บทที่ 205 มาขอร้องให้ช่วยถึงที่บ้าน

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 205 มาขอร้องให้ช่วยถึงที่บ้าน

“นะ นายว่าไงนะ?”

เมื่อมู่เซิ่งเอ่ยปากพูด

คนที่อยู่บนโต๊ะอาหารก็ตกตะลึงทันที เบิกตากว้าง แล้วหันไปมองมู่เซิ่ง

ซื้อบริษัทมาแล้ว?

ประธานกรรมการที่ซื้อบริษัท คือมู่เซิ่งอย่างงั้นหรอ!

จ้าวหลินได้ยินดังนั้น มือที่ถือถ้วยอยู่ถึงกับกระตุก เงินที่ซื้อบริษัทมันเป็นเงินไม่ใช่น้อยเลยนะ น่าจะมีหลายสิบล้านจนถึงร้อยล้าน เงินมากมายขนาดนั้น ตกลงมู่เซิ่งไปเอามาจากไหนกันเนี่ย?

เจียงหว่านรู้สึกตกใจมาก หลังจากที่เหม่อลอยอยู่นาน ก็รู้สึกตัว แล้วพูดกับมู่เซิ่งว่า“มู่เซิ่ง นายไม่ได้ล้อเล่นกับฉันใช่ไหม?คนที่ซื้อบริษัท คือนายงั้นหรอ?”

“ฉันเอง”มู่เซิ่งพยักหน้า“ฉันพกหนังสือสัญญาติดตัวด้วย รอให้เธอเซ็น”

พูดจบ มู่เซิ่งก็หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋า

เจียงหว่านมองดูหนังสือสัญญาที่อยู่บนโต๊ะ หลังจากที่เห็นเจียงมู่หลงเซ็นสัญญา ก็ยิ่งตื่นตกใจ

คิดไม่ถึงว่า มู่เซิ่งจะซื้อทั้งบริษัท มาจากมือของเจียงมู่หลงมาได้จริงๆ

“ลูก รีบเซ็นซะสิ”จ้าวหลินที่ยืนอยู่ข้างๆเร่งเร้า

บริษัทนี้ เป็นเงินก้อนใหญ่เลยนะ

เจียงหว่านพยักหน้าอย่างตกตะลึง ในใจยังคงรู้สึกตกใจ เซ็นชื่อของตัวเอง ลงบนหนังสือสัญญา

“ตอนนี้ แม้ว่าบริษัทของเธอจะร่วมมือกับโปรเจ็กของซีไห่ แต่บริษัทของท่านเจียงสามกับเจียงมู่หลง กลับเป็นเพราะตระกูลเจียง ทำให้โปรเจ็กซีไห่ มาตกอยู่ในมือของเธอ เธอจะทำต่อไปยังไงกับมัน เธอจัดการเองได้เลย”มู่เซิ่งพูดอย่างเรียบเฉย

เจียงหว่านพยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วกล่าวว่า“ขอบคุณนายนะ มู่เซิ่ง วางใจเถอะ ฉันจะจัดการให้ได้”

เมื่อเห็นเจียงหว่านมีพลังกลับมา มุมปากของมู่เซิ่ง ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ใครใช้ให้เราเป็นครอบครัวเดียวกันล่ะ”มู่เซิ่งพูดอย่างยิ้มๆ

เมื่อได้ยินคำว่าครอบครัว แก้มของเจียงหว่านก็แดงระเรื่อ แล้วก้มหน้าไม่พูดอะไร

จ้าวหลินนั่งบนเก้าอี้ อย่างมีความสุข ใครบอกว่าตระกูลเจียงจะล้ม?ช่วงก่อนหน้านี้ เธอถูกเพื่อนพวกนั้นพูดถากถาง ผ่านไปไม่กี่วัน จะต้องหาพวกนั้นมาเยาะเย้ยสักหน่อย

เธอเป็นคนที่เก็บซ่อนอะไรไม่อยู่ ในใจกำลังคิด แล้วรีบโทรออกไปหลายสายเพื่อโอ้อวดสักหน่อย

แต่สุดท้ายใครจะไปรู้ พึ่งกินข้าวเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“แม่ไปเปิดประตูให้ พวกเธอนั่งเล่นกันไปเถอะ”จ้าวหลินลุกขึ้นอย่างมีความสุข นี่จะต้องเป็นหลินซ่วนหร่านเพื่อนเธอมาแน่เลย เธอรีบลุกขึ้นยืน เพื่อไปเปิดประตู

