บทที่ 295 อาหารเช้าที่ยุ่งเหยิง

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 295 อาหารเช้าที่ยุ่งเหยิง

บทที่ 295 อาหารเช้าที่ยุ่งเหยิง

ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋และเจียฉิวฉิวได้ยินเสียงจากห้องของเสี่ยวชิงอยู่นานแล้ว พวกเธอกำลังแอบฟังด้วยการแนบหูกับประตู

โป๋อีกู่ที่อยู่ชั้นสองและอีกหลายคนเองก็ได้ยินเช่นกัน แต่เมื่อพวกเขาลองใช้จิตวิญญาณตรวจสอบก็พบสองสาวที่กำลังแอบฟังอยู่ด้วยความสนใจ พวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นพอเห็นแบบนี้แต่ละคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋กับเจียฉิวฉิวแอบฟังอยู่ก็พบว่าเสียงข้างในเบาลงเรื่อย ๆ พวกเธอแนบหูไว้กับประตูแน่น เป็นผลให้ประตูที่ไม่ได้ปิดไว้เปิดออก จากนั้นสองสาวที่แนบกับประตูก็ล้มลงมาที่พื้นในห้องเสี่ยวชิง

ฉู่เหินและเสี่ยวชิงหันไปมองทั้งสองด้วยความแปลกใจ ที่จริงประมาณ

1 ชั่วโมงที่แล้วฉู่เหินก็รู้สึกถึงการมีอยู่ของทั้งสองเลยชี้นิ้วบอกเสี่ยวชิง ซึ่งเสี่ยวชิงเป็นหญิงสาวที่ฉลาดเพราะงั้นเธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเสี่ยวฟู๋กับเจียฉิวฉิวแอบฟังอยู่

แต่เธอไม่คิดเลยว่าทั้งสองจะตั้งใจแอบฟังมากเสียจนประมาทขนาดนี้ น่าอายจริง ๆ

ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋กับเจียฉิวฉิวลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย และไม่รู้จะพูดอะไร

ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋เป็นคนแรกที่ได้สติและเห็นว่าทุกคนนิ่งเงียบ พอเธอเห็นว่าฉู่เหินกับเสี่ยวชิงกำลังใกล้ชิดกันอยู่มันก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา

“โอ้ๆ ดูสิ ดึกดื่นปานนี้แล้วยังไม่นอนอีกเหรอ? อะ ว่าแต่นายมาทำอะไรที่ห้องพี่ใหญ่น่ะ” เสี่ยวฟู๋มองที่ฉู่เหินก็เห็นบางอย่างที่กำลังเตะตาจนเธอยิ้มออกมา “แหม ๆ ๆ ดีนะที่ฉันไม่ได้เข้ามาตอนที่กำลังทำอะไรกันอยู่ ย่ิงใหญ่ไม่เบาเลยนะพ่อหนุ่ม!”

แม้แต่ฉู่เหินที่เป็นผู้ชายพอได้ยินเรื่องแบบนี้ ก็ได้แต่เหลียวมองเธออย่างเหนื่อยใจ ผู้หญิงคนนี้พูดจาน่าเกลียดจริง ๆ!

“เธอสองคนดูสบายจังเลยนะ? คืนนี้ฉันคงนอนไม่หลับแล้วละ มาเถอะ ฉันจะพาไปฝึกหมัดที่ระเบียง” ฉู่เหินมองสองสาวอย่างเหนื่อย ๆ และพาไปที่ระเบียง

ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋กับเจียฉิวฉิวไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไปกับฉู่เหินที่ระเบียงเพื่อฝึกวิชาหมัด จนในที่สุดทั้งสองง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น ฉู่เหินก็เลยปล่อยพวกเธอไปทั้งอย่างนั้น

ฉู่เหินกลับมาที่ห้องแล้วนอนหลับอย่างสบายใจ หลังจากตื่นนอนในเช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่เพิ่งล้างหน้าเสร็จ เสียงโทรศัพท์จากพี่สะใภ้ก็ดังขึ้น เธอบอกว่าอาหารเช้าถูกเตรียมไว้แล้ว ให้ฉู่เหินลงมากินได้เลย

