ตอนที่ 29.1 ฤดูที่อยู่ในนรก(1)(ตอนสำรอง)

Dungeon Defense

“ผมขอให้ตัวเองได้มีเวลาพักบ้าง”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อ

เวลานี้คือ ช่วงกลางวัน สถานที่ตั้งคือ บ้านอันแสนสุขของผม

หรือก็คือ ปราสาทจอมมารนั่นเอง จะอย่างไรก็ตามมันเป็นช่วงปลายฤดูร้อนแล้ว ถ้ำนั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เย็น แม้ผมจะใช้เวลาช่วงฤดูร้อนไปในบ้านพักตากอากาศที่ยอดเยี่ยมแห่งนี้ ที่รู้จักกันในนาม ดันเจี้ยนของผม แต่ผมยังคงรู้สึกอึมครึม

“……ว่าอย่างไรนะคะ?”

ลาพิส,ผู้ที่ตอนนี้เป็นผู้บริหารจัดการเรื่องการเก็บเกี่ยวสมุนไพรสีดำ กำลังจ้องมองผมเหมือนจะถามว่า เมื่อกี้ฝ่าบาทจอมมารได้พูดอะไรออกมา

“ผมอยากพัก ผมอยากจะเล่น ผมอยากนอนขี้เกียจ”

“อ่าาา…….”

เธอมองผมราวกับกำลังมองขยะชิ้นหนึ่ง แม้จะเป็นอย่างนั้นความตั้งใจของผมก็ไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ก่อนที่จะรู้ตัว สามถึงสี่เดือนที่ผ่านไปนับตั้งแต่พบว่า ตัวเองอยู๋ในโลกของเกม Dungeon Attack

ผมพบว่า ตัวเองตั้งใจทำงานอย่างจริงจังตลอดเวลา จริงจังเกินไปด้วยซ้ำ

ผมรับมือกับปาร์ตี้นักผจญภัย,ขุดเหมืองหาแร่,ปลอมตัวเป็นพ่อค้าและยังเสาะหาผู้มีพรสวรรค์ สำหรับคนที่ที่ผ่านมาในโลกเดิมแทบไม่ต่างจากคนว่างงาน สิ่งที่ทำนี่มันหนักหนาเกินไปจนรู้สึกว่าตัวเองทำงานเกินกำลัง

เอาจริงๆนะ ผมนั้นไม่คู่ควร และยังห่างไกลกับคำคุณศัพท์คำว่า จริงจัง มากด้วยซ้ำไป

‘ก่อนหน้านี้พอทนได้ แต่ตอนนี้กังวลจนคิดไปแล้วว่า อาจทนได้ไม่ถึง พรุ่งนี้แล้ว แต่…….โอ้ย’

เร็วๆนี้ ภัยคุกคามที่รู้จักกันในนามปาร์ตี้นักผจญภัยนั้นลดลง มีแต่พวกแร๊งFที่มาที่นี่ ผมยกอำนาจการจัดการควบคุมหน่วยมอนสเตอร์ให้กับลอร่า แล้วเธอก็ใช้ประสบการณ์ เทคนิค กลยุทธต่างๆ

ผลที่ได้ก็คือ นักผจญภัยพวกนั้นก็ถูกกวาดล้างจนเกลี้ยง ด้วยความช่ำชองของเธอ จำนวนงานที่ผมต้องจัดการก็เลยลดลงไปอย่างมาก

ผมดูจะเหมือนคนเป็นไบโพลาร์แปลกๆ มันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่ผมเจอศพของแ็ค ผมเริ่มมีอารมณ์ขึ้นๆลงๆกับทุกสิ่งทุกอย่าง พอรู้ตัวอีกที ผมก็ฆ่าล้างผู้คนไปเป็นกองพะเนิน ⎯⎯ปาร์ตี้นักผจญภัยที่บุกเข้ามาทุกสัปดาห์พวกนั้น⎯⎯ไม่มีทางที่ผมจะไม่มีปัญหาทางจิตอยู๋แล้ว ผมยังคงสามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆได้อย่างมีเหตุผล แต่จิตใจผมแทบจะพัง

ครั้งหนึ่งพอผมอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมให้ลาพิสฟัง เธอผงกหัว

“อาการป่วยจอมมาร(Demon Lord Syndrome)”

“หาาา?”

“มันอาจจะไม่ใช่ความรู้ที่รู้ในชื่อที่เป็นทางการในสถาบันของโลก แต่มันเป็นชื่อชั่วคราวที่ไว้ใช้เรียก กลุ่มอาการพวกนั้น ก็อย่างที่ท่านทราบไปแล้วว่า จอมมารนั้นมีความเห็นอกเห็นใจต่อเผ่าอื่น มอนสเตอร์ โดยไม่มีขอบเขตจำกัด เพราะเหตุนั้นเอง จอมมารจึงมีอาการเป็นไบโพลาร์อยู่เป็นระยะ”

โอ้ พระเจ้า

พอลองมาคิดๆดูแล้ว การเป็นจอมมาร นี่มัน อาชีพ สาม ด. เลยนี่หว่า

เดี้ยง ความตายอยู่ใกล้จมูกคุณนี่แหละ

เดิมๆ คุณต้องทำงานเดิมซ้ำไปซ้ำมาตลอด

ดันเจี้ยน คุณต้องบริหารจัดการดันเจี้ยน

และยิ่งไปกว่าสิ่งใดทั้งปวง การทำงานนี้ มันทำให้คุณเป็นไบโพลาร์อีกด้วย

“ช่วงนี้ท่านมีอาการอย่าง อารมณ์แปรปรวนไหมคะ?”

“……มีนะ บางทีผมกลับรู้สึกดีมีความสุขขึ้นมา แล้วจู่ๆก็เศร้าทันที”

“ในฐานะที่จอมมารนั้นรับรู้อารมณ์ได้อย่างชัดเจน ทำให้ขอบเขตจิตสำนึกของพวกเขานั้นไม่เสถียรอย่างมาก มันเป็นธรรมที่หากมีความคิดและอารมณ์ที่มากมายจากสิ่งอื่นอยู่ในตัวพวกเขา นั่นคือ สาเหตุที่ว่า ทำไมจอมมารถึงพยายามใช้ประโยชน์จากวิธีการต่างๆเพื่อที่จะรักษาอัตตาตัวเองไว้ได้ แต่ดูเหมือนวิธีการแบบนั้นจะไม่เหมาะกับท่านดันทาเลี่ยน”

พวกจอมมารนั้นต่างป่วยจากโรคหลายบุคลิกภาพ

อยู่ๆผมก็ซึมเศร้าขึ้นมา มันทำให้ผมยิ่งซึมเศร้าเมื่อคิดถึง อาการโรคซึมเศร้าที่เกิดขึ้นจากการงาน ผมไม่ไหวจะทำมันต่อไปแล้ว…….

“ฮุฮุ ฮะฮ่าฮ่า ผมมันเศษขยะ มันจะเป็นไปได้ไงที่ไอ้ขยะที่ช่วยไม่ได้ขนาดในโลกเดิม ที่ฆ่าคนอย่างแจ้คไปแล้วจะอยู่ได้อย่างสุขสบายได้? ขยะที่ต่ำกว่าขยะทั้งหลาย ราชาแห่งขยะ ฮี่ฮี่ฮี่

ผมนี่แหละคือ ราชาแห่งขยะทั้งหลาย……

แม่ครับ ผมขอโทษ…….”

นับตั้งแต่ผมเริ่มหมดตัวอยู่แต่ในมุมห้องจอมมาร ลาพิสก็พูดเหมือนเธอนั้นเป็นพยาบาลดูแลคนป่วยของผม

“ดูเหมือนอาการจะหนักนะคะ”

“นั่นแหละ สาเหตุที่ว่า ทำไมผมถึงอยากพักกกกกกกกกกกก!”

ผมตะโกนออกมา

“ผมซึมเศร้าไปแล้ว! ไม่รู้สึกถึงชีวิตอีกต่อไปแล้วววว ทำไมนักผจญภัยห่านั่นถึงได้บุกเข้ามาที่นี่ ทั้งๆที่พวกมันก็ได้ไปอย่างมากก็สมบัติเท่าแค่เศษขนหน้าแข้งด้วยซ้ำ!? ทุกครั้งที่พวกแกตาย มันเหมือนมีอะไรมันโดนดึงออกไปจากหัวใจผมรู้ไหม!”

