ตอนที่ 227 ส่งท้ายปี

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

​จ่าง​กง​จู่​ได้ยิน​คำถาม​ของ​เฉินลั​่ว​แล้ว​หัวเราะ​ร่วน​ไม่​หยุด​ ​สุดท้าย​ตบ​บ่า​ของ​บุตรชาย​อย่าง​อารมณ์ดี​พลาง​กล่าวว่า​ ​“​เรื่อง​ที่​เจ้า​ไม่รู้​ยัง​มี​อีก​มาก​!​”

​คน​เป็น​เถ้าแก่​ไม่​อาจ​เชิญ​สุ่มสี่สุ่มห้า​ได้​ ​ต้อง​เป็น​คนที​่​มีสัม​พันธ์​อัน​ดี​กับ​คนใน​ครอบครัว​ถึง​จะ​ได้รับ​เชิญ​มา​เป็น​เถ้าแก่​ ​บัดนี้​สถานการณ์​ใน​ราชสำนัก​ไม่​ปกติ​ ​เมื่อใด​ที่​อวี​๋​จง​อี้​กับ​เจียง​ชวน​ป๋อมา​เป็น​เถ้าแก่​ให้​ ​ก็​เท่ากับ​เป็นการ​บอก​คนภายนอก​ว่า​พวกเขา​ทั้งสอง​กับ​เฉินลั​่ว​หรือไม่ก็​จ่าง​กง​จู่​มี​ความสัมพันธ์​ต่อกัน​ดีมาก

​อวี​๋​จง​อี้​ยัง​พอ​อธิบาย​ได้​ ​เพราะ​ชื่นชม​เขา​จาก​เรื่อง​ของ​องค์​ชาย​ใหญ่​ ​จึง​ยินดี​เป็น​เถ้าแก่​ให้​เขา​ ​ช่วยเหลือ​เขา​สักครั้ง​ ​เรื่อง​นี้​เขา​พอ​จะเข้า​ใจ​ได้​ ​แต่​เจียง​ชวน​ป๋อ​…​สนิทสนม​กับ​บ้าน​พวกเขา​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ​?

​ต้อง​รู้​ว่า​ ​บางครั้ง​เพื่อ​ไม่​ให้​เป็นการ​เก็บ​ไข่​ไว้​ใน​ตะกร้า​ใบ​เดียว​แล้ว​ ​บุรุษ​จาก​เรือน​ชั้นนอก​กับ​สตรี​ใน​เรือน​ชั้นใน​อาจ​เดิน​บน​เส้นสาย​คนละ​เส้น​กัน​ ​นอกจากนี้​จวน​เจียง​ชวน​ป๋อ​ไม่มี​ป๋อฮู​หยิน​มี​เพียงฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​เท่านั้น​ ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​อยาก​คบค้า​กับ​ใคร​เจียง​ชวน​ป๋อ​ไม่​อาจ​ควบคุม​ได้​ ​จึง​ยิ่ง​อธิบาย​กับ​คนภายนอก​ได้​ง่าย

​เจียง​ชวน​ป๋อ​ทำ​เช่นนี้​ ​เท่ากับ​เอา​ตัวเอง​มา​ผูก​อยู่​บน​เรือ​ลำ​เดียว​กับ​จ่าง​กง​จู่​และ​เขา​แล้ว

​หรือ​บางที​ ​ตระกูล​หวัง​อาจ​หว่านล้อม​เจียง​ชวน​ป๋อ​ได้​?

​วันรุ่งขึ้น​เฉินลั​่​วจึง​เอ่ยถึง​เรื่อง​นี้​ตอนที่​นำ​ราก​บัว​ไป​ส่ง​ให้​หวัง​ซี

​หวัง​ซี​เอง​ก็​ประหลาดใจ​เช่นกัน​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​จะ​ให้​คน​ไป​ถาม​พี่ใหญ่​ข้า​ดู​”

​ไป๋​กั่ว​รับ​งาน​นี้​ไป​จัดการ

​หวัง​ซีจึง​สาละวน​ดูรา​กบั​วที​่​ยัง​มี​โคลน​ติด​อยู่​หลาย​ท่อน​นั้น​ไปมา​ ​พลาง​กล่าว​ ​“​ไม่​แปลกที่​จิง​เฉิง​เป็น​ศูนย์กลาง​ของ​ประเทศ​ ​แม้แต่​ฤดูกาล​นี้​ก็​ยัง​มี​ราก​บัว​ ​ต้อง​มิใช่​ของ​บรรณาการ​แน่นอน​ ​หาไม่​แล้ว​ต้อง​ทำให้​คน​ถึงตาย​ได้​แน่​ ​แต่​ก็​มิใช่​ของ​ที่​ใคร​ก็​หา​ได้​ ​นี่​ส่ง​ไป​ให้​จวน​เจิ​้​นกั​๋​วกง​หรือว่า​จวน​จ่าง​กง​จู่​?​”

