บทที่ 185 ตกปลาบนภูเขา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 185 ตกปลาบนภูเขา

บทที่ 185 ตกปลาบนภูเขา

เมื่อตอนที่ทุกคนยกเว้นกู้เสี่ยวอี้ขุดหน่อไม้ แต่ละคนต่างก็ใช้จอบขุด แต่กู้เสี่ยวอี้นั้นเด็กเกินกว่าจะจับจอบได้ ดังนั้นจึงทำได้แค่มองหาหน่อไม้ที่เพิ่งผุดขึ้นมาในกองใบไผ่ร่วงหล่นอันหนาแน่น แม้จะไม่ใช่งานหนัก แต่ก็ต้องใช้ทักษะไม่น้อย

เนื่องจากหน่อไม้บางหน่อถูกใบไผ่ปกคลุมจึงมีปลายแหลมโผล่ขึ้นมาเล็กน้อย หากไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่รู้

เดิมทีกู้เสี่ยวอี้ไม่สามารถหาเจอเลย แต่หลังจากฟังกู้เสี่ยวหวานสอน นางก็ค่อย ๆ หาหนทางจนต่อมาพบวิธีที่ถูกต้องชนิดที่ว่าหาเมื่อใดก็เจอ และทุกครั้งที่หาเจอล้วนมีแต่หน่อไม้หน่อใหญ่และยังอ่อน

มันช่วยกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ได้มากในเวลาที่พวกเขาหาหน่อไม้ ทำให้สามารถขุดหน่อไม้ได้เป็นจำนวนมากและหาเงินได้มากมายจากความช่วยเหลือจากกู้เสี่ยวอี้

ที่บ้านของท่านป้าจาง พวกเขามีเงินอยู่ประมาณหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ท่านลุงจางและท่านป้าจางต่างรู้สึกตื่นเต้นแทบขาดใจ

“หัวหน้าครอบครัว นี่มันเงินกว่าหนึ่งร้อยตำลึงเงิน!” ท่านป้าจางตื่นเต้นเมื่อเห็นเงินจำนวนมาก แม้แต่เสียงของนางก็สั่นเครือ

“อือ ข้าเห็นแล้ว” ท่านลุงจางไม่ได้มีอาการต่างกันมาก และเสียงของเขาก็สั่นเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อน! ในเวลาเพียงครึ่งเดือนก็หาเงินได้จำนวนมากเท่านี้แล้ว จนไม่กล้าแม้จะคิดเกี่ยวกับมันเลย!

ฉือโถวที่อยู่ด้านข้างมองดูเงินจำนวนมากแล้วก็ตื่นเต้นมาก เงินมากมายเช่นนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ครั้งนี้พวกเขากลับหาเงินได้มากมายในเวลาครึ่งเดือน

“เฮ้อ ข้าเคยสงสัยนะว่าเสี่ยวหวานเอาเงินจากไหนมารักษาเสี่ยวอี้! และยังกังวลว่าสาวน้อยคนนี้จะทำเรื่องแย่ ๆ เสียอีก!” ท่านป้าจางพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าข้าจะคิดมากเกินไป สาวน้อยคนนี้ทั้งฉลาดและมีความคิดมากมาย ทั้งหมดเป็นเพราะข้าคิดมากเกินไป”

“อย่าโทษตัวเอง เจ้าทำเพื่อสาวน้อยคนนั้นไม่ใช่หรือ!” ท่านลุงจางปลอบ “เราไม่เคยเข้าใจมาก่อน แต่ตอนนี้เราทุกคนเข้าใจแล้ว และมันก็ยังไม่สายเกินไปใช่ไหม!”