ลอร่าเข้ามาในห้องตอนนั้นเอง แม้ประตูห้องจะยังมีรอยฟันโดยขวานของริฟ ห้องจอมมารก็ยังมีทางเข้าที่สะดวกสบายและดูสดใส เธอถือวัตถุกลมๆอยู่ในมือ

“คุณลาซูลิคะ, สักพักแล้วสินะคะ”

หลังจากให้คำทักทายเล็กน้อยต่อลาพิส เธอก็โยนเจ้ากลมๆนั่นมาให้ผม มันกลิ้งไหลมาจนถึงเท้าผม

“ฉันจัดการพวกผู้บุกรุกแล้ว”

มันคือ หัวของมนุษย์

“เขาคือ หัวหน้า แถมยังดื้อรั้นขัดขืนจนถึงที่สุดด้วย ฮื่มม”

แต่เขาก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้อยู่ดี ลอร่ายิ้มด้วยท่าทีแบบนั้น

เด็กสาวที่อายุประมาณ 16 ปี ภายใน3เดือนกลับสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า ด้วยกลยุทธของเธอนั้น สามารถกวาดล้างปาร์ตี้นักผจญภัยโดยไม่ต่ำกว่า 25 คนได้

“⎯⎯พวกเขาน่ะ พยายามที่จะถอยกลับไปให้ไว แต่พอฉันหวดหัวพวกเขาจากข้างหลัง ด้วยการลอบโจมตีที่ซ่อนไว้ก่อนแล้ว เท่านั้นแหละ รูปขบวนก็พังพินาศยับทันที เป็นไปตามแผนการที่ฉันวางไว้

พูดกันตามตรง หญิงสาวผู้นี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า จะมีพรสวรรค์มากล้นในการวางกลยุทธ หัวใจที่เต้นตูมตรมเพราะว่าฉันได้พบกับด้านใหม่ๆที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้มาก่อน

ดันทาเลี่ยน ฉันต้องยอมรับนับถือความตาถึงของนายจริงๆ”

บนผมสีบลอนด์ของเด็กสาวที่กำลังยิ้มไปด้วยพูดไปด้วย มันมีเลือดสาดกระจายละเลงเปื้อนอยู่

ผมมองไปที่หัวของนักผจญภัย แววตาที่มองด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวังมองกลับมาที่ผม

ผมแทบจะจมดิ่งในความสิ้นหวังทันที

“ไม่……นี่ไม่ใช่ชีวิต , มันไม่มีทางที่ชีวิตจะเป็นอะไรแบบนั้น…….”

ผมกระโดดขึ้นเตียงในห้องจอมมารและกลิ้งไปกลิ้งมา ผมได้ยินเสียงลาพิสกับลอร่านินทาลับหลังผม สองคนดูจะรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรต่อกัน หรือผมควรจะเรียก ความสัมพันธ์ของผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองว่า ต่างมีบอสโง่ๆร่วมกันดีล่ะ?

ความสัมพันธ์มันคงสร้างขึ้นมาแบบนั้นแหละ

“หืมม? นี่ไม่ใช่สิ่งที่ หญิงสาวคาดหวังไว้เลยนะ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?”

“ดูเหมือนฝ่าบาทดันทาเลี่ยนจะมีอาการเจ็บป่วยจากโรคซึมเศร้าค่ะ”

“อะไรคือ ซึมเศร้า?”

“……ค่ะ ,ในโลกมนุษย์นั้นยังไม่เข้าใจแนวคิดเรื่อง การป่วยทางจิต แต่ในโลกจอมมารนั้น พวกเขาเชื่อเรื่องนั้นค่ะ ก็เช่นเดียวกับที่ร่างกายมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วย จิตใจเองก็มีด้วยเช่นกัน อาการซึมเศร้านั้นหมายถึง กลุ่มโรคที่จะทำให้ผู้ป่วยนั้นมีสภาวะทางจิตบิดเบี้ยวไปจากสภาวะจิตปรกติ และเร่งให้เกิดความเศร้าหมอง”