​ครัว​หลวง​ทำ​เฉพาะ​ของ​ที่​ทำ​ออกมา​ได้​ตลอดทั้ง​ปี​เท่านั้น​ ​สิ่ง​ที่​ชอบ​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​ไก่​เป็ด​ปลา​และ​เนื้อ​ ​ของ​อย่าง​ผักสด​ตามฤดูกาล​นั้น​เป็น​อะไร​ที่​ไม่กล้า​สุ่มสี่สุ่มห้า​ทำเป็น​อัน​ขาด​ ​เพราะ​ถ้าหากว่า​ฤดูหนาว​ฮ่องเต้​เกิด​อยาก​เสวย​ผักโขม​ที่​มี​เฉพาะ​ใน​หน้าร้อน​ขึ้น​มา​ ​ขันที​ใหญ่​ประจำ​ครัว​หลวง​คง​ไปหา​ซื้อ​มา​ให้​ไม่ได้

​เฉินลั​่​วก​ล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เหตุใด​ต้อง​เป็น​จวน​เจิ​้​นกั​๋​วกง​หรือ​จวน​จ่าง​กง​จู่​เท่านั้น​เล่า​?​ ​นี่​เป็น​ของ​ที่นา​ยก​อง​ผู้​หนึ่ง​ใน​กองพล​ทองคำ​ซ้าย​ส่ง​มา​ให้​ ​บ้านเกิด​เขา​อยู่​ที่​หู​เป่ย​”

​ไม่​แปลกใจ​แล้ว​ ​ปกติ​หารา​กบั​วดี​ขนาด​นี้​ไม่ได้

​หวัง​ซีจึง​ให้​แม่ครัว​มาดู​ ​หาก​ราก​บัว​นี้​ยัง​เก็บ​เอาไว้​ได้​อีก​ ​จะ​เอาไว้​ทำ​น้ำแกง​กระดูก​หมู​ราก​บัว​ใน​คืน​ข้าม​ปี​ ​แต่​ถ้า​เก็บ​ต่อไป​ไม่ได้​แล้ว​ ​ก็​เอา​มาทำ​ราก​บัว​ปั้น​ชุบ​ข้าวเหนียว​นึ่ง​ก็แล้วกัน​ ​“​ประเดี๋ยว​เอา​มา​ให้​เจ้า​กิน​แกล้ม​เหล้า​!​ ​อร่อย​อย่า​บอก​ใคร​เชียว​ ​กรุบ​ๆ​ ​กรอบ​ๆ​”

​เฉินลั​่ว​เห็น​หวัง​ซี​เอา​วัตถุดิบ​ไป​ทำเป็น​อาหาร​เลิศ​รส​ได้​หลากหลาย​ประเภท​จน​ชินตา​แล้ว​ ​เดิน​ตรง​ไป​ยัง​ห้องโถง​หลัก​ไป​ด้วย​ ​กล่าว​ไป​ด้วยว่า​ ​“​เจ้า​ยัง​อยากได้​วัตถุดิบ​อะไร​อีก​บ้าง​ ​ถือโอกาส​ตอนที่​ทุกคน​กำลัง​ส่ง​ของขวัญ​มา​ให้​ตาม​เทศกาล​นี้​ ​ข้า​จะ​หาทาง​เอา​มา​ให้​เจ้า​สัก​เล็กน้อย​”

​หวัง​ซี​อมยิ้ม​ ​กล่าวว่า​ ​“​คุณหนู​รอง​อู๋​ส่ง​ส้ม​มา​ให้​จาก​เจียง​หนาน​ ​เจ้า​อยาก​เอา​กลับ​ไป​สัก​ตะกร้า​หรือไม่​ ​ข้า​ชิม​ดูแล​้ว​ ​รสชาติ​หวาน​สดชื่น​ ​อร่อย​กว่า​ส้ม​ทั่วไป​มาก​นัก​”

