บทที่ 206 ย้อนเข้าตัว

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

“โอ้!…ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนแบบนี้ในตระกูลฉู่…เขาดูสง่างามมากเลย!”

“ใคร ๆ ก็ดูดีหมดแหละ…เมื่อเทียบกับลูกเขยของพวกเขา!”

คำพูดที่ดูองอาจและใบหน้าที่มั่นใจของหงซิงอิง ทำให้สาว ๆ หลายคนเริ่มคลั่งไคล้ อย่างไรก็ตามการแสดงใหญ่โตของหงซิงอิง ทำให้ฉู่จงเทียนขมวดคิ้ว

แต่เด็กคนนี้แสดงออกมากเกินไปหน่อยไหม?

ในทางกลับกัน คู่ประลองของหงซิงอิงหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับ “ข้าชื่อเฉินเล่ย…เป็นคนของตระกูลหยวน!”

เขาแนะนำตัวสั้น ๆ และไม่พูดอะไรต่อ

ในแง่ของรูปลักษณ์หรือนิสัย เฉินเล่ยดูจะด้อยกว่าหงซิงอิง ดังนั้นฝูงชนที่อยู่ด้านล่างส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะให้กำลังใจฝั่งหงซิงอิงมากกว่า…

ในทางกลับกันหงซิงอิงก็ขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่อคน ๆ นี้มาก่อน เลย แต่อย่างไรก็ตาม…ในเมื่อชื่อของบุคคลนี้ไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่จำเป็นต้องคอยจับตาดูของตระกูลฉู่ มันก็แสดงว่าฝั่งตรงข้ามไม่น่าจะเป็นภัยคุกคามอะไร

เอาล่ะ เฉินเล่ยคนนี้จะกลายเป็นขั้นบันไดขั้นแรกให้ข้าเหยียบขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์! ข้าจะชนะเขาอย่างสวยงามเพื่อที่บุคคลสำคัญที่กำลังดูข้าอยู่จะต้องตกตะลึงในความสามารถของข้า!

ด้วยความคิดเช่นนี้ จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาพุ่งทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้า

“ล่วงเกินแล้ว!”

หลังจากตะโกนลั่นหงซิงอิงวาดกระบี่และพุ่งเข้าหาเฉินเล่ยโดยไม่ลังเล

ฉู่จงเทียนพยักอย่างพึงพอใจ ในตอนแรกเขาคิดว่าหงซิงอิงมีทัศนคติที่เย่อหยิ่งเกินไปหน่อยต่อการประลอง แต่หลังจากที่การประลองเริ่มต้นขึ้นดูเหมือนว่าหงซิงอิงจะไม่ได้ปล่อยให้ความเย่อหยิ่งของตัวเองครอบงำตัวเขาจนประมาทศัตรู เขาเลือกที่จะใช้แผนเปิดการโจมตีก่อนเลยเพื่อกดดันศัตรู

ในเวลาเดียวกัน ทางด้านของเฉินเล่ยก็ตะโกนขึ้นเสียงดังพร้อมกับชักดาบและพุ่งตัวสวนไปหาหงซิงอิงเช่นกัน ชายทั้งสองคนปะทะกันอย่างรุนแรงด้วยกระบี่และดาบในมือทำให้เกิดประกายไฟเจิดจ้าและหลังจากการปะทะรอบแรกสั้น ๆ ทั้งคู่ก็ถอยออกห่างกันไปห้าก้าวพร้อม ๆ กัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากปะทะกันรอบแรก หงซิงอิง กลับรู้สึกตื่นตระหนกกับความกล้าหาญของศัตรูของเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ไม่มีใครรู้จักอย่างเฉินเล่ยจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก!

“อีกครั้ง!”