มู่เซิ่งกับเจียงหว่านสบตากันอย่างเหนื่อยใจ แล้วถอนหายใจ

จ้าวหลินมีนิสัยชอบโอ้อวด ไม่สามารถขวางเธอได้จริงๆ

หลินซ่วนหร่านเป็นเพื่อนในวงไพ่ของจ้าวหลิน ปกติทั้งสองคนชอบไปเล่นไพ่ที่บ้านของเหอโก๋ชิน ถึงแม้ว่าจะครอบครัวฐานะเหมือนกัน แต่กลับชอบคุยโม้โอ้อวดมาก ในเวลาปกติ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนค่อนข้างถูกปากถูกคอกัน

เพียงแต่ว่า ในตอนที่ตระกูลเจียงสิ้นอำนาจ หลินซ่วนหร่านเป็นคนแรกที่ทำตัวห่างเหินกับจ้าวหลิน บอกว่าไร้ซึ่งตระกูลเจียง แม้แต่คฤหาสน์คงจะไม่มีปัญญาอยู่อาศัย หลังจากที่ได้ยินจ้าวหลินคุยโว ยังคงหน้าด้านมาหาเธอถึงบ้าน เป็นคนแรก

อีกทั้งในมือของเธอ ยังถือตะกร้าผลไม้ไว้ คาดว่าน่าจะซื้อมาจากระหว่างทาง โลโก้ของห้างร้านยังไม่ทันได้ฉีกออก ในนั้นเขียนว่าตะกร้าละห้าแสน

“พี่หลินคะ หลินหลิ่วจือ สวัสดีค่ะ”

มู่เซิ่งกับเจียงหว่านทั้งสองคนทักทายอย่างมีมารยาท

หลินซ่วนหร่านสองแม่ลูกพยักหน้าให้เจียงหว่านเล็กน้อย แล้วยิ้มตอบกลับ แต่ไม่ชายตาแลมู่เซิ่ง แม้แต่นิดเดียว

พวกเธอทั้งคนเดินเข้าไปในห้อง แล้วจึงมองการตกแต่งภายในคฤหาสน์ทันที

ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าจ้าวหลินซื้อคฤหาสน์ แต่เพราะว่าเรื่องในวันนั้น ดังนั้นจึงไม่เคยได้มา และไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างมู่เซิ่งกับตระกูลอู๋ ดังนั้นการรับรู้ในเรื่องของเขา ยังคงหยุดอยู่ที่ลูกเขยเศษสวะดังเมื่อก่อน

หลังจากนั้น หลินซ่วนหร่านก็เอ่ยปากพูดว่า“พี่จ้าวหลินคะ จริงๆเลยเขียว คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของพี่จะซื้อบริษัทของท่านเจียงสาม ช่วงนี้ คนพวกนั้นบอกว่าตระกูลเจียงจะล้มละลายแล้ว ฉันได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกตกใจมาก เข้าใจพี่ผิดไป”

“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรๆ”

จ้าวหลินปิดปากหัวเราะเบาๆ

ช่วงนี้ เธอรู้สึกโกรธมาก นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอได้เชิดหน้าชูตา

“พี่จ้าว ได้ยินว่าพี่บอกว่า เจียงหว่านรู้จักผู้บริหารระดับสูงของมู่ซื่อกรุ๊ป?”หลินซ่วนหร่านถาม

จ้าวหลินได้ใจมาก“แน่นอนว่าเป็นแบบนั้น!”

“ถึงว่าล่ะ คิดไม่ถึงว่าลูกสาวพี่จะเก่งขนาดนี้ ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจ ในเมื่อลูกสาวพี่เก่งขนาดนี้ น่าจะช่วยลูกสาวฉันหน่อยนะคะ?”