​เฉินลั​่ว​ค่อนข้าง​ประหลาดใจ​ ​ถาม​ว่า​ ​“​นาง​ส่ง​ของขวัญ​ปีใหม่​มา​ให้​เจ้า​แล้ว​?​”

​“​อื้อ​!​”​ ​หวัง​ซีพ​ยัก​หน้า​ ​ไป​นั่ง​บน​ตั่ง​ตัว​ใหญ่​ริม​หน้าต่าง​ที่อยู่​ทาง​ทิศตะวันออก​ของ​ห้อง​ ​กล่าวว่า​ ​“​มิใช่​แค่​ส่ง​ให้​ข้า​เท่านั้น​ ​ยัง​ส่ง​ให้​จวน​เจียง​ชวน​ป๋อ​ด้วย​ ​ข้า​คิดไม่ถึง​เลย​ ​เกรง​ว่า​ของขวัญ​ตอบแทน​ของ​ปีนี​้​คง​ล่าช้า​เล็กน้อย​แล้ว​”

​“​ก็​ไม่เป็นไร​ ​ปีหน้า​ค่อย​ว่า​กัน​”​ ​เฉินลั​่​วก​ล่า​วอ​ย่าง​ไม่ใส่ใจ​นัก​ ​“​ที่​ข้ามา​หา​เพราะ​อยาก​บอก​เจ้า​เอาไว้​สัก​คำ​หนึ่ง​ ​พรุ่งนี้​เป็นต้นไป​ข้า​ต้อง​เข้า​วัง​แล้ว​ ​ต้อง​รอกิน​เลี้ยง​ที่​วัง​หลวง​ใน​วันที่​สามสิบ​ให้​เสร็จ​ก่อน​ถึง​กลับ​ออกมา​ได้​ ​วันที่​หนึ่ง​ก็​ต้อง​เข้า​วัง​อีกครั้ง​ไป​ถวายพระพร​ฮ่องเต้​กับ​ไท่​เฟย​ ​วันที่​สอง​ถึง​จะ​มี​เวลาว่าง​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ข้า​จะ​ไป​ไหว้​ปีใหม่​พี่ใหญ่​”

​นี่​ยัง​ไม่ได้​เขียนหนังสือ​แต่ง​กัน​เลย​ ​ก็​ทำตัว​เสมือน​เป็น​บุตร​เขย​ไป​แล้ว

​ความจริง​หวัง​ซี​อยาก​ปฏิเสธ​อย่าง​อ้อม​ๆ​ ​ไป​ ​ภายหลัง​คิด​อีกที​แล้ว​ปล่อย​ตามใจเขา​ดีกว่า​ ​จวน​จ่าง​กง​จู่​ก็ดี​ ​จวน​เจิ​้​นกั​๋​วก​งก​็​ดี​ ​ล้วน​มี​จำนวน​คน​น้อย​ ​เรื่อง​ก็​น้อย​ ​แต่​ตระกูล​หวัง​ของ​พวก​นาง​เป็น​ครอบครัว​ใหญ่​ทรัพย์สมบัติ​มาก​ ​สมาชิก​ใน​ตระกูล​ก็​ก่ายกอง​ ​เรื่องราว​ย่อม​มาก​ตาม​ไป​ด้วย​ ​จะ​ต้อง​มี​วาระ​ที่​จำเป็นต้อง​ใช้​บุตร​เขย​อย่าง​เฉินลั​่ว​ผู้​นี้​อีก​มาก​ ​ในเมื่อ​เขา​ยินดี​สนิทสนม​กับ​ตระกูล​หวัง​ ​เช่นนั้น​ก็​ให้​เขา​มาส​นิท​สนม​ด้วย​ก็แล้วกัน

​นาง​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ถึง​เวลา​เจ้า​อย่า​ลืม​เอา​สุราชั​้น​ดี​ไป​ด้วย​สัก​สอง​สาม​ไห​ ​พี่ใหญ่​ข้า​ไม่มี​งานอดิเรก​อื่น​ ​มี​แค่​ชอบ​ดื่ม​สุรา​บ้าง​เท่านั้น​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​พอ​มีสุ​ราดี​แล้วยัง​ชอบ​เชิญ​สหาย​มาสัง​สรรค์​กัน​อีกด้วย​”

​“​ข้า​ทราบ​แล้ว​”​ ​เฉินลั​่ว​ได้รับ​คำบอกเล่า​แล้ว​รีบ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​จะ​เอา​สุรา​จาก​วัง​หลวง​ไป​ด้วย​เล็กน้อย​ ​อาจ​ไม่ได้​เลิศ​รส​ไป​กว่า​สุรา​ข้างนอก​ ​แต่​เอาไว้​รับรอง​สหาย​กลับ​มีเกียรติ​ยิ่งนัก​”

