ดวิชาค่ายกลต้องห้ามวิญญาณสวรรค์เก็บงำไว้ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อน!”
“มันไม่สายไปหน่อยหรือที่ลู่หยวนสร้างผนึกในตอนนี้! ปีศาจร้ายเปิดฉากโจมตีแล้ว ที่สำคัญ ต่อให้มีเวลาเพียงพอ เขาก็ต้องสังเวยวิญญาณตนเองเพื่ออัญเชิญปีศาจไม่ใช่หรือ?!”
อาจารย์สำนักทั้งหลายยังไม่ทันกระจ่างชัด มือของบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังสร้างผนึกพลันเร่งความเร็ว
ทันทีที่ผนึกในมือของลู่หยวนหยุดนิ่ง ปีศาจก็ตรงเข้ามาหมายจะเด็ดศีรษะของเขา
เปรี้ยง!
กระบี่ยาวเคลื่อนลงมา ฟาดฟันเข้าใส่ค่ายกล
ค่ายกลนับไม่ถ้วนพังทลาย เพียงแต่ข้างในกลับว่างเปล่า
ลู่หยวนหายไปจากจุดเดิม!
ปีศาจตัวแข็งทื่อชั่วขณะ มันกุมกระบี่ยาวเอาไว้มั่น ยังคงกวาดสายตามองรอบข้าง
จากด้านหลังของมัน น้ำเสียงไม่เร่งรีบดังขึ้น
“อัญเชิญกองทัพเต็มกำลัง!”
ปีศาจพลันหันหลัง มันเห็นลู่หยวนยืนอยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้น โลหิตบางส่วนหยดลงสู่พื้น
วิ้ง!
เสียงที่ปีศาจคุ้นเคยดังมาจากพื้น ข้างกายลู่หยวน พลังอันน่าสะพรึงกำลังรวมตัวอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นอายปีศาจอันบ้าคลั่งถูกสะกดเอาไว้ ทำให้มันเริ่มสั่นสะท้าน เกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ “เป็นไปไม่ได้! เจ้าหนูคนนี้อยู่แค่ครึ่งก้าวสู่ขั้นเทียมเทพ เหตุใดถึงอัญเชิญ…”
ปีศาจร้ายยังไม่ทันเอ่ยจบประโยค ปีศาจที่มีเก้าแขนเจ็ดตาก็พลันปรากฏขึ้นจากด้านหลังของลู่หยวน
ยามปีศาจร้ายเห็นร่างที่เพิ่งปรากฏ โทสะเมื่อครู่ก็มลายหาย มันก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยขาที่อ่อนแรง
ดวงตาทั้งเจ็ดของปีศาจหันมามองมัน จนขาของปีศาจร้ายในร่างเสวียนหลีไร้เรี่ยวแรงแล้วคุกเข่าลงกับพื้น
“ท่านบรรพชน”