“ใช่แล้ว! ข้าไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าสาวน้อยคนนี้ ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ตกลงไปในน้ำ นิสัยของนางก็เปลี่ยนไปมาก ต่างจากเสี่ยวหวานคนก่อนอย่างสิ้นเชิง! ดูเหมือนว่าหลังจากที่หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น เด็กคนนี้ก็ถูกบังคับให้เติบโตขึ้นเช่นนี้” ท่านป้าจางไม่แปลกใจอีกต่อไป ตรงกันข้าม นางรู้สึกว่ากู้เสี่ยวหวานเก่งมาก และมีความสุขกับการเติบโตของกู้เสี่ยวหวาน

“ใช่แล้ว!” ท่านลุงจางก็ถอนหายใจเช่นกัน “เด็กคนนี้เคยขี้ขลาด แต่ตอนนี้เธอใจดีและใจกว้าง ไม่รู้ว่าเจ้าเคยสังเกตเห็นไหม เวลาที่เด็กคนนั้นยิ้ม ดวงตาของนางจะเปล่งประกาย!”

“ทำไมถึงไม่สังเกตเห็นกันนะ!” ท่านป้าจางกล่าวเสริม “เด็กคนนั้นมีมากกว่าแค่ดวงตาที่เปล่งประกาย แค่นางยืนอยู่ที่นั่น ตัวตนของนางก็ดึงดูดให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อแล้ว”

ท่านลุงจางและท่านป้าจางคุยกันตามลำพัง ในบทสนทนาของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดพอใจ ดีใจ และมีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงของกู้เสี่ยวหวาน พวกเขามีความสุขที่เด็กคนนี้เติบโตขึ้นและสามารถเลี้ยงดูน้องชายและน้องสาวหลายคนได้เพียงลำพัง

ฉือโถวฟังเงียบ ๆ มองดูพ่อและแม่พูดถึงกู้เสี่ยวหวาน พวกเขาอาจไม่ได้สังเกตถึงดวงตาของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ฉือโถวก้มศีรษะลงเงียบ ๆ หลับตาลง ภายใต้แสงเทียนสลัว ไม่รู้ว่าพยายามที่จะเขียนอะไร

รู้แค่เพียงห้องนี้เงียบและอุ่นใจ

ในชั่วพริบตา ก็มาถึงวันที่สำนักศึกษาหยุดพักการเรียน เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่กู้หนิงอันไม่ได้กลับมา คราวนี้สำนักศึกษาอยู่ในช่วงพักร้อน และกู้เสี่ยวหวานก็คาดว่าเด็กคนนั้นจะกลับมาอย่างแน่นอน

เมื่อคิดว่าไม่มีอาหารสดที่บ้าน กู้เสี่ยวหวานจึงวางแผนที่จะไปที่น้ำตกบนภูเขาเพื่อจับปลาสองตัวและกลับมา ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ ปลากำลังอวบอ้วนและมีไข่มากมาย ไข่ปลานี่เป็นของดี ถ้าจับได้มากหน่อยก็จะได้ทำไข่ปลาทอด กู้เสี่ยวหวานแทบจะน้ำลายไหลทันทีเมื่อคิดว่านางอาจจะได้กินไข่ปลาทอดหอมกรุ่น

เมื่อเห็นพวกกู้เสี่ยวอี้กำลังหลับ กู้เสี่ยวหวานจึงสะกิดบอกกู้หนิงผิง นางหยิบแหจับปลาแล้วไปที่ภูเขา กู้หนิงผิงกังวลจึงปลุกกู้เสี่ยวอี้ให้ตื่น แล้วทั้งสองก็ติดตามกู้เสี่ยวหวานขึ้นไปบนภูเขา

เมื่อเตรียมตัวพร้อม กู้เสี่ยวหวานก็ตกตะลึงเล็กน้อย เด็กน้อยเสี่ยวอี้คนนี้ยังคงง่วงนอนและดูเหมือนจะไม่ตื่นดี

“ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าอยู่ดูแลน้องสาวที่บ้านหรือ? ทำไมถึงออกมา” กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นโกรธ

