ตอนที่ 357 กราบอาจารย์ (1) ตอนที่ 358 กราบอาจารย์ (2)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 357 กราบอาจารย์ (1) / ตอนที่ 358 กราบอาจารย์ (2)
ตอนที่ 357 กราบอาจารย์ (1)

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อจวินอู๋เสียตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จวินอู๋เย่าก็ได้หายตัวไปแล้ว นางเดินออกมานอกประตู เยี่ยซาก็มาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านางอย่างเงียบๆ

“คุณหนูใหญ่”

จวินอู๋เสียจ้องไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคยแต่ขณะเดียวกันก็แปลกหน้าและเงียบไป

“นายน้อยอู๋เย่าออกไปตามหาของบางอย่าง ขอท่านโปรดรออยู่ที่นี่อย่างสบายใจ” เยี่ยซาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

จวินอู๋เสียตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็คาดเดาได้ว่าจวินอู๋เย่ากำลังมองหาอะไร

เขาพูดกับนางเมื่อวานนี้ว่าเขาจะไปตามหาของบางสิ่งที่จะนำมาชดเชยจิตวิญญาณที่เสียหายไปของนาง แต่จิตวิญญาณที่เสียหายสามารถซ่อมแซมได้ง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ เกรงว่าการจากไปของเขาในครั้งนี้คงใช้เวลานานพอสมควรกว่านางจะได้พบเขาอีกครั้ง

หัวใจของนางรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาเล็กน้อย จวินอู๋เสียพยักหน้าในที่สุด จากนั้นเยี่ยซาก็หายตัวไปจะตรงนั้นอย่างไร้ร่องรอย ลมหายใจของเขาถูกปิดซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์

เยี่ยซาในวันนั้น เกรงว่าก็คงเป็นเหมือนกับวันนี้ที่คอยอารักขานางอยู่ในมุมมืดอย่างเงียบๆ

จวินอู๋เสียเก็บสายตากลับมาและเดินออกไปข้างนอก ในเมื่อไม่สามารถกลับไปยังจวนหลินอ๋องได้ เช่นนั้นนางก็มีแผนอื่นแล้ว

ภายในสวนดอกไม้ เยี่ยนปู้กุยกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งหินพร้อมกับไหสุราในมือของเขา เฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างเฟยเยียนและหรงรั่ว ขณะที่ฮวาเหยาและเฉียวฉู่ซึ่งยังคงอ่อนแออยู่ยืนอยู่ข้างๆ เนื่องจากอาการบาดเจ็บของพวกเขายังไม่หายดี พวกเขาจึงยังไม่สามารถรับการฝึกซ้อมได้

เงาร่างสองสายเข้าปะทะกันด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ระดับความเร็วเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้เลย

เมื่อจวินอู๋เสียเดินเข้ามา นางก็ได้เห็นฉากการต่อสู้ระหว่างเฟยเยียนและหรงรั่ว มันทำให้นางตระหนักได้ว่าพลังของทั้งคู่นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าฮวาเหยาและเฉียวฉู่สักนิด

ด้วยวัยของพวกเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจนักที่พวกเขามีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้

“น้องเสีย?” เฉียวฉู่เห็นร่างเล็กของจวินอู๋เสียที่กำลังเดินเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว เขากระโดดลงจากม้านั่งหินและวิ่งเข้าไปหานาง

“เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดี เฟยเยียนและหรงรั่วกำลังฝึกซ้อมต่อสู้กันอยู่เลย เร็วเข้า อย่าได้พลาดฉากการแสดงดีๆ เช่นนี้เชียวล่ะ” เฉียวฉู่กำลังจะยื่นมือออกไปเพื่อจูงมือจวินอู๋เสียให้เดินไปด้วยกัน แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักกึกและรีบหดมือกลับ

จวินอู๋เสียพยักหน้า และเดินตามเฉียวฉู่เข้าไปในสวนดอกไม้

ฮวาเหยากับจวินอู๋เสียพยักหน้าทักทายกันเล็กน้อย

แต่เยี่ยนปู้กุยกลับลอบพิจารณาจวินอู๋เสียอย่างลับๆ เมื่อเขาพบว่าดวงตาของนางกำลังมองมาทางนี้ เยี่ยนปู้กุยก็ตัวสั่นและรีบเบี่ยงสายตาหันไปอีกทางทันที