​ดูแล​้ว​คง​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​นาง​จริงๆ

​หวัง​ซี​เลิก​คิ้ว​ ​ทั้งสอง​คนรับ​มื้อ​เที่ยง​ด้วยกัน

​ไป๋​กั่ว​กระหืดกระหอบ​กลับ​เข้ามา​ ​บอกว่า​ตระกูล​หวัง​กับ​เจียง​ชวน​ป๋อ​หา​ได้​สนิทสนม​กัน​ ​เป็น​เถ้าแก่​ที่​จ่าง​กง​จู่​เชิญ​มา​ผู้​นั้น​แนะนำ​เจียง​ชวน​ป๋อ​ให้​หวัง​เฉิน​รู้จัก​ ​รอ​จนกระทั่ง​เฉินลั​่​วก​ลับ​ไป​แล้ว​ ​นาง​ยัง​กระซิบ​บอก​หวัง​ซีด​้วย​ว่า​ ​“​คุณชาย​ใหญ่​บอกว่า​ ​ภายหลัง​เจียง​ชวน​ป๋อ​ยัง​ชวน​เขา​ไป​ดื่ม​สุรา​ด้วย​ครั้งหนึ่ง​ ​ถาม​ว่ายา​นวด​บรรเทา​ปวด​ของ​พวกเรา​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​บอกว่า​กองทัพ​ต้องการ​เป็น​จำนวนมาก​ ​หาก​ยานว​ดบรร​เทา​ปวด​ของ​พวกเรา​ใช้ได้​ ​เข้า​วสันตฤดู​ปีหน้า​ก็​เตรียม​เอกสาร​ไป​ส่ง​ที่​กรม​กลาโหม​ได้​ ​ภายหน้า​เมื่อถึง​โอกาส​เปลี่ยน​สรรพาวุธ​ใหม่​ ​จะ​ได้​ทำการค้า​กับ​กรม​กลาโหม​”

​หวัง​ซีนวด​ขมับ​ ​ไม่​แปลกใจ​เลย​ที่​ตระกูล​ค้าขาย​เหล่านั้น​จะ​ชอบ​ดอง​กับ​ตระกูล​ขุนนาง​ ​ดู​อย่าง​การ​ทำการค้า​นี้​ ​สามารถ​ขจัด​พ่อค้า​คนที​่​จัดหา​ยานว​ดบรร​เทา​ปวด​คน​ก่อนหน้า​ออก​ไป​ได้​อย่างง่ายดาย

​นาง​ถาม​ ​“​แล้ว​คุณชาย​ใหญ่​ว่า​อย่างไร​”

​ไป๋​กั่ว​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​คุณชาย​ใหญ่​ตอบรับ​ไป​อย่าง​คลุมเครือ​ ​บอกว่า​ถึง​เวลา​ดู​สถานการณ์​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​อีกที​”

​กลัว​แต่ว่า​จะ​ปฏิเสธ​การค้านี​้​ไม่ได้​ ​หาก​เจียง​ชวน​ป๋อ​รู้สึก​ว่า​ตน​อุตส่าห์​ลง​เรี่ยวแรง​อำนวยความสะดวก​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้​ไป​ตั้ง​มาก​แต่​ตระกูล​หวัง​ยัง​ไม่​รับเอา​ไว้​ ​นี่​มิ​เท่ากับ​เป็นการ​ทำให้​ผู้อื่น​ขุ่นเคือง​โดย​ไร้เหตุผล​หรอก​หรือ

​หวัง​ซี​เอง​ก็​ทำได้​แต่​ทอดถอนใจ​ตาม​ไป​ด้วย​เท่านั้น

​เพียงพริบ​ตาเดียว​ก็​ถึง​วัน​ปีใหม่​ใหญ่​วันที่​ยี่สิบ​เก้า​ ​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​เริ่ม​เตรียม​อาหาร​สำหรับ​คืน​ข้าม​ปีกัน​แล้ว​ ​หย่ง​เฉิง​โหวกับ​โหวฮู​หยิน​ต้อง​เข้า​วัง​ไปร​่ว​มงาน​เลี้ยง​ของ​วัง​หลวง​ ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​นำ​สตรี​ใน​บ้าน​มา​เฝ้า​คืน​ข้าม​ปี​ที่​เรือน​หยก​วสันต์​ ​อาหาร​สำหรับ​คืน​ข้าม​ปีก​็​ตั้งโต๊ะ​ที่นี่​ด้วย​เช่นกัน

