บทที่ 186 ศพติดอวน

บทที่ 186 ศพติดอวน

กู้เสี่ยวหวานหยิบแหขึ้นมาแล้วโยนออกไป กู้เสี่ยวอี้ตัวเล็กเกินไปที่จะช่วยนางได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงนั่งข้าง ๆ และดูพี่ชายพี่สาวเหวี่ยงแห กู้หนิงผิงยืนช่วยอยู่ข้าง ๆ หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานเหวี่ยงแหออกไปแล้วรอสักครู่ ครั้นดึงขึ้นมาก็มีปลาตัวใหญ่สองสามตัวติดอยู่ในแห

เมื่อเห็นว่ามีปลาติดอยู่ในแหและดิ้นไปมา กู้เสี่ยวอี้ก็ปรบมืออย่างมีความสุข

นอกจากเสียงน้ำตกที่ไหลลงมา สิ่งเดียวที่ได้ยินคือเสียงหัวเราะไร้เดียงสาของกู้เสี่ยวอี้ หลังจากเหวี่ยงแหได้สองครั้งแล้ว แขนก็เจ็บเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ที่นั่นดูกู้เสี่ยวอี้และกู้หนิงผิงต่อสู้กับปลาและรีบหยิบปลาออกจากแห

กู้เสี่ยวหวานมองดูอย่างสบาย ๆ ทันใดนั้นกลับได้ยินเสียง “ตู้ม” แว่ว ๆ ในหูของตน หลังจากฟังอย่างระมัดระวังครู่หนึ่งก็เหมือนว่าไม่มีอีกแล้ว

กู้เสี่ยวหวานละทิ้งความคิดและมองไปที่น้ำตกด้วยความระแวดระวัง น้ำตกยังคงไหลลงมาส่งเสียงดังและมีน้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง

บางทีตนเองอาจได้ยินผิด?

กู้เสี่ยวหวานส่ายศีรษะพลางเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว ทำไมนางถึงพาเด็กทั้งสองคนออกมา ทำไมความกล้าหาญของนางถึงได้น้อยขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการแล่นเรือพันปี*[1] เสมอสิถึงจะถูก กู้เสี่ยวหวานมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังอีกครั้ง หลังจากพบตำแหน่งที่เหมาะสมแล้วนางก็โยนแหลงในน้ำอีกครั้งและรออย่างเงียบ ๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อกู้เสี่ยวหวานกำลังจะดึงแห นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ขณะพยายามดึงแหก็ไม่สามารถดึงขึ้นมาได้ มันหนักราวกับว่ามีของหนักติดอยู่

“หนิงผิง รีบมาช่วยดึงมันหน่อย!” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหม่าเล็กน้อย รู้สึกว่าถ้าดึงแหนี้ขึ้นมาจะเกิดสิ่งเลวร้ายขึ้น

“ท่านพี่ ทำไมแหหนักขนาดนี้ มีปลามากมายขนาดนั้นเลยหรือ?” กู้หนิงผิงก็ดึงอย่างแรง ออกแรงทั้งหมด

“ข้าไม่รู้ รีบดึงมันขึ้นมา! หรือว่าจะเผลอไปเกี่ยวอะไรบางอย่างที่ใต้น้ำ! ” กู้เสี่ยวหวานที่อยู่ด้านข้างกล่าวคำปลอบโยน และเคลื่อนไหวมือไม่หยุด

สองพี่น้องพยายามดึงแหขึ้นอย่างสุดความสามารถ แหจับปลาถูกดึงไปข้างหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามีบางอย่างติดอยู่ในแหแน่ กู้เสี่ยวหวานคาดเดาแบบสุ่มในใจขณะออกแรงดึง เมื่อพี่น้องทั้งสองค่อย ๆ ดึงถอยหลัง แหจับปลาก็เข้าใกล้ฝั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

อะไรติดอยู่บนแหจับปลานี้? ในหัวของกู้เสี่ยวหวานคิดฟุ้งซ่านและมีความเป็นไปได้มากมาย

อาจจะเป็นอย่างที่กู้หนิงผิงพูดจริง ๆ ว่าแหนี้ถูกเหวี่ยงออกไปและอาจจะมีปลาจำนวนมากติดอยู่ในแห ถ้าสิ่งที่กู้หนิงผิงพูดเป็นเรื่องจริงก็เป็นสิ่งที่ดี

แต่ถ้าในแหนี้ไม่ใช่ปลาล่ะ!

ดูความเร็วของมันสิ แหนี้ไม่ได้มีอะไรติดแน่นอยู่และไม่ได้ติดอยู่ที่ใต้น้ำ

อะไรกันแน่ที่ติดอยู่ในแหจับปลานี้?

กู้เสี่ยวหวานต้องการคิดไปในทิศทางอื่น แต่ตอนนี้นางกลับอดคิดไปในทิศทางนั้นไม่ได้

กู้เสี่ยวหวานหยุดการเคลื่อนไหวและยืนนิ่งอยู่ที่นั่นครู่หนึ่ง ในขณะที่กู้หนิงผิงยังคงดึงอย่างแรงด้วยความแข็งแกร่งของเขา

ในแหนี้ คงไม่ใช่……

กู้เสี่ยวหวานตัวสั่นไปทั้งตัว ในหุบเขาและใต้น้ำตก ลมฤดูใบไม้ผลิยังคงเย็นอยู่ กู้เสี่ยวหวานเพียงรู้สึกเย็นวาบที่กระดูกสันหลัง และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร!

เมื่อกลับมารู้สึกตัวและมองไปที่ดวงตากลมโตของกู้เสี่ยวอี้ที่จ้องมองผิวน้ำอย่างสงสัย กู้เสี่ยวหวานก็โพล่งออกมาสามคำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อหันศีรษะและคิดว่าหากดึงขึ้นแล้วมันจะเป็นศพจริง ๆ และสายน้ำยังคงไหลเข้าสู่หมู่บ้านอู๋ซี น้ำที่พวกเขาดื่มคือน้ำที่นี่ ถ้าแช่น้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วไม่รีบแก้ไข น้ำจะเน่าเสียแน่นอน เมื่อคิดว่าได้ดื่มน้ำที่มีศพแช่อยู่ก็รู้สึกไม่สบายใจ

เป็นคนดี แล้วฝังให้เขาอยู่อย่างสงบดีกว่า

เมื่อกู้เสี่ยวหวานคิดเรื่องนี้ นางก็มีแผนในใจอยู่แล้ว

ถ้าดึงศพขึ้นมาจริง ๆ ก็ฝังเขาเสีย ก็ยังถือว่าเป็นคนดี

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดูปลาที่จับได้ข้าง ๆ ที่ยังคงกระโดดไปมาในตะกร้า กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกคลื่นไส้อยู่ชั่วขณะหนึ่งและไม่คิดจะกินมันอีกต่อไป

เมื่อดึงแหจับปลาขึ้น มันก็เป็นไปตามที่กู้เสี่ยวหวานคาดไว้ และสิ่งที่ติดอยู่บนแหนั้นก็เป็นศพจริง ๆ

กู้หนิงผิงทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความตกใจ มองไปยังร่างชายที่ถูกดึงขึ้นมาด้วยความสยดสยอง

กู้เสี่ยวอี้ก็กลัวเล็กน้อย รีบวิ่งไปอยู่ข้างหลังกู้หนิงผิง แม้ว่ากู้หนิงผิงจะกลัวด้วยเช่นกัน แต่เขาก็ยังต้องดูแลน้องสาวของเขา เขากดศีรษะกู้เสี่ยวอี้ไว้ในอ้อมแขน ปