บทที่ 296 ในโลกนี้มีแค่พี่ชายที่ดีที่สุด
บทที่ 296 ในโลกนี้มีแค่พี่ชายที่ดีที่สุด
ฉู่เหินมองผู้หญิงสามคนนี้พร้อมแอบน้ำตาตกใน ในใจอดคิดไมได้ว่าทำไมแค่จะกินข้าวเช้ามันช่างยากลำบากขนาดนี้ ถ้าทุกมื้อเป็นแบบนี้ต่อไปเขาคงกินข้าวไม่ลงแน่ ๆ
ฉู่เหินอ้าปากรับอาหารที่เสี่ยวชิงป้อน แต่เมื่อมองหญิงสาวสองคนที่เหลือกำลังส่งสายตามองมาที่เขา เขาก็อดสงสารจนรู้สึกทนไม่ไหว เวลาอาหารเช้าผ่านไปพร้อมกับภาพที่แปลกประหลาดนี้ หวงเจี้ยนหมิงมองเรื่องตรงหน้าอย่างโง่งมเพราะไม่รู้ว่าพวกเขาทั้ง 4 คนทำอะไรกันอยู่
ในขณะเดียวกันโป๋อีกู่ที่กำลังรอคนพวกนี้กินข้าวโดยที่เขาไม่ทานอาหารเลยแม้แต่คำเดียว ทุกคนมารวมตัวกันข้างนอกห้องอาหาร พวกเขาต่างก็พากันมองและเอียงหูฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่ระดับปาเค่อและกู้อี้ลี่ พวกเขาทั้งสองใช้พลังมองเข้ามาจากข้างนอก ด้วยวิธีนี้ทำให้ผู้คนนับสิบจากภายนอกสามารถมองเห็นภาพด้านในอย่างชัดเจน!
แม้แต่เหล่านางเงือกเองก็เข้ามารวมวงดูภาพตรงหน้า พวกเขาทุกคนพอภาพตรงหน้าต่างก็พากันหัวเราะแต่พวกเขาไม่กล้าหัวเราะออกเสียง พวกเขาพยายามหัวเราะส่งเสียงในใจ มันยากที่จะได้เห็นฉู่เหินเป็นแบบนี้สักครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงมองดูภาพตรงหน้าด้วยความสนุกสนาน
หลังมองภาพนี้แล้ว ฉางเย่ก็อดไม่ได้ที่จะลูบหน้าอกตัวเองเบา ๆ พร้อมคิดในใจว่า “โชคดีที่ฉันไม่ได้ไปแย่งชิงกับพวกเธอสามคน ไม่ต้องพูดขึ้นรูปร่างหน้าตาที่สวยงามของพวกเธอเลย แค่แรงความหึงหวงนี้ฉันก็หมดปัญญาจะต้านทานไหวแล้ว” เมื่อเธอเห็นว่าฉู่เหินกำลังรู้สึกลำบากอยู่ เธอก็อดขำในใจไม่ได้
จริง ๆ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างฉางเย่กับฉู่เหินนั้นซับซ้อนมาก หลังจากเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดบนรถในวันนั้น ทำให้เรื่องนี้ถูกฝังอยู่ลึก ๆ ในใจของเธอและเกรงว่าชาตินี้เธอคงไม่มีวันลืมมันอย่างแน่นอน แต่เธอก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ควรที่จะโทษฉู่เหิน เพราะตอนนั้นฉู่เหินไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงจริง ๆ
หลังจากหวงหมานหยินเห็นภาพนี้ เธอก็ปรายตามองไปที่โป๋อีกู่ เธอคิดว่าคนอย่างโป๋อีกู่ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างแน่นอน ฉับพลันเธอก็รู้สึกมีความสุขเล็ก ๆ ในใจ เธอรู้สึกว่าคนที่เธอชอบนั้นเป็นคนรักเดียวใจเดียว ไม่มีทางเกิดเรื่องหึงหวงแบบนี้หรอก
เว่ยตงจื่อที่มาที่นี่เมื่อไม่สองวันก่อน แอบเหงือตกแทนฉู่เหิน ถ้าไม่แก้ไขเรื่องนี้ให้ดี ๆ เขาคิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในวันข้างหน้า แต่เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะเข้าไปยุ่งได้ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวฉู่เหินเอง