จวินอู๋เสียถอนสายตาของนางกลับมา พูดกับเฉียวฉู่ที่นั่งอยู่ด้านข้างว่า “ข้าต้องทำอย่างไรถึงจะได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาหงส์อมตะ”

เฉียวฉู่ที่กำลังเฝ้าดูการฝึกซ้อมตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน เมื่อได้ยินคำถามนี้ของจวินอู๋เสีย เขาก็เบิกตากว้างและหันขวับกลับมามองที่นางด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

“เจ้า…เจ้าพูดว่าอะไรนะ”

“ข้าอยากจะเข้ามาฝึกฝนตัวเองที่นี่” จวินอู๋เสียเพิกเฉยต่อท่าทีตกใจเกินพอดีของเฉียวฉู่โดยสมบูรณ์ การแสดงออกของนางยังคงเย็นชาและตรงไปตรงมาเช่นเคย

“…” เฉียวฉู่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

เขาเพิ่งได้ยินอะไร…

จวินอู๋เสียต้องการเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาหงส์อมตะแห่งนี้จริงหรือ

ในเวลานี้ แม้แต่ฮวาเหยาเองก็ยังประหลาดใจกับคำพูดของจวินอู๋เสีย

“เจ้าแน่ใจหรือ” เฉียวฉู่ในที่สุดก็ฟื้นสติและกลับมาหาเสียงของตัวเองเจออีกครั้ง

จวินอู๋เสียพยักหน้า

เฉียวฉู่ยิ้มกว้างทันที!

“ยอดเยี่ยมมาก! ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กราบท่านอาจารย์ของพวกเราเป็นอาจารย์เถิด! เขาน่าทึ่งมากจริงๆ!”

เฉียวฉู่แทบทนรอไม่ไหวที่จะผลักจวินอู๋เสียให้คุกเข่าลงต่อหน้าเยี่ยนปู้กุย แล้วกราบเยี่ยนปู้กุยเป็นอาจารย์ของนางเสียเดี๋ยวนั้น เยี่ยนปู้กุยที่กำลังดื่มสุราอยู่ด้านข้าง เกือบจะสำลักสุราตายเพราะเจ้าศิษย์ไร้สมองของเขา!

ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างสาวน้อยคนนี้กับนายท่านเจวี๋ยว่าคืออะไร เพียงมองเขาก็เห็นชัดแล้วว่านายท่านเจวี๋ยเอ็นดูและปกป้องสาวน้อยคนนี้มากขนาดไหน ในวันนั้นนายท่านเจวี๋ยยังถึงกับไว้ชีวิตเขาเพราะนาง ตำแหน่งของสาวน้อยคนนี้ในหัวใจของนายท่านเจวี๋ยจะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

ให้เขารับสาวน้อยคนนี้เป็นลูกศิษย์…

เพียงคิดมันก็ทำให้เยี่ยนปู้กุยหลั่งเหงื่อเย็นออกมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จวินอู๋เสียได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเยี่ยนปู้กุยแล้ว เมื่อตอนที่นางได้เห็นพลังและความสามารถของพวกฮวาเหยา เฉียวฉู่ และคนอื่นๆ จวินอู๋เสียก็บังเกิดความคิดนี้ขึ้นในใจ หากนางต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น นางก็จำเป็นที่จะต้องเปิดกว้างความคิดของตัวเอง และไม่อาจยึดเอาความคิดของตัวเองเป็นหลักโดยไม่สนความเป็นจริงอย่างเช่นแต่ก่อนได้อีก

ไม่รอให้เยี่ยนปู้กุยได้มีโอกาสเปิดปากท้วงติง จวินอู๋เสียก็โพล่งขึ้นมาก่อนว่า “ศิษย์จวินเสีย คำนับท่านอาจารย์”

ตอนที่ 358 กราบอาจารย์ (2)

พรวด!!!

ปากที่เต็มไปด้วยสุราของเยี่ยนปู้กุยหันไปด้านข้างและพ่นสุราใส่หน้าของเฉียวฉู่เต็มแรง

เฉียวฉู่ตกตะลึงไปทันที

“แค่ก! แค่ก!…เจ้าพูดว่าอะไรนะ” เยี่ยนปู้กุยเบิกตากว้าง มองไปที่จวินอู๋เสียด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดจิต

นางเรียกเขาว่าอะไรนะ

ท่านอาจารย์!