ตอนนี้ซูวี่เหมยแทบจะไม่ทำอาหารเองแล้ว ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากทำ แต่เธอทำไม่ได้ ตอนนี้คนในครอบครัวมีกันหลายสิบคน เธอทำคนเดียวมันจะยุ่งยากเกินไป

ดังนั้นฉู่เหินจึงจ้างพ่อครัวพิเศษไว้ 3 คน รับผิดชอบเป็นพิเศษสำหรับอาหารของคนเหล่านี้! สำหรับ 3 คนนี้การทำอาหารมื้อใหญ่เป็นเรื่องง่ายมาก ที่สำคัญที่สุดคือคนเหล่านี้ขยันและทำอาหารอร่อยมาก

นอกจากอาหารบนโต๊ะที่ถูกเตรียมไว้ ซูวี่เหมยก็ทำอาหารเอง 2-3 อย่าง แม้อาหานที่ซูวี่เหมยทำจะเทียบกับของพ่อครัวไม่ได้ แต่ทุกคนก็มีความสุขที่ได้ทานอาหารที่ซูวี่เหมยทำเอง

ซูวี่เหมยเบื่อกับการกินปลาและเนื้อสัตว์ เธอเหนื่อยนิดหน่อยแต่ก็ลังเลที่จะไปขอพ่อครัว วันนี้เธอจึงทำของทอดเองไม่กี่อย่าง เธอแค่หวังว่าครอบครัวจะนั่งกินกันอย่างมีความสุขแม้จะเป็นอาหารธรรมดาๆ เธอก็รู้สึกดีมาก

แต่ทันทีที่เธอมาถึงครัวในตอนเช้า ซูวี่เหมยก็รู้สึกปวดหัว เพราะในครัวกำลังมี 3 สาวที่สวยราวนางฟ้าอยู่ในนั้น เป็นหลิวเสี่ยวชิง ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋และเจียฉิวฉิว ทั้งสามดูเหมือนจะนัดหมายกันมาที่นี่อย่างไงอย่างงั้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบรรยากาศที่ควรจะกลมกลืนกันของสามสาว กลับไม่มีใครพูดคุยกันเลย ทำให้บรรยากาศที่นี่ดูแปลก ๆ หลังจากเห็นแบบนี้ซูวี่เหมยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เธอชอบหญิงสาวทั้งสามนะ มันคงจะดีไม่น้อยถ้าพวกเธอสามารถอยู่ร่วมกันได้จนเป็นน้องสะใภ้ที่ดีของเธอ

แม้จะไม่มีคำพูดใด ๆ ระหว่างผู้หญิงทั้งสาม แต่พวกเธอต่างก็ให้ความเคารพนับถือซูวี่เหมยอย่างมาก ที่ซูวี่เหมยจะทำวันนี้คือกระดูกหมูทอดกรอบ! จากนั้นซูวี่เหมยก็ทำอาหารเล็ก ๆ 4 จานด้วยตัวเองและผู้หญิงทั้งสามคนก็ทำอาหารกันคนละจาก รวมทั้งหมดเป็น 7 จาน

เวลายามเช้าเป็นดั่งงานเลี้ยงครอบครัว โป๋อีกู่ ปาเค่อและคนอื่น ๆ ต่างรู้ตัวและไม่อยากรบกวนฉู่เหินกับสามสาวเลยพาหนีไปกินที่อื่นแต่ซูวี่เหมยพยายามชวนพวกเขาให้กินด้วยกันแต่คนเหล่านี้ไม่สนใจราวกับพวกเขากำลังหนีอะไรบางอย่างทำให้ซูวี่เหมยไม่เข้าใจพวกเขาว่ามันยังไงกันแน่

แม้หลิวจ้านซานและต่งกุ้ยเจินจะอยู่ที่นี่แล้วจะสบายใจมาก แต่พวกเขาก็ไม่กล้านั่งกินข้าวกับคนอื่นๆ ทำให้คนที่มากินอาหารในวันนี้มีไม่มากนัก นอกจากหวงเจี้ยนหมิง ซูวี่เหมย และ หวงลี่ลี่แล้วก็มี ฉู่เหิน หลิวเสี่ยวชิง ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ และ เจียฉิวฉิว

ฉู่เหินลงมากินข้าวกับทุกคน พอลงมาเขาก็เห็นว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่บนโต๊ะเขาเลยรู้สึกแย่มาก แต่ถ้าจะออกไปตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว เขาทำได้แค่นั่งลงอย่างกล้าหาญเท่านั้น!

