“ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ” ซ่างเชียนตอบกลับ แต่เขาไม่ได้เอาคำพูดของพ่อตัวเองมาใส่ใจอะไรมากนัก
ในขณะเดียวกันเซี่ยอี้แอบถามเซี่ยซิวผ่านพลังชี่ “นั่นคือผู้ชายที่เจ้าพูดถึงหรือเปล่า?”
“ถูกต้องแล้วท่านพ่อ…เขาคือซูอัน” เซี่ยซิว ตอบกลับ
พี่สาวของเขาเซี่ยเต๋าอวิ๋นขมวดคิ้ว “ชายผู้นี้หยาบคายอย่างไม่น่าเชื่อ ข้าไม่ชอบเขาเลย!”
เซี่ยซิวอยากจะอธิบายให้กับซูอัน แต่เมื่อเขานึกถึงตำนานเจ้าแห่งแมงดาในสถาบันจันทร์กระจ่างของซูอัน และดูเหมือนว่าซูอันจะเคยเอ่ยถามถึงพี่สาวของเขาครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขาควรเก็บพี่สาวของเขาให้ห่างจากชายอันตรายคนนั้นให้ไกลที่สุด…
อู๋เว่ยระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “นี่คือลูกเขยที่ท่านภูมิใจนักภูมิใจหนางั้นเหรอท่านเหรออ๋องฉู่? ดูเหมือนว่าตระกูลฉู่เดี๋ยวนี้จะตกต่ำลงนะ!”
อู๋ฉิงรู้สึกสะใจมากที่ได้ยินพ่อของนางเหยียดหยามซูอัน ฮึ่ม! วันนี้เจ้าไม่ได้อยู่ในสถาบัน เจ้าไม่สามารถใช้อำนาจของเจ้าได้อีกแล้ว!
คนเดียวบนเวทีที่รู้เรื่องเบื้องหลังของซูอันจริง ๆ คือเจียงลั่วฝู นางมองดูชายหนุ่มที่ไม่ไหวติงกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝูงชนอย่างสงบ
นางอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดในใจ อะไรทำให้เขาต้องกวนประสาทคนอื่นตลอดเวลาแบบนี้? หรือว่าเขากำลังวางแผนที่จะทำลายชื่อของเขาผ่านงานประลองวันนี้งั้นเหรอ?
ซ่างหงกระแอมในลำคอและประกาศว่า “ก่อนที่งานประลองระหว่างตระกูลฉู่และตระกูลหยวนจะเริ่มต้นขึ้นข้าขอย้ำกติกาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายจะต้องยืนยันลำดับผู้เข้าประลองก่อนที่จะขึ้นสู่สังเวียนและหลังจากที่กำหนดลำดับกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลำดับการประลองได้อีกต่อไป ฝ่ายใดชนะการประลองมากกว่าจะได้รับส่วนแบ่งการค้าอาวุธในตลาดของมณฑลหลินชวน 8 ส่วนในขณะที่ฝ่ายที่แพ้จะเหลือเพียงแค่ 2 ส่วนเท่านั้น ในระหว่างการประลองห้ามทั้งสองฝ่ายจงใจออกการโจมตีที่ร้ายแรงซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิต มิฉะนั้น คนที่ทำผิดกฎจะถูกปรับแพ้ทันที ทุกคนเข้าใจกฎชัดเจนแล้วใช่ไหม?”
“ใช่!”
ผู้เข้าร่วมประลองทั้งฝ่ายตอบพร้อมกัน…
อย่างไรก็ตามซูอันก็มีข้อโต้แย้งมากมายเกี่ยวกับกฎที่ห้ามทั้งสองฝ่ายฆ่ากัน การใช้คำว่า ‘จงใจ’ เปิดช่องว่างให้กับคู่ที่มีความขัดแย้งต่อกัน คนที่ออกการโจมตีสามารถอ้างได้ว่าเขาร้อนรนเกินไปในการประลองและล้มเหลวในการระงับการโจมตีในช่วงเวลาวิกฤติ ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำมันชัดเจนเกินไป มันก็ไม่มีใครสามารถพูดเอาผิดได้อย่างแน่นอนว่าเขาตั้งใจหรือไม่?
“เอาล่ะตอนนี้ทั้งสองฝ่ายส่งกระดาษลำดับการประลองมาได้แล้ว หลังจากนี้ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปหมด งานประลองประจำปีจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!”