หนังศีรษะของเยี่ยนปู้กุยชาวาบ ความรู้สึกหนาวเย็นแล่นผ่านจากศีรษะลงมาจนถึงปลายเท้า ขนทุกเส้นของเขาลุกชัน เขามองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายเพื่อหาดูว่านายท่านผู้เป็นดั่งมหาเทพสังหารยังอยู่แถวนี้หรือไม่

“ท่านอาจารย์” จวินอู๋เสียมองไปที่เยี่ยนปู้กุยที่กำลังตื่นตระหนกและเน้นย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสงบ

มือของเยี่ยนปู้กุยสั่นระริก ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เนิ่นนานทีเดียวแต่ก็ยังไม่อาจเค้นเสียงใดออกมาได้

เฉียวฉู่เช็ดสุราที่เปียกเต็มใบหน้าของเขา มองไปที่ผู้เป็นอาจารย์ด้วยสีหน้าหดหู่

“ท่านอาจารย์ อย่ามองว่าน้องเสียอายุยังน้อย แต่นางแข็งแกร่งมากจริงๆ นะขอรับ ท่านก็อย่าได้ปฏิเสธนางเลย” ดวงตาของเฉียวฉู่กะพริบอย่างคาดหวัง เยี่ยนปู้กุยมีศิษย์เพียงแค่สี่คนเท่านั้น และที่มาที่ไปของพวกเขาทั้งสี่คนยังไม่ปกติอีก จวินอู๋เสียจะได้เข้ามาเป็นศิษย์ของเยี่ยนปู้กุยหรือไม่ก็สุดรู้

ถ้าเป็นคนอื่นเฉียวฉู่จะไม่สนใจเลย แต่เขาถือว่าจวินอู๋เสียเป็นเหมือนพี่น้องของเขาไปแล้ว จึงคาดหวังเป็นธรรมดาว่าจวินอู๋เสียจะสามารถกราบเป็นศิษย์ภายใต้อาจารย์คนเดียวกันกับพวกเขาได้

เยี่ยนปู้กุยตัวสั่นหนักยิ่งกว่าเดิม

รับจวินอู๋เสียเป็นลูกศิษย์รึ! เขาเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรืออย่างไร!

แต่หากให้เขาปฏิเสธนางไปตรงๆ เยี่ยนปู้กุยยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่าเขาไม่กล้า

หากเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิรู้ว่าเยี่ยนปู้กุยผู้นี้กล้าปฏิเสธสาวน้อยผู้เป็นดั่งหัวใจของเขาไม่ยอมรับนางเป็นศิษย์แล้วล่ะก็ ชะตากรรมของเขาอาจจะยิ่งอเนจอนาถกว่านี้ก็เป็นได้

แต่หากให้เขายอมรับนางเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง…

เยี่ยนปู้กุยรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังจะตาย

หลังจากลังเลอยู่ครู่ใหญ่ เยี่ยนปู้กุยก็ลุกขึ้นยืน เฟยเยียนและหรงรั่วที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ข้างๆ ก็หยุดมือของพวกเขาและหันมามองทางนี้

“ขอข้าคิดดูก่อน” เยี่ยนปู้กุยรีบเผ่นออกจากสวนดอกไม้ด้วยฝีเท้าที่เร็วที่สุดในชีวิต เขาไม่อยากอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว

กลัวเหลือเกินว่าหากอยู่นานกว่านี้แม้เพียงครึ่งเค่อ เขาจะตัดสินใจผิดพลาด ซึ่งนำเขาไปสู่การชดใช้ที่อาจต้องแลกด้วยเลือด

ไม่ยอมรับและก็ไม่ได้ปฏิเสธ แบบนี้แหละปลอดภัยสำหรับเขาที่สุด ในขณะที่เยี่ยนปู้กุยแสนจะโล่งใจ ศิษย์ของเขาอย่างเฉียวฉู่กลับรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย ในความเห็นของเขา จวินอู๋เสียเป็นศิษย์ที่มีคุณสมบัติมากจริงๆ ยกเว้นอารมณ์แปลกๆ ของนาง ที่เหลือล้วนไม่มีข้อบกพร่อง

“น้องเสีย เจ้าไม่ต้องกังวลใจไป ขอเวลาให้ท่านอาจารย์คิดดูอีกสักนิด ท่านอาจารย์เขา…ระมัดระวังเรื่องการรับศิษย์มาก” เฉียวฉู่กลัวว่าจะเห็นสีหน้าที่ราวกับถูกทำร้ายความภาคภูมิใจของจวินอู๋เสีย จึงรีบพูดปลอบโยนนางไป