ลอร่านั้นถอนใจออกมาด้วยความหดหู่

“ฮื่อ ประหลาดชะมัด ทำไมถึงได้แยกร่างกายกับจิตใจออกจากกันอย่างนั้นล่ะ? ปัญหาทางใจก็มาจากปัญหาทางกาย ถ้าจิตใจอ่อนแอมันก็จะขยายครอบงำทำให้ร่างกายอ่อนแอด้วยเหมือนกัน”

เธอเข้ามาใกล้ผมแล้วคว้าจับผมที่ปลอกคอ

“เอ้า ลุกขึ้น นายน่ะ ออกกำลังกายไม่เพียงพอ อย่างมากสุดที่นายเคยออกกำลังกายคือการยิงหน้าไม้วันละหลายๆครั้งต่อวัน ต้องทำแบบนั้นก็เป็นปีกว่าจะได้กล้ามเนื้อ และเพิ่มความอึดทนขึ้นได้”

“ม่ายยยย! ผมไม่อยากลุก……!”

ผมมุดตัวอยู่ในผ้าห่ม แล้วพยายามเกาะเตียงไว้

“ร่างกายที่แข็งแรงจะทำให้จิตใจแข็งแกร่งด้วย ดังนั้น ดันทาเลี่ยน มาออกกำลังกายกับหญิงสาวผู้นี้

ฉันจะสอนให้นายได้รู้จักการออกกำลังกายแบบทหารที่ส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นในตระกูลของฉัน

แม้แต่ชายผู้ผอมแห้งอย่างนายก็สามารถที่จะกลายเป็นชายกล้ามที่กวาดให้สาวๆมากองแทบเท้า เพียงนายฝึกแบบทหารแค่เพียงสองเดือน”

“เธอมันยัยสมองกล้าม ที่คิดแต่ว่า การออกกำลังกายจะรักษาได้ทุกสรรพสิ่ง! ตอนนี้ผมเหนื่อยล้าทางใจโว้ยยยย ผมอยากจะพักกกกกกก!”

พอผมกู่ร้องไปแบบนั้น ลอร่าก็ตอบสนองอย่างเย็นชืด

“นายสามารถพักผ่อนได้ตลอดกาลเลยนะ หลังจากตายไปแล้วน่ะ”

“ผมอยากจะพักตอนนี้ยังมีชีวิต!”

เราทะเลาะกันอยู่บนเตียง ระดับค่าสแตทเราใกล้เคียงกัน ดังนั้นการวิวาททะเลาะกันเลยสูสี แต่หลังจากนั้น เราสองคนก็นอนลงบนเตียง

“เฮ่อ….แฮ่ก เธอน่ะ น่าประทับใจเหมือนกันนี่ ฮ่าาา ลอร่า”

“ผู้ชายกับเด็กสาวจะ ฮ่าช ฮ่า ฮ่า จะมาเสมอกันได้ไง แฮ่ก?”

หลังจากการทะเลาะตบตีจบลง ผมก็หอบหนักเหมือนไก่ชน มีเพียงลาพิสที่ยืนมองดูเราสองคนด้วยแววตาที่ไม่พอใจ

หากจะเปรียบไปแล้ว ดูเหมือนลาพิสจะเป็นคนที่มีศักยภาพในการทำงานพาร์ทไทม์อย่างดีเลิศ แต่สิ่งแวดล้อมในการทำงานของเธอดันกลายเป็นวอร์ดผู้ป่วยจิตเวช เธอก็เลยแวดล้อมไปด้วยพวกคนบ้า

“……บริษัทเคียนคุสก้าตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ที่ไหนปลูกสมุนไพรดำ ในฐานะที่ท่านดันทาเลี่ยนเป็นผู้ให้คำปรึกษา ท่านจะได้รับ 5%ของผลกำไรสุทธิ ในช่วงระยะเวลา สัญญาคือ 2 ปี มีปัญหาอะไรไหมคะ?์”

ผมโบกมือราวกับไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด

จากข้อมูลของลาพิส บริษัทเคียนคุสก้าเชื่อว่า กาฬโรคนั้นเหมือนโรคอื่นๆ ที่จะอยู่ไม่ยาวนานเท่าไหร่นัก ดังนั้นจึงจ่ายเงินซื้อสมุนไพรดำนั้นจากสมาคมนักเก็บสมุนไพร