แต่ทางเลือกนี้ยากจริง ๆ ถ้าฉู่เหินทานอาหารของเสี่ยวชิง ผู้หญิงอีกสองคนต้องเศร้าเสียใจอย่างยิ่งโดยเฉพาะเจียฉิวฉิวที่ตามฉู่เหินมาจากต่างโลกถ้าไม่ได้รับอะไรตอบแทนบ้าง ก็น่าสงสารจริง ๆ นอกจากนี้ยังมีซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ที่อยู่กับฉู่เหินในตอนที่ลำบากหลายครั้งอีก
ไม่ว่าจะเลือกใครฉู่เหินก็ลำบากใจทั้งนั้น แต่ในตอนนี้ที่ทุกคนสัมผัสได้ก็คือ ฉู่เหินทานแต่อาหารที่เสี่ยวชิงป้อนให้เสมอ! แม้ว่าทุกครั้งที่กลืนมันเข้าไปสองสาวจะส่งสายตาอันน่าสงสารมาให้ เขาก็ทำได้แค่อดทนมันทุกครั้ง
หลังจากมองซักพักหวงเจี้ยนหมิงก็เข้าใจเรื่องลำบากใจของฉู่เหิน จากนั้นเขาก็ได้แต่ถอนหายใจยาว พร้อมกับแอบด่าฉู่เหินในใจว่าเป็นคนเจ้าชู้ประตูดินจริง ๆ แต่การที่เขามีน้องชายแบบนี้ทำให้เขารู้สึกภูมิใจไม่น้อย เขาคิดว่าคงต้องช่วยน้องชายบ้างซะแล้ว
“เฮ้ ๆ ไม่เห็นมีใครสนใจคนแก่แบบฉันเลยเหรอ ดูสิมีเด็กสาวถึงสามคนป้อนข้าวเจ้าหมอนี้คนเดียวแล้วทำไมไม่มีใครทำให้ฉันบ้างเลย ดูหุ่นของมันตอนนี้สิไม่รู้หรือไงว่ามันกำลังลดน้ำหนัดอยู่ กินน้อย ๆ สิถึงจะดี! มา ๆ เอากับข้าวของพวกเธอใส่ในจานพี่ชายตรงนี้มา ให้ฉันได้ชิมบ้างว่ากับข้าวที่พวกเธอทำจะรสชาติอร่อยขนาดไหน”
หวงเจี้ยนหมิงยื่นถ้วยออกไปตรงหน้า เด็กหญิงทั้งสามเห็นแบบนี้ก็รู้สึกหมดหนทางได้แต่วางกับข้าวในถ้วยของหวงเจี๋ยนหมิน ในที่สุดฉู่เหินก็ได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ตอนนี้เขาโห่ร้องขอบคุณพี่ชายในใจยกใหญ่!
“ในโลกนี้พี่ชายที่ดีที่สุดแล้วจริง ๆ พี่ชายสุดยอด ๆ รู้ว่าเมื่อไรควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร นับถือ ๆ นับถือจริง ๆ!
ฉู่เหินตักเอากับข้าวที่สามสาวมากินยกใหญ่หลังจากที่กลืนเสร็จแล้ว เขาก็พูดขึ้นมาลอย ๆ ว่า “พวกเธอค่อย ๆ ทานนะ ฉันขอตัวก่อน” ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้ตอบสนองอะไร ฉู่เหินก็หันหลังแล้ววิ่งหนีจากไปข้างนอกทันที
แต่เมื่อเขาวิ่งออกจากห้องอาหารเขาก็พบว่าทางเดินด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คน สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากที่สุดคือสองพี่น้องปาเค่อและกู้อี้ลี่ใช้พลังมองภาพด้านใน
ฉู่เหินชี้ไปที่พี่น้องสองคนด้วยความโกรธ “พวกนายสองคนกินบนเรือนขี้บนหลังคาจริง ๆ แล้วคนพวกนี้จะมองฉันยังไง ดูเหมือนในอนาคตฉันต้องคิดดี ๆ ก่อนจะให้โอกาสพวกนายซะแล้ว ยังมีลูกน้องของพวกนายนั้นอีก พักนี้เรียนสบายมากใช่มั้ย หลังเลิกคาบวิชาวัฒนธรรมแล้ว ไปวิ่งรอบสนามร้อยรอบแล้วก็ไม่ต้องกินข้าวมื้อนึง”
หลังพูดจบเขาก็หันหลังวิ่งเข้าห้องตัวเองไป ทิ้งให้คนเหล่านี้หัวเราะอย่างซื่อ ๆ ออกมา แต่หลังจากนั้นเสียงหัวเราะก็หายไปจากใบหน้า เมื่อได้ยินบทลงโทษที่ฉู่เหินให้พวกเขาวิ่งรอบสนามตั้งหนึ่งร้อยรอบ