หลังจากประกาศจบ ซ่างหงก็นั่งลงในที่ของเขา สำหรับงานประลองระหว่างตระกูลก่อนหน้านี้ คนที่เป็นผู้ตัดสินจะมีแต่เจ้าเมืองเท่านั้น แต่ปีนี้มันกลับแตกต่างออกไป มันไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างตระกูลฉู่ และตระกูลหยวนอีกต่อไป แต่มันเป็นเสมือนการประลองอำนาจของตระกูลฉู่และตระกูลอู๋
ไม่นานต่อมา ฉู่ชูเหยียนก็เดินขึ้นไปยื่นกระดาษลำดับผู้ลงประลอง ซึ่งในเวลาไล่เลี่ยกัน หงซิงอิงก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซูอันเพื่อเตรียมที่จะขึ้นไปบนเวทีประลองเพราะเขาเป็นคนแรกที่อยู่ในลำดับรายชื่อของตระกูลฉู่
หากมองจากมุมมองของคนภายนอก มันดูเหมือนว่าเขากำลังเตรียมตัวสำหรับการขึ้นไปสู้บนเวที แต่ในความเป็นจริง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาจนได้ยินเพียงสองคนกับซูอันเท่านั้น “เจ้ารู้สึกปลาบปลื้มกับสิ่งที่เจ้าทำไปเมื่อครู่งั้นสิ?”
“อะไร?” ซูอันรู้สึกงุนงง ไอ้เด็กนี่พยายามจะยั่วยุเขาก่อนจะขึ้นไปสู้งั้นเหรอ?
หงซิงอิงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดบ้าอะไรอยู่ แต่เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องดีงั้นเหรอที่ตะโกนดูถูกเหยียดหยามฝั่งตรงข้ามเหมือนพวกอันธพาลข้างถนน? เจ้าคงไม่ทันได้สังเกตสินะว่าทุกคนไม่ได้ล้อเลียนเจ้าแค่เพียงคนเดียว แต่พวกเขาเยาะเย้ยพวกเราตระกูลฉู่ทุกคนด้วย!”
“คนอย่างเจ้ารังแต่จะเป็นความอัปยศของตระกูลฉู่เท่านั้น ตระกูลฉู่ กลายเป็นตัวตลกนับตั้งแต่รับเจ้าเข้ามาเป็นลูกเขย แต่ตอนนี้เจ้ากลับเพิ่มความน่าอับอายมากขึ้นไปอีก!”
ซูอันรู้สึกขบขัน “เจ้าลืมไปแล้วงั้นเหรอว่ารอบที่แล้วสภาพของเจ้าน่าเวทนาแค่ไหน?”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ สายตาของหงซิงอิงก็เหลือบไปเห็นเพ่ยเหมียนหมานที่อยู่ข้าง ๆ ซูอัน เขากลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่อย่างไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามเขารีบสะบัดความกลัวออกจากใจอย่างรวดเร็วและพูดในลำคออย่างเย็นชา “เจ้ามันก็ดีแต่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผู้หญิง! ฮึ่ม! แต่วันนี้เจ้าจะไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงคนไหนได้อีกแล้วบนลานประลอง…วันนี้ทุกคนจะมองว่าเจ้าเป็นขยะอย่างแท้จริง!”
“อะไรทำให้เจ้ามั่นใจนักว่าข้าจะแพ้?” ซูอันรู้สึกว่าเขาควรใช้โอกาสนี้ในการเดิมพันกับหงซิงอิง ไม่เช่นนั้นมันจะเสียโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ไป
“เจ้าคงไม่คิดจริง ๆ ว่าเจ้าจะสามารถชนะการประลองได้ใช่ไหม?” หงซิงอิงเยาะเย้ย “งานของเจ้าวันนี้คือการขึ้นไปยอมแพ้เท่านั้น ส่วนข้าคือคนที่จะนำพาความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลฉู่เอง คนอย่างเจ้ามันเป็นได้แค่กาฝากที่เกาะอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่อย่างตระกูลฉู่และข้าก็เท่านั้น!”