ฉู่เหินอยากรีบกินรีบไป แต่ดูเหมือนว่าเขาช้าเกินไป! เมื่อฉู่เหินนั่งลง สามสาวก็รีบตักอาหารให้ฉู่เหินทันที

ซูวี่เหมยไม่ได้คิดมากในตอนแรก แต่พอเห็นภาพนี้เธอก็เข้าใจเรื่องราวเธอนั่งดูฉู่เหินพร้อมรอยยิ้ม เธออยากเห็นสิ่งที่ฉู่เหินจะทำต่อไป

ในทางตรงกันข้าม หวงเจี้ยนหมิงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็เห็นว่าผู้หญิงสามคนนี้มีท่าทางแปลก ๆ จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลก ๆ ตามคนอื่น

“นี้ฉันว่าพวกเธอสามคน ไม่ต้องตักให้เจ้าฉู่มันนักหรอก กินเองบ้างอาหารของซูวี่เหมยอร่อยมากเลยนะ!” หลังจากพูดเสร็จเขาก็จากนั้นก็หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วถ่ายรูปอาหารจานนั้นก่อนจะ หยินกระดูกทอดกรอบมาเคี้ยวมันเข้าไปในปากของเขา

เมื่อเห็นท่าทางของหวงเจี้ยนหมิง ซูวี่เหมยก็ส่ายหัวและยิ้มเบาๆ ผู้ชายตระกูลนี้โง่จริง ๆ ไม่รู้ตัวเลยงั้นเหรอ แต่อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกภูมิใจ คนโง่แบบนี้เรียกว่ามีพรสวรรค์ ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้พวกเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ยังไง

“พี่ชายฉันพูดถูก พวกเธอเองก็กินข้าวเถอะไม่ต้องตักให้ฉันแล้ว!” ในขณะที่ฉู่เหินพูด เขาก็ใช้ตะเกียบกระแทกมือน้อย ๆ ที่บอบบางและสวยงามของทั้งสามสาวให้กลับไปที่จานของตัวเอง มือของพวกเธอค้างอยู่ที่จานข้าวเขา แล้วเขาจะกินยังไง แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ไม่ยอมแพ้?

ขณะที่พวกเธอเตรียมที่จะตักข้าวให้ฉู่เหินต่อ เขาก็รีบพูดออกมาว่า

“พี่สะใภ้ขอข้าวหน่อยครับ!” หลังจากพูดอย่างนี้ฉู่เหินก็ลอบคิด “เรานี้มันฉลาดจริง ๆ ที่สามารถคิดกลอุบายแบบนี้ได้ กับข้าวก็มีแล้วข้าวก็มีแล้วพวกเธอจะทำยังไงต่อ เหอะ ๆ”

ซูวี่เหมยได้แต่หัวเราะออกมา หลังจากเห็นท่าทางของฉู่เหิน แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอหยิบชามข้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเติมข้าวให้กับฉู่เหิน

หลังจากได้ชามข้าวแล้ว ฉู่เหินก็กินอย่างรวดเร็ว แต่เขารู้จักสามสาวน้อยเกินไปซะแล้ว พวกเธอพูดเกือบจะในเวลาเดียวกันเขาพูด “จะรีบกินทำไมไม่มีใครพวกเรากินแย่งหรอกนะ กินแล้วพวกเราอ้วนไปจะทำยังไง!” ในขณะที่พูดแบบนี้สามสาวก็เอาจานข้าวส่งให้กับฉู่เหิน 3 จาน