ถึงอย่างไรก็ดี ผมรู้ว่า กาฬโรคน่ะจะยังทรมานภูมิภาคนี้ไปอีกนานนับ10ปี ดังนั้นแทนที่จะขายสมุนไพรดำรวดเดียว ผมจึงเสนอให้บริษัทเคียนคุสก้าทำแผนระยะกลาง และระยะยาวเพื่อเก็บเกี่ยวเอากำไรแทน อีกฝ่ายก็ตอบตกลงในทันที จากนี้ต่อไป ผมก็จะมีรายรับอย่างต่อเนื่องแล้ว

‘ทุกอย่างนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นเรียบร้อย’

ลอร่า เด็กสาวที่ยังพยายามจะหายใจให้ทันนั้นอยู่ต่อหน้าผม

ทันทีที่มาอยู่ในเขตสายตา เม็ดเหงื่อที่ไหลหยดลงจากหน้าผากขาว ผิวของเธอนั้นขาวไม่ต่างจากเหงื่อของเธอ

ผมสงสัยว่า อาจเพราะผมไม่ได้ปลดปล่อยกามารมณ์นานเกินไป ส่วนล่างของผมจึงรู้สึกเสียวซ่านขึ้นมา เมื่อผมได้เห็นเนื้อเห็นหนังของเธอใกล้ๆ

ผมหัวเราะหึออกมา

‘ไม่มีอะไรที่จะจุกจิกจู้จี้จนน่ารำคาญมากไปกว่า การที่มีชีวิตความเป็นอยู่ปรกติอีกแล้ว’

ไม่ว่าจะลาพิสหรือลอร่า ไม่ใช่แค่พวกเธอยังสาว แต่ยังสวยด้วย ความพยายามอดกลั้นอันน่าสังเวชของผมใกล้ถึงลิมิต นี่ถ้ายังคงใช้ชีวิตอยู่กับทั้งสองต่อไป โดยที่ผมไม่ได้ไปแวะซ่องในทริปก่อนหน้า ป่านนี้ผมคงระเบิดมันออกมาแล้ว

ลอร่านั้นต้องเห็นสายตาของผมจึงมองกลับมา ผมเบือนหน้าเพื่อไม่ให้เธอรู้ ว่าดวงตาผมสื่ออะไร

‘อย่าบอกนะว่า เธอรู้ตัวแล้ว’

มันจะน่าอับอายมากหากเธอรู้ ผมตัดสินใจเช็คสเตตัสของลอร่าเพื่อให้แน่ชัด

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

ชื่อ: ลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่

เผ่า: มนุษย์   ฝ่าย: กองทหารจอมมารดันทาเลี่ยน

สถานะ: เป็นกลาง Neutral(-10)

เลเวลl: 7    ชื่อเสียง: 520

อาชีพ: ผู้รอบรู้(D), นักวางแผน(E), ทาสกาม(E)

ความเป็นผู้นำ: 30  อำนาจ: 10   ความฉลาด: 33

ไหวพริบ: 9  เสน่ห์: 49  เทคนิค: 1

ค่าความชอบ: 21

ความคิดตอนนี้: ‘หืมม,ฉันต้องบังคับให้เขาออกกำลังกายวันพรุ่งนี้ให้ได้’

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

ถึงแม้เลเวลของเธอจะเป็นเลขหลักเดียว แต่สแตทของเธอนั้นน่าตื่นตามาก อย่างที่คิดไว้ว่า เด็กสาวคนนี้จะกลายเป็นผู้ได้รับความสนใจและจะทิ้งชื่อไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์

ไม่เพียงแต่ค่าความเป็นผู้นำกับสติปัญญาของเธอจะสูงเท่าน้น แต่ยังมีค่าที่ไม่เกี่ยวข้องกันด้วย นั่นคือ ค่าสเน่ห์ของเธอเกือบถึง 50 แล้ว ถ้ามองไปที่ค่าสแตทของเธอก็นับได้ว่าเธอเป็นประเภท นางมารร้ายสวยสังหาร

แม้เธอจะเริ่มต้นจากการมีสถานะ เป็นกลางNeutral(0) แล้วลดลงเป็น Neutral(-10) เพราะเธอพึ่งฆ่าคนไป แต่มันไม่สำคัญอะไรกับผม

‘โอเค ตอนนี้ไม่มีปัญหา’

ความคิดลอร่าทำให้ผมสบายใจ ถึงอย่างนั้นผมก็แอบหันหน้าออกไปทางอื่นอย่างระแวงๆอยู่ดี

ทันใดนั้นเองที่ผมสบตากับลาพิส

“……”

โอ้ว ไม่ เธอกำลังสงสัยผม!