“ท่านพี่ ข้าไม่วางใจให้พี่ไปคนเดียว” กู้หนิงผิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ตอนนี้เขาไม่วางใจอะไรทั้งนั้น กู้เสี่ยวหวานและกู้เสี่ยวอี้เป็นเด็กผู้หญิงสองคน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเห็นด้วยตาของเขาเอง ไม่เช่นนั้น เขาจะไม่สบายใจ

“ข้าขึ้นบนภูเขามาหลายครั้งแล้ว เจ้าใช่ว่าไม่เคยมากับข้า!” กู้เสี่ยวหวานกระตุ้น “รีบกลับไปเร็ว เจ้าดูสิ เสี่ยวอี้ยังไม่ตื่นดีเลย”

เมื่อกู้หนิงผิงเห็นว่ากู้เสี่ยวอี้ยังคงขยี้ตา เขาก็รู้สึกผิด แต่ก็ยังไม่วางใจที่จะให้พี่สาวจะไปคนเดียว

“ไม่ได้ ข้าจะวางใจได้หากข้าติดตามท่านไป!” กู้หนิงผิงกล่าวอย่างหนักแน่น

กู้เสี่ยวอี้ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าพี่สาวกำลังเป็นทุกข์และเป็นห่วงตน นางกะพริบตาอย่างรวดเร็ว ตื่นขึ้นทันทีและพูดอย่างมีเหตุผล “ท่านพี่ เสี่ยวอี้ตื่นแล้ว”

เมื่อเห็นท่าทางที่น่ารักของกู้เสี่ยวอี้ กู้เสี่ยวหวานก็ทำได้เพียงยอมแพ้ “ตกลง ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จับมือเสี่ยวอี้และเดินอย่างระมัดระวัง” แบบนี้ก็ดี พาพวกเขาสองคนไปด้วย เมื่อเห็นพวกเขาตลอดเวลา กู้เสี่ยวหวานก็วางใจเช่นกัน

ทั้งสามคนมาถึงด้านล่างของน้ำตก กู้เสี่ยวหวานวางสิ่งของที่อยู่ในมือลง มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว และความงามบริเวณรอบน้ำตกก็ชวนให้หลงใหล

ใต้น้ำตกมีน้ำกระเซ็นเป็นวงกลม นอกจากป่าทึบรอบ ๆ น้ำตกแล้ว ยังมีแม่น้ำที่ไหลลงสู่หมู่บ้านอู๋ซีอีกด้วย จากสถานที่นี้ก็สามารถเห็นหมู่บ้านอู๋ซีทั้งหมดจากระยะไกล

เหนือน้ำตกมีป่าดงดิบหนาแน่นและหน้าผาสูงชันเสียดท้องฟ้า เมื่อมองจากระยะไกลก็เห็นหินขรุขระและยอดเขาอันตรายตั้งสูงตระหง่าน

มันช่างเป็นภาพที่สวยงามนัก หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานมาที่นี่ นางมักจะรู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากครั้งสุดท้ายที่ตนมาเล็กน้อย แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรแตกต่างไปจากเดิม จึงทำได้เพียงคิดอย่างสงสัย

ทิวทัศน์ที่นี่ดีมาก แต่กู้เสี่ยวหวานไม่มีเวลาชื่นชม ด้วยไม่รู้ถึงอันตรายของที่แห่งนี้ ตอนนี้ทั้งน้องชายและน้องสาวอยู่ที่นี่ ถ้าเกิดน้ำท่วมหรือมีสัตว์ร้ายจริง ๆ หากพาเด็กสองคนไปด้วย พวกเขาก็คงจะได้ไม่วิ่งเร็ว กู้เสี่ยวหวานจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าจะรีบจับปลาแล้วรีบกลับไป

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พูดถึงไข่ปลาแล้วรู้สึกอยากกินเลยแฮะ พาให้นึกถึงปลาตะเพียนต้มเค็มที่เนื้อนุ่ม ๆ ไข่แน่น ๆ เต็มท้อง

คราวนี้จะจับปลาได้อย่างที่ใจอยากไหมหนอ

ไหหม่า(海馬)