หงซิงอิงไม่กล้าที่จะประมาทอีกต่อไปเมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ไม่ธรรมดา เขาละทิ้งความคิดที่จะอวดทักษะอันน่าตื่นตาของตัวเองให้กับคนใหญ่คนโตเห็นและเลือกที่จะสู้แบบรัดกุมมากขึ้น

จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอีกรอบ แม้แต่จากใต้เวทีการประลอง ผู้ชมก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่กดดันจากการปะทะกันของกระบี่และดาบ

“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของพวกเขาสองคนมาก่อนเลย พวกเขาแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก”

“ดูเหมือนว่าหงซิงอิงจะเป็นนักศึกษาจากชั้นเรียนนภาของสถาบันจันทร์กระจ่าง แต่ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเฉินเล่ยมาก่อน”

ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างสูสี บางครั้งหงซิงอิงดูเหมือนจะเหนือกว่า แต่ถัดมาเฉินเล่ยก็โต้กลับด้วยเพลงดาบที่หลากหลายจนไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบอีกรอบ ฝูงชนรู้สึกเลือดของตัวเองสูบฉีดเมื่อเห็นการประลองที่ดุเดือดขนาดนี้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าตัวเองจะดูน่าเกรงขามเพียงใดหากพวกเขาเก่งได้ขนาดทั้งสองคนนี้

การต่อสู้มักจะสนุกเมื่อทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างสูสี การต่อสู้ที่อีกฝ่ายเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดมันขาดความตึงเครียดและความตื่นเต้นที่เกิดจากผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ ฝูงชนไม่คิดว่าการประลองคู่แรกจะเข้มข้นขนาดนี้ จนหลายคนพบว่าตัวเองลุกขึ้นยืนมองอย่างใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว

ตอนนั้นเองที่ทั้งหงซิงอิงและเฉินเล่ยได้ปะทะกันอย่างดุเดือดอีกครั้งก่อนที่จะแยกจากกัน ทั้งสองหอบหายใจพร้อมกับพยายามควบคุมพลังชี่ที่ไหลเวียนอย่างวุ่นวายในร่างกายของพวกเขา

บริเวณหว่างนิ้วของหงซิงอิงฉีกขาดเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ใส่ใจเลย เพราะเขาเดิมพันเอาไว้ทุกอย่างกับการต่อสู้ครั้งนี้ เขาไม่สามารถแพ้ที่นี่ได้ เขาต้องชนะการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อพิสูจน์คุณค่าของเขาเองต่อหน้านายท่าน นายหญิง คุณหนูใหญ่ และบุคคลสำคัญทั้งหมดที่นั่งอยู่รอบ ๆ และที่สำคัญที่สุดคือ…ซูอัน!

ห๊ะ? ทำไมข้าดันนึกถึงหน้าไอ้เวรนั่นในเวลาแบบนี้? บัดซบเอ๊ย! ไม่เป็นมงคลเอาซะเลย!

“ท่วงท่ากระบี่ขั้นกลาง!”

หงซิงอิงพยายามเรียนรู้ทุกสิ่งที่สถาบันสอนให้อย่างเอาเป็นเอาตายนับตั้งแต่เขาลงทะเบียนเรียน ท่วงท่ากระบี่ขั้นกลางเป็นวิชากระบี่ที่สอนให้เฉพาะนักศึกษาที่มีความสามารถมากกว่าปกติในสถาบันเท่านั้น แม้ชื่อจะดูจืดชืด แต่ความรุนแรงของวิชากระบี่นี้มันกลับน่าเหลือเชื่อ และมีช่องโหว่น้อยมาก ๆ อีกต่างหาก มันมีความรุนแรงมากกว่าวิชากระบี่ที่เขาใช้ก่อนหน้านี้อย่างน้อยสามเท่า…

เขาฝึกฝนมันอย่างขยันขันแข็งทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อนำมันมาแสดงให้ทุกคนเห็น โดยเฉพาะอาจารย์ใหญ่เจียง ในช่วงเวลาวิกฤตินี้!

เสียงสะท้อนของโลหะดังขึ้นเมื่อกระบี่ในมือของเขาวาดผ่านอากาศมุ่งตรงไปที่เฉินเล่ย

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เจียงลั่วฝูก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจเล็กน้อย นักศึกษาคนนี้มีความสามารถค่อนข้างสูง แม้จะเข้าร่วมสถาบันได้ไม่นาน แต่เขาก็สามารถเข้าใจวิชากระบี่นี้ได้ในระดับที่น่าชื่นชม

กระบี่พุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินเล่ยด้วยเสียงดัง ‘ฉึก!’

ข้าชนะ!

หงซิงอิงกำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นรอยยิ้มน่ากลัวบนริมฝีปากของศัตรู เขาพยายามถอนกระบี่ออกอย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่มันไม่ทันซะแล้ว เฉินเล่ยคว้ากระบี่ที่ปักคาไหล่ของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนาก่อนที่จะฟันดาบสวนในระยะประชิด!

เพลงดาบคลุ้มคลั่ง!

เฉินเหล่ย จู่ ๆ ก็โจมตีอย่างรุนแรงด้วยแรงกระตุ้นอันน่าสะพรึงกลัวขณะที่ความบ้าคลั่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ดาบของเขาฟันลงไปยังร่างของหงซิงอิงอย่างรุนแรง

พลังชี่ที่ห่อหุ้มร่างของหงซิงอิงซึ่งทำหน้าที่เปรียบเสมือนเกราะ พังทลายลงทันทีเมื่อเผชิญกับเพลงดาบคลุ้มคลั่งของ เฉินเล่ย

โชคยังดีที่หงซิงอิงมีเกราะพลังชี่ช่วยดูดซับพลังโจมตีส่วนใหญ่เอาไว้ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บจากคมดาบ แต่ด้วยพลังความหนักหน่วงจากการโจมตีของดาบมันทำให้เขากระอักเลือดออกมาตามตัวและพร้อมกันนั้นร่างของเขาก็ลอยละลิ่วตกเวทีประลองไปอย่างน่าอนาถ

ฉู่จงเทียนรีบพุ่งตัวไปดูอาการของหงซิงอิงอย่างรวดเร็ว เขารีบปิดผนึกจุดชีพจรของหงซิงอิงทันทีเพื่อควบคุมการสูญเสียเลือดก่อนที่จะดำเนินการโคจรพลังขับพลังดาบของเฉินเล่ยที่ยังคงโหมกระหน่ำอยู่ภายในร่างกายของ หงซิงอิง ให้สลายไป

“ผู้ชนะคือเฉินเล่ยตระกูลหยวน!”

กรรมการผู้ดูแลลานประลองจากจวนเจ้าเมืองประกาศขึ้นดังลั่นต่อหน้าฝูงชน

หงซิงอิงพึมพำด้วยสีหน้าที่ละอายใจ “นายท่าน นายหญิง ข้า…”

แต่แล้วก่อนที่หงซิงอิงจะได้พูดจบจู่ ๆ เสียงเยาะเย้ยก็ดังขึ้นไม่ไกลจากเขานัก “ไหนเมื่อกี้ใครมันประกาศอย่างหยิ่งยโสว่าจะนำเกียรติมาให้ตระกูลฉู่ในขณะที่คนอื่นทำได้เพียงแค่เกาะเป็นกาฝาก? เป็นไงตอนนี้หน้าของเจ้าเจ็บรึเปล่า?”

“ข้า…” ใบหน้าของหงซิงอิงแดงก่ำ ข้าถูกล้อเลียนโดยไอ้เวรนี่จริงๆ!

ท่านยั่วยุหงซิงอิงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!

อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหักล้างคำพูดของซูอันได้เลย ก่อนหน้านี้เขาโม้มากเกินไป แต่อย่างไรก็ตามเขาก็รีบสะบัดหัวและโต้เถียงกลับ “เจ้าจะต้องแพ้อย่างน่าอับอายมากกว่าข้า! อย่างน้อยข้าก็สามารถต่อสู้กับคู่ต่อสู้ได้อย่างเต็มที่และแพ้อย่างสมเกียรติ!”

ซูอันเดาะลิ้นและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “แพ้ก็คือแพ้ นอกจากนี้เจ้าแน่ใจได้ยังไงว่าข้าจะแพ้ในรอบการประลองของข้า? เอาเป็นว่าเดี๋ยวเจ้าคอยดูก็แล้วกันว่าผู้บ่มเพาะที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร?!”

“พอได้แล้ว!” ก่อนที่หงซิงอิงจะทันได้ตอบกลับ ฉินหว่านหรูก็มาถึงขีดจำกัดความอดทนของนางแล้ว นางจ้องไปที่ซูอันอย่างเย็นชาและพูดว่า “เจ้ายังเป็นสมาชิกของตระกูลฉู่อยู่หรือเปล่า!? แทนที่จะให้กำลังใจคนฝั่งเดียวกัน แต่เจ้ากลับเยาะเย้ยเขาแบบนี้ได้ยังไง!”