​ช่วง​เช้า​ตอนที่​หวัง​ซี​ไป​คารวะฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​นั้น​ ​เบาะ​รอง​นั่ง​และ​เสื่อ​ปู​ตั่ง​ต่างๆ​ ​ล้วน​เปลี่ยนเป็น​สีแดง​สด​ ​บนบาน​หน้าต่าง​ยัง​แปะ​กระดาษ​ตกแต่ง​สีแดง​สด​เอาไว้​ด้วย​ ​ดูแล​้​วอ​บอ​วล​ไป​ด้วย​บรรยากาศ​ของ​ความชื่นชมยินดี

ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​เอง​ก็​มีชีวิตชีวา​มาก​เช่นกัน​ ​จับมือ​หวัง​ซี​เอาไว้​มอง​ฉัง​หนิง​ ​ฉัง​เหยี​ยน​และ​ฉัง​เคอ​สาม​พี่น้อง​พลาง​กล่าว​อย่าง​ปลาบปลื้ม​ว่า​ ​“​พริบตาเดียว​พวก​เจ้า​ก็​โตกัน​หมด​ ​ถึง​เวลา​ออกเรือน​กัน​แล้ว​ ​ปีนี​้​เป็น​ปี​สุดท้าย​แล้ว​ที่​พวก​เจ้า​จะ​ได้​ฉลอง​ปีใหม่​ที่​บ้าน​ด้วยกัน​ ​ภายหน้า​ไป​อยู่​บ้าน​ผู้อื่น​ ​ก็​กลายเป็น​สะใภ้​ของ​ผู้อื่น​แล้ว​ ​ต้อง​รักษา​กฎระเบียบ​ของ​ผู้อื่น​ ​ต้อง​เชื่อฟัง​รู้ความ​ ​อย่า​ให้​แม่​สามี​ของ​ผู้อื่น​ติฉินนินทา​และ​เอา​มา​ฟ้อง​ถึง​บ้านเดิม​ได้​”

​ฉัง​เหยี​ยน​และ​ฉัง​เคอ​ฟัง​ด้วย​อาการ​ขัดเขิน​ ​ขานรับ​เจ้าค่ะ​กัน​อย่างนอบน้อม​เชื่อฟัง​ ​มี​เพียง​ฉัง​หนิง​เท่านั้น​ที่​กลอกตา​มอง​บน​ ​ท่าทาง​เหมือน​กำลัง​พูดว่า​ ​‘​ท่าน​ช่างกล​่าว​คำ​ไร้สาระ​มากความ​เสีย​จริง​’

​หวัง​ซี​มอง​แล้ว​ลอบ​ถอนหายใจ​อย่าง​อด​ไม่ได้

​โชคดี​ที่นาง​แต่ง​กับ​คนที​่​ต้องการ​พึ่งพา​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​ ​หาไม่​แล้วด้วย​นิสัย​ของ​นาง​นี้​ ​แต่ง​ไป​แล้ว​ไม่รู้​ว่า​จะ​สร้างเรื่อง​อะไร​ออกมา​บ้าง​ ​อย่างไรก็ตาม​ ​คนที​่​สู่ขอ​นาง​กลับ​ไป​ก็​โชคร้าย​มาก​เช่นกัน

​แต่​ก็​พูด​ยาก​เหมือนกัน​ ​ไม่แน่​ว่า​ผู้อื่น​อาจ​สนใจ​แค่​อำนาจ​ของ​ตระกูล​นาง​ ​ส่วน​นิสัย​จะ​ดี​หรือไม่​นั้น​อาจ​ไม่สำคัญ​อะไร​ก็​เป็นได้

​หวัง​ซีคิ​ดอะ​ไร​ไป​เรื่อยเปื่อย​ระหว่าง​นั่ง​ดื่ม​ชา​อยู่​ที่​เรือนฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​กับ​พี่น้อง​ตระกูล​ฉัง​ทั้ง​สาม​ ​เสร็จ​แล้ว​ถึง​ลุกขึ้น​กล่าว​ขอตัว​ลาออก​มา