เพียงไม่กี่คำของหลินซ่วนหร่าน และบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกมาทั้งหมด แต่เธอไม่โอกาสจ้าวหลินได้ปฏิเสธ ยังคงพูดไม่จบไม่สิ้น แล้วพูดต่อไปว่า

“พี่จ้าวหลิน หลิ่วจือของเราพึ่งจบปีนี้ จบปวส. แต่เกรดเฉลี่ยของเธอดีมากเลยนะ เห้อ ทุกคนต่างพูดกันว่าตอนนี้บริษัทต่างๆมองแค่ด้านเดียว จะดูแค่การศึกษาอย่างเดียว ดังนั้นลูกสาวฉันจบมาสามปีแล้ว ยังหางานไม่ได้เลย”

“อีกอย่างนะ หลิ่วจือเธอถูกเลี้ยงมาเป็นคุณหนู ถึงจะมีงาน ก็ได้แค่ฝึกงานสองสามพัน และจะได้ห้าหกพันหลังจากเป็นพนักงานประจำ เธอไม่เหมาะสมจะทำงานแบบนี้หรอก ลูกสาวของฉันต้องเป็นคนหาเงินก้อนใหญ่”

“ดังนั้นครั้งนี้ที่ฉันมาหาพี่ เพื่ออยากจะขอฝากให้ช่วยหางานให้แกหน่อยน่ะค่ะ เจียงหว่านพี่สาวเธอรู้จักผู้บริหารระดับสูงของมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ใช่หรอ?ให้พวกเขาหาตำแหน่งให้สักตำแหน่ง ยกตัวอย่างเช่นผู้อำนวยการด้านเทคนิคอะไรก็ได้ เงินเดือนไม่ขอเยอะมากมาย ให้เดือนละไม่กี่หมื่นก็พอแล้ว”

“พี่จ้าวหลินคะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ สำหรับพี่แล้ว คงจะไม่ยากเกินไปหรอกใช่ไหม?”

หลินซ่วนหร่านถอนหายใจแล้วส่ายหัวไปมา เหมือนกำลังรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม

หลินหลิ่วจือนั่งลงบนโซฟาเล่นมือถือ ท่าทางเอ้อละเหยลอยชาย ไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตา

เจียงหว่านได้ยินแบบนั้น ก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า“พี่หลิน ถ้าไม่อย่างงั้น ให้หลินหลิ่วจือไปทำงานที่บริษัทฉันก่อนนะคะ สั่งสมประสบการณ์ เพราะมู่ซื่อกรุ๊ป เป็นบริษัทใหญ่ ”

“บริษัทของเธอ?”

หลินซ่วนหร่านไม่พูดอะไร หลินหลิ่วจือทำท่ารังเกียจทันที แล้วพูดว่า“พี่เจียงหว่าน ฉันไม่ได้ดูถูกพี่นะคะ บริษัทพี่มีแค่คนไม่กี่ร้อยคน อีกทั้งยังทำงานกับไซร้งานกับพวกชาวบ้านอีก เชยชะมัดเลย”

“ฉันไม่อยากไปทำงานกับพี่หรอกนะ ถ้าจะไป ฉันจะไปทำงานที่มู่ซื่อกรุ๊ป”

เจียงหว่านได้ยินแบบนั้น ก็โมโหจนขำออกมา

ให้หลินหลิ่วจือได้ไปทำงานที่บริษัทของเธอ เจียงหว่านยังคิดว่าเธอก้าวใหญ่ไป เนื่องจากหลินหลิ่วจือเป็นคนขี้เกียจที่วันๆไม่ทำอะไร สุดท้ายตอนนี้ กลับมาดูถูกเธออย่างงั้นหรอ?

“พี่จ้าวหลิน พี่บอกว่าลูกสาวพี่รู้จักผู้บริหารระดับสูงของมู่ซื่อกรุ๊ปไง?ทำไมตอนนี้ ทำไมแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้ถึงช่วยไม่ได้ล่ะ?”หลินซ่วนหร่านพูดสำทับ

“เธอ——”จ้าวหลินหน้าแข็งทื่อ พูดอะไรไม่ออก

มู่เซิ่งนั่งอยู่ข้างๆ กำลังเก็บถ้วยชามอยู่ มองดูฉากนี้อย่างสนใจ

นี่เป็นผลของการคุยโวโอ้อวดของจ้าวหลิน ควรจะให้จ้าวหลินรับผิดชอบเอง

“แกขำอะไรของแก ไอ้คนไม่เอาถ่าน ยังไม่รีบเก็บข้าวของของแกไปอีก”

เดิมทีหลินซ่วนหร่านที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วเหลือบมองมู่เซิ่ง แล้วโบกมือไล่เขาไป เห็นเขาก็เหมือนกับเห็นแมลงสาบตัวหนึ่งที่ขวางหูขวางตา

มู่เซิ่งยิ้มๆ“พวกคุณอยากเข้ามาทำงานในมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ใช่หรอ?ผมให้การช่วยเหลือเล็กน้อยได้นะ……”