ซูอัน ต้องการลบล้างคำพูดเหล่านั้น แต่กรรมการดูแลลานประลองกลับประกาศเริ่มรอบแรกก่อน ดังนั้นหงซิงอิงจึงเดินเชิดหน้าออกไปอย่างหยิ่งยโส…
“ฮึ! ในที่สุดข้าก็ได้ระบายความคับแค้นออกมาในวันนี้ ไอ้ขยะนั่นถูกข้าด่าจนพูดอะไรไม่ออกเลย ฮ่า…! นี่มันรู้สึกดีจริงๆ!”
หงซิงอิงไม่เคยรู้สึกสบายใจแบบนี้มาก่อน…
ฮึ่ม! คอยดูตอนที่ข้านำชัยชนะแรกมาอยู่ในมือของตระกูลฉู่ และไอ้ขยะซูอันโดนตระกูลหยวนซ้อมจนปางตาย เมื่อถึงตอนนั้นทั้งนายท่านและนายหญิงจะได้ตาสว่างสักทีว่าใครกันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณหนูใหญ่!
และไม่ใช่แค่ชนะเฉย ๆ แต่ต้องชนะอย่างท่วมท้น! ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ข้าจะสามารถเดินเชิดหน้าในตระกูลฉู่ได้และดึงดูดความสนใจของอาจารย์ใหญ่เจียง ข้าจะทำให้นางรู้ถึงความสามารถของข้า และบางทีนางอาจจะรับข้าไปเป็นศิษย์ในอนาคต จากนั้นข้าจะได้ตำแหน่งจากราชสำนักและกลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อขอคุณหนูใหญ่แต่งงานกับข้า!
ในขณะเดียวกัน ที่ด้านข้างของเวทีประลอง ฉินหว่านหรูเอนตัวไปทางสามีของนางและกระซิบเบา ๆ ว่า “อีกฝั่งเป็นใครกันทำไมข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน?”
ฉู่จงเทียนส่ายหัวและตอบกลับ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาอาจจะไม่ได้มาจากตระกูลหยวน แต่เป็นตระกูลอู๋ มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากตระกูลอู๋จะส่งคนมาช่วยตระกูลหยวนในปีนี้”
“ท่านคิดว่าซิงอิงจะสามารถเอาชนะได้หรือเปล่า?” ฉินหว่านหรูมีความคาดหวังกับหงซิงอิงพอสมควร เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนที่มีความสามารถอย่างมาก และพ่อของเขาก็ภักดีต่อตระกูลฉู่มาหลายปี
ในความเป็นจริง หากเลือกได้นางคงเลือกให้หงซิงอิงมาเป็นสามีลูกสาวของนางแทนซูอัน
ฮึ่ม! แค่คิดถึงชื่อมันข้าก็หงุดหงิดแล้ว!
ท่านยั่วยุ ฉินหว่านหรู สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +111!
ซูอันรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาทันที อะไรเนี่ย!? เมื่อครู่มันเป็นหงซิงอิง ต่างหากที่มายั่วยุเขาแถมเขาไม่มีโอกาสจะได้โต้ตอบกลับด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับมาโกรธข้าเนี่ยนะ? นี่เจ้าอยู่ในวัยหมดประจำเดือนหรือไง?!
โดยไม่รู้ถึงความคิดของภรรยาของเขา ฉู่จงเทียนตอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล “ซิงอิงมีความสามารถค่อนข้างมาก ขนาดเขาถูกรั้งอยู่ในตระกูลฉู่ของเราหลายปี เขายังคงสามารถบ่มเพาะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของระดับ 3 ได้ เขาอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับพวกอัจฉริยะทั้งหลาย แต่ถ้าเทียบกับคนธรรมดาเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน คนที่อยู่อีกฝั่งก็ดูเหมือนจะอยู่ในระดับเดียวกับเขา ข้าคิดว่าซิงอิงคงจะเก็บชัยชนะมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก…”
เมื่อได้ยินคำพูดของสามีตัวเอง ฉินหว่านหรู ก็ผ่อนคลายลง
บนสังเวียนต่อสู้ หงซิงอิงชักกระบี่ของเขาออกมาและกวัดแกว่งอย่างสง่างาม เขาจ้องไปที่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างจองหองและตะโกนขึ้นเสียงดัง “บอกชื่อของเจ้ามา! กระบี่ของข้าไม่ต้องการโค่นศัตรูที่ไร้นาม!”