​ทั้ง​สี่​คน​เดิน​ร่วมทาง​กัน​มาช​่​วง​ถนน​หนึ่ง

​ฉัง​หนิง​มอง​หวัง​ซี​แล้ว​คล้าย​อยาก​พูด​บางอย่าง​แต่​ก็​ไม่ได้​พูด​ออกมา

​หวัง​ซี​แสร้งทำ​เป็น​มองไม่เห็น​ ​พูด​แต่​กับ​ฉัง​เคอ​ว่า​ ​“​ได้ยิน​ว่าวั​นที​่​เก้า​จะ​มี​หิมะ​ ​ข้าว​่า​จะ​ไม่​ออกจาก​บ้าน​ ​แต่​ช่วง​เทศกาล​โคมไฟ​ข้า​อยาก​ไป​เดิน​ดูงาน​โคมไฟ​ ​เจ้า​ไป​หรือไม่​”

​ฉัง​เคอ​รู้​ว่านาง​ไม่​อยาก​คุย​กับ​ฉัง​หนิง​และ​ฉัง​เหยี​ยน​ ​จึง​คุย​สัพเพเหระ​กับ​นาง​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เกรง​ว่าฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​คง​ไม่​อนุญาต​ ​พวกเรา​แขวน​โคมไฟ​ที่​จวน​สัก​หลาย​ๆ​ ​อัน​แทน​ดี​หรือไม่​!​ ​ซื้อ​โคมไฟ​แต่ละ​แบบ​กลับมา​มาก​หน่อย​ก็​ใช้ได้​แล้ว​…​”

​ฉัง​เหยี​ยน​เห็น​เหตุการณ์​แล้ว​มอง​ฉัง​หนิง​ ​จากนั้น​ก็​มอง​หวัง​ซี​ ​ค่อยๆ​ ​ชะลอ​ฝีเท้า​ลง​อย่างเงียบเชียบ​ ​เดิน​อยู่​ด้านหลัง​ของ​พวก​นาง

​สุดท้าย​แล้ว​พวก​นาง​พี่น้อง​ก็​ทะเลาะ​กัน​ ​แม้แต่​หน้าตา​ก็​ไม่​คิด​จะ​รักษา​เอาไว้​แล้ว

​นาง​ถอนหายใจ​เงียบๆ

​คิดไม่ถึง​ว่าการ​ที่นาง​ฉกฉวย​เอางาน​มงคล​ของ​ตระกูล​หวง​มานั​้น​ ​ผล​ที่​ตามมา​จะ​ร้ายแรง​ถึง​เพียงนี้​ ​จนถึง​บัดนี้​ฉัง​เคอ​กับ​หวัง​ซีก​็​ยัง​ไม่ยอม​ให้อภัย​นาง

​นาง​เอง​ก็​ไม่มี​อะไร​จะ​พูด​เช่นกัน

​ใช้ชีวิต​ของ​ตัวเอง​ให้​ดี​ก็​พอแล้ว

​เหมือน​พี่ชาย​สาม​ของ​นาง​กับ​หัน​ซื่อ​ที่รัก​ใคร่​กันและกัน​ประหนึ่ง​น้ำผึ้ง​กับ​น้ำมัน​ ​ตระกูล​หัน​ยัง​คิด​จะ​ช่วย​เปลี่ยน​สถานที่ทำงาน​ให้​พี่ชาย​สาม​ของ​นาง​ด้วย

​นาง​เดิน​ไป​ด้วย​สีหน้า​ราบเรียบ​ไม่​แสดง​ความรู้สึก

​ส่วน​หวัง​ซีกับ​ฉัง​เคอ​เร่งฝีเท้า​ให้​เร็ว​ขึ้น​ ​ไม่นาน​ทั้งสอง​คน​ก็​มาถึง​ทางแยก​ ​ต่าง​คน​ต่าง​เอ่ย​มาป​ระ​โยค​หนึ่ง​ว่า​ ​“​พรุ่งนี้​เจอกัน​”​ ​แล้วก็​ต่าง​แยกย้าย​กัน​ไป

​ฉัง​หนิง​ถึง​ได้​ดึง​ฉัง​เคอ​เอาไว้​ ​เอ่ย​ถาม​ว่า​ ​“​ได้ยิน​ว่านา​งกำ​ลัง​จะ​แต่ง​เข้า​จวน​เจิ​้​นกั​๋​วกง​ ​เป็นเรื่อง​จริง​หรือไม่​”