เรื่องนี้เกิดจากการที่ปาเค่อและกู้อี้ลี่ไม่รู้จักเล่น เขาไม่รู้ว่าวันข้างหน้าฉู่เหินจะสั่งสอนพวกเขาแบบใด พวกเขาไปทำให้ฉู่เหินโกรธไม่ใช่เรื่องดีเลย การล้อเล่นครั้งนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่เข้าซะแล้ว
โป๋อีกู่เป็นคนที่มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง เขารู้ว่าทั้งสองกำลังคิดอะไรอยู่เลยพูดขึ้นมาว่า “ไม่ต้องกังวลไป คุณฉู่เขาก็แค่พูดไปอย่างงั้น แต่ทีเขาพูดก็ดีอยู่อย่างคือพวกเธอต้องรู้จักปรับปรุงตัว แต่ยังไงพวกเธอก็ต้องไปวิ่งให้ครบหนึ่งร้อยรอบอยู่ดี วรยุทธของพวกเธออย่าว่าแต่ร้อยรอบเลย หนึ่งพันรอบก็ไม่ใช่ปัญหา”
หลังจากได้ยินแบบนี้สองพี่น้องก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น พอพวกเขาได้รู้จักฉู่เหิน พวกเขาเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนไม่ดี อย่างเลวร้ายมากที่สุดก็แค่เรื่องปากไว เพราะว่าฉู่เหินไม่ได้ทำกับพวกเขาเหมือนเป็นลูกน้อง แต่ปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนเพื่อน
หลังจากฉู่เหินกลับมาที่ห้องเขาก็คิดก็ว่าตัวเองต้องออกเดินทางแล้ว การแข่งขันกีฬาครั้งที่แล้วผู้อาวุโสจางบอกกับเขาเอาไว้ว่าในมหาสมุทรมีโจรที่กำลังรอให้เขาไปจัดการอยู่ แม้เรื่องนี้ผู้อาวุโสจางจะไม่ได้ออกปากอะไร แต่เขาก็ยังเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ดี
ในมหาสมุทรเป็นพื้นที่ของเขาอยู่แล้ว เขาต้องระวังไม่ให้มหาสมุทรเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือเขาสนใจกองกำลังกลุ่มนี้มาก ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างมาก แต่ว่าการค้นหาผ่านดาวเทียมก็ยังไม่สามารถหาตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา
ฉู่เหินสงสัยว่าคนเหล่านี้เป็นเพียงมนุษย์หรือเป็นอย่างอื่น? แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นตัวอะไร เมื่อเขาออกไปตรวจสอบเองไม่นานคงได้รู้กัน
ส่วนผู้หญิงทั้งสามฉู่เหินไม่อยากให้พวกเธออยู่แบบนี้ หากเรื่องนี้ไม่จบลงอีกไม่นานต้องมีเรื่องกันแน่ ๆ เขาไม่อยากให้ผู้หญิงสามคนนี้ทะเลาะกัน ดังนั้นเขาจึงแอบคำนวณแผนการในใจ!
ต่อจากนั้นฉู่เหินโทรหาซวี่เหลียงและพี่รองให้พวกเขากลับมา ทั้งยังให้เว่ยตงจื่อกลับมาด้วย! พี่รองกำลังยุ่งอยู่กับโรงงานอาหารทุกวันทำให้มีเวลาค่อนข้างน้อย ตอนนี้ซวี่เหลียงกำลังทำการประเมินราคาเครื่องประดับและเวลาก็มีจำกัดทำให้พวกเขากำลังยุ่งกันอย่างมาก
แต่หลังจากได้รับโทรศัพท์ของฉู่เหิน พวกเขาก็รีบกลับมาทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขารู้ว่าฉู่เหินจะไม่ติดต่อกับพวกเขาหากไม่มีธุระสำคัญ แม้ว่าในพวกเขาจะทำงานให้กับฉู่เหิน แต่พวกเขารู้ดีว่ายังไงฉู่เหินก็เป็นเจ้าของกิจการ ฉู่เหินต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ ถึงเรียกพวกเขากลับไป