ใบหน้าของจวินอู๋เสียยังคงสงบนิ่ง สิ่งที่นางได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ ในเมื่อนางตั้งใจจะกราบเยี่ยนปู้กุยเป็นอาจารย์ นางก็ไม่คิดล้มเลิกความตั้งใจกลางคัน สามารถสั่งสอนให้เฉียวฉู่และคนอื่นๆ แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้ ผู้เป็นอาจารย์อย่างเขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดา จะเจ้าอารมณ์ไปบ้าง นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

หรงรั่วมองไปที่จวินอู๋เสียและขยับมุมปากเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร คนอื่นๆ อาจไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้ดีว่าเพราะเหตุใดเยี่ยนปู้กุยจึงเป็นเช่นนั้น

บุรุษผู้ที่นำจวินอู๋เสียกลับมายังสถาบันศึกษาในวันนั้น เป็นบุคคลที่แม้แต่เยี่ยนปู้กุยยังต้องหวาดกลัว เขาย่อมพิจารณาหลายตลบ ไม่กล้ารับนางเข้ามาเป็นศิษย์สุ่มสี่สุ่มห้าด้วยกลัวว่าจะไปยั่วยุบุรุษผู้นั้น

ในขณะที่ความเงียบแผ่ขยายไปทั่วสวนดอกไม้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยอารมณ์เสียงหนึ่งก็ดังมาจากทางเข้าลานที่พัก ใบหน้าของเฉียวฉู่และอีกสามคนที่เหลือแสดงถึงความเบื่อหน่ายออกมาทันที

“มาอีกแล้ว! ให้ตายสิเจ้าพวกนั้นไม่จบไม่สิ้นสักที!” เฉียวฉู่บ่นออด ไหล่ของเขาลู่ตกลง

ขณะที่เสียงของเฉียวฉู่เพิ่งจบลงได้ไม่นาน กลุ่มคนรุ่นเยาว์ที่สวมเครื่องแบบของสำนักศึกษาก็เดินเข้ามาในสวนดอกไม้ด้วยใบหน้าถมึงทึง

“เฉียวฉู่! นี่มันกี่วันแล้ว เจ้าหนูที่พวกเจ้าพาตัวกลับมาด้วยคิดจะมาอยู่ในสำนักศึกษาของพวกเรานานแค่ไหนกัน” ชายหนุ่มที่ดูคล้ายจะเป็นผู้นำของกลุ่มแต่ส่วนสูงไม่มากนักตวาดกร้าว เขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะตวัดสายตามองไปทางจวินอู๋เสียซึ่งยืนอยู่ข้างเฉียวฉู่ด้วยความดูถูก

จวินอู๋เสียมองดูกลุ่มคนรุ่นเยาว์ที่แสนหยิ่งผยองด้วยสายตาเย็นชา ชายหนุ่มที่เดินตามหลังเขามาไม่มีใครสักคนที่ไม่แสดงสีหน้าดูหมิ่นเหยียดหยาม

“แค่กๆ เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันเองไม่ใช่หรือ พวกเจ้าต้องบีบคั้นกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เฉียวฉู่ถามด้วยอารมณ์หดหู่

ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำกลุ่มเบิกตากว้างทันที เขาชี้ไปที่จมูกของเฉียวฉู่และตวาดว่า “ไม่กี่วันงั้นรึ! เจ้ารู้หรือไม่ว่าค่าใช้จ่ายรายวันต่อคนไปสำนักศึกษาแห่งนี้นั้นมันสูงแค่ไหน! พวกเจ้ากินใช้ดื่มไม่ต้องเสียเงินเลยหรืออย่างไร ตึกฝั่งทิศตะวันออกของพวกเจ้าค้างชำระสถานศึกษาของพวกเรามาหนึ่งปีเต็มแล้ว! แล้วเจ้ายังจะพาเจ้าขวดน้ำมันน้อย[1] คนนี้มาเพิ่มอีก!”

————————–

[1] ขวดน้ำมันน้อย หมายความว่า ลูกที่เกิดจากหญิงคนก่อน หรือลูกติดหญิงม่าย อุปมาว่าเป็นตัวภาระ