อารมณ์ที่ผสานเข้ากันระหว่างความดูถูกและไม่ใส่ใจนั้นถ่ายมาถึงผมอย่างไม่หยุดยั้ง เธออาจจะเป็นลูกครึ่งซัคคิวบัสแต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ พวกนั้นเป็นปีศาจที่สามารถควบคุมความปรารถนาจำพวกราคะได้ด้วยหรือ?

ลาพิสถึงได้มองผมออกอย่างรวดเร็ว

ที่ผ่านมาผมเคยถูกมองอย่างดูถูกดูแคลนจากเด็กสาวที่ดูเหมือนอายุประมาณ 16ปีไหมนะ?

ว่ากันตามตรง ผมอยากจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปเสีย ผมอยากจะคลานกลับไปในมุมแล้วไปเป็นพวกเก็บตัวต่อ แต่ถ้าผมทำอย่างนั้นศักดิ์ศรีในความเป็นชายของผมคงแตกละเอียดเป็นผุยผง

“มีอะไรรึ? มีอะไรที่อยากพูดเรื่องสัญญาอีกหรือไง?”

“……แน่นอนค่ะ,ดูเหมือนว่าท่านดันทาเลี่ยนต้องการ ‘พักผ่อน’ ”

ด้วยเหตุผลบางประการ ลาพิสเน้นค้ำคำว่า ‘พักผ่อน’ ในประโยคที่พูด

เธอกำลังจะบอกผมอ้อมๆว่า เลิกออกนอกลู่นอกทางได้แล้ว ตอนนี้เธอรู้ดีแล้ว อย่างไรอย่างนั้น

อั่ก

“ในเดือนหน้า,จะมีการประชุมระหว่างจอมมารในทวีปปีศาจ”

“หืม? มันมีอะไรแบบนั้นด้วยสินะ?”

“มันเป็นธรรมเนียมสำหรับบริษัทเคียนคุสก้าที่จะเป็นผู้จัดงานประชุม ในฐานะคนกลางให้กับเหล่าจอมมาร การนัดเจอกันครั้งนี้จะจัดขึ้นทุก 10 ปี และฝ่าบาทดันทาเลี่ยนก็ได้รับจดหมายเชิญด้วยในปีนี้”

ลาพิสจ้องมองผมอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“ระหว่างนั้นเอง เราจะได้ไปยังโลกปีศาจ ขณะเดียวกันก็จะได้จัดการเรื่อง ตราทาสของท่านหญิง ฟาร์เนเซ่ด้วย? ช่างบังเอิญเสียจริง ดิฉันได้ตระเตรียมนักเวทย์ที่รู้จักวิธีการจัดการกับตราทาสของมนุษย์ไว้แล้ว ดิฉันรับรองได้ว่า การพักผ่อนของท่านจะสร้างความพึงพอใจได้ในหลายๆทาง”

“……อุ่ก นี่เราจะไปโลกปีศาจกันเดี๋ยวนี้เลยไหม? ลองมาคิดๆดูแล้ว ผมไม่เคยไปโลกปีศาจมาก่อนเลย และไม่คิดว่าจะทนต่อไปจนครบเดือนได้”

ตามที่ท่านปรารถนาค่ะ

ลาพิสตอบกลับมา

เมื่อเป็นดังนั้น การพักร้อนในโลกปีศาจระหว่างฤดูร้อนจึงได้บันทึกลงในตารางของผม

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

Name: Laura De Farnese

Race: Human   Faction: Dantalian’s Demon Lord Army

Attribute: Neutral(-10)

Level: 7    Fame: 520

Job: Scholar(D), Intrigant(E), Sex Slave(E)

Leadership: 30  Might: 10   Intelligence: 33

Politics: 9  Charm: 49  Technique: 1

Affection: 21

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━