​ฉัง​เคอ​จะ​รื้อ​ทำลาย​เวที​ของ​หวัง​ซี​ได้​อย่างไร​ ​นาง​แสร้งทำ​เป็น​ตกใจ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​ไม่รู้​เรื่อง​เลย​!​ ​เจ้า​ได้ยิน​ผู้ใด​พูด​มา​?​ ​ท่าน​ป้า​สะใภ้​ใหญ่​กักบริเวณ​ให้​เจ้า​อยู่​แต่​ใน​บ้าน​เพื่อ​ทำงาน​เย็บ​ปัก​มิใช่​หรือ​ ​คิดไม่ถึง​ว่า​เจ้า​จะ​ได้ข่าว​ไว​กว่า​ข้า​เสียอีก​”

​“​จริง​หรือ​”​ ​คำพูด​ของ​ฉัง​เคอ​ทำให้​ฉัง​หนิง​ไม่​ค่อย​มั่นใจ​แล้ว​ ​นาง​พึมพำ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​เอง​ก็​แค่​ได้ยิน​มา​เท่านั้น​ ​อาจจะ​ฟัง​ผิด​ไป​ก็​เป็นได้​ ​อย่างไรก็ตาม​ ​ซือ​จู​แต่ง​ไป​แล้ว​ชีวิต​นาง​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​คราวก่อน​ได้ยิน​ว่านา​งก​ลับ​มา​ ​แต่เพียง​ไม่นาน​ก็​กลับ​ไป​แล้ว​ ​นาง​ได้​บอก​หรือไม่​ว่า​จะ​กลับมา​ไหว้​ปีใหม่​ที่​บ้าน​วันที่​เท่าไร​”

​วันที่​สอง​กลับบ้าน​เดิม​ ​วันที่​สาม​ไป​บ้าน​ลุง​ ​แต่​โดยปกติ​แล้ว​บ้านเดิม​กับ​บ้าน​ลุง​ล้วน​ไม่​ค่อย​แยก​ออกจาก​กัน​อย่างชัดเจน​นัก​ ​ตอน​ไป​ส่ง​ของขวัญ​ตาม​เทศกาล​ล้วน​บอกกล่าว​กัน​สัก​คำ​และ​ปรึกษาหารือ​กัน​ให้​เรียบร้อย​ ​เพื่อ​ที่​ผู้อื่น​ก็​จะ​ได้​เตรียมตัว​รับรอง​แขก​ได้

​ฉัง​เคอ​กล่าว​ ​“​ข้า​จะ​รู้​ได้​อย่างไร​!​ ​แม้แต่​เรื่อง​ของ​หวัง​ซี​ข้า​ยัง​เพิ่ง​เคย​ได้ยิน​เป็นครั้งแรก​เลย​!​”

​ฉัง​หนิง​ย่น​คิ้ว​ ​ไม่​กล่าว​อะไร​อีก​ ​ทว่า​กลับ​เรือน​ไป​ถาม​โหวฮู​หยิน​ว่า​ ​“​ตอนที่​จวน​เจิ​้​นกั​๋​วก​งมา​ส่ง​ของขวัญ​ป้า​รับใช้​ผู้​นั้น​ได้​บอก​หรือไม่​เจ้า​คะ​ว่า​ซือ​จู​จะ​มา​วันที่​เท่าไร​”

​หย่ง​เฉิง​โหวฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้ว​กล่าว​อย่าง​ไม่พอใจ​ว่า​ ​“​นานๆ​ ​ที​กว่า​เจ้า​จะ​ได้​ออกจาก​เรือน​ไป​ครั้งหนึ่ง​ ​นี่​ผู้ใด​มา​พูด​อะไร​ให้​เจ้า​ฟัง​อีกแล้ว​ ​ซือ​จู​จะ​มา​หรือไม่​เกี่ยว​อะไร​กับ​เจ้า​ด้วย​?​”

​ฉัง​หนิง​ก็​แค่​อยากรู้​ว่า​หวัง​ซีกำ​ลัง​จะ​แต่ง​กับ​เฉินลั​่​วจ​ริง​หรือไม่​เท่านั้น

​ก่อน​จะ​มี​การ​วาง​ของหมั้น​อย่างเป็นทางการ​ ​ต่อให้​นาง​ถาม​มารดา​ของ​นาง​ ​มารดา​นาง​ก็​ไม่มีทาง​บอก​นาง​ ​มิสู​้​ถาม​ซือ​จูดี​กว่า

​นาง​กล่าว​อย่าง​ไม่พอใจ​ว่า​ ​“​ข้า​ถาม​สัก​คำ​ก็​ไม่ได้​เชียว​หรือ​”

​โหวฮู​หยิน​รู้ดี​ว่า​บุตรสาว​ของ​ตน​ผู้​นี้​ดื้อดึง​เพียงใด​ ​หาก​นาง​ไม่​บอก​ ​ไม่แน่​ว่านา​งอาจ​ไป​ถาม​ใคร​อีก​และ​อาจ​สร้าง​ปัญหา​อะไร​ขึ้น​มาก​็​เป็นได้​ ​จึง​กล่าวว่า​ ​“​ปีนี​้​นาง​คง​ไม่ได้​มา​ไหว้​ปีใหม่​ ​เห็น​บอกว่า​หลาย​วันก่อน​ต้อง​ลมหนาว​ก็​เลย​เป็นไข้​ ​จนบัดนี้​ก็​ยัง​ไม่​หาย​ ​แม้แต่​งานเลี้ยงส่ง​ท้าย​ปี​ของ​วัง​หลวง​นาง​ก็​ไม่ได้​เข้าร่วม​”

​แม้แต่​สถานะ​บุตรชายคนโต​ของ​เจิ​้​นกั​๋​วกง​ยัง​ไม่​เพียงพอ​ให้​เฉิน​อิง​ได้​เข้าร่วม​งานเลี้ยง​ของ​วัง​หลวง​ใน​วันที่​สามสิบ​เลย​ ​นับประสา​อะไร​กับ​ซือ​จู​ ​แต่​เฉิน​อิง​เป็น​ลูกเลี้ยง​ของ​จ่าง​กง​จู่​มิใช่​หรือ​ ​จารีต​ของ​ประเทศ​ไม่ได้​แต่​จารีต​ครอบครัว​ได้​ ​ซือ​จู​เอง​ก็​เลย​มีคุณ​สมบัติ​ไป​ด้วย

​ฉัง​หนิง​ขาน​ ​“​อ้อ​”​ ​เสียง​หนึ่ง​ ​กล่าวว่า​ ​“​เช่นนั้น​ท่าน​แม่​ต้อง​ส่ง​คน​ไป​เยี่ยม​นาง​หรือไม่​ ​ต้อง​ส่ง​ยา​ไป​ให้​สักหน่อย​หรือเปล่า​เจ้า​คะ​”

​โหวฮู​หยิน​กล่าว​อย่าง​อดทน​ไม่ได้​อีกแล้ว​ว่า​ ​“​ข้า​ไม่รู้​มารยาท​พวก​นี้​หรือ​อย่างไร​ ​เจ้า​ดูแล​เรื่อง​ของ​ตัวเอง​ให้​ดี​ก็​พอ​ ​เรื่อง​อื่นๆ​ ​ไม่ต้อง​ให้​เจ้า​มา​เป็นห่วง​หรอก​”

​ฉัง​หนิง​เดิน​กระฟัดกระเฟียด​จากไป​ด้วย​ความโกรธ

​โหวฮู​หยิน​มอง​เงา​หลัง​ของ​บุตรสาว​ตัวเอง​แล้ว​ได้​แต่​ส่าย​ศีรษะ

​นี่​จะ​ทำ​อย่างไร​ดี

​ตน​ตามใจ​นาง​มากเกินไป​แล้ว

​ผู้อื่น​ต่าง​ไม่​ถามถึง​ซือ​จู​ ​มี​เพียง​นาง​เท่านั้น​ที่​ยัง​เอาแต่​คำนึงถึง​ซือ​จู​อยู่

​ซือ​จู​ป่วยไข้​ที่ไหน​กัน​ ​เห็น​ๆ​ ​อยู่​ว่า​ถูก​กักบริเวณ​ ​แม้แต่​เรื่อง​พวก​นี้​ยัง​แยกแยะ​ไม่ได้​ ​ไป​อยู่​บ้าน​สามี​แล้ว​จะ​ใช้ชีวิต​อย่างไร

​ดูแล​้ว​คง​ต้องหา​ป้า​รับใช้​ที่​เฉลียวฉลาด​ผู้​หนึ่ง​ไป​กับ​นางใน​ฐานะ​สิน​เจ้าสาว​ด้วย​ถึง​จะ​ใช้การได้​!

​โหวฮู​หยิน​คิด​แล้ว​รู้สึก​เหนื่อยใจ​ยิ่งนัก

​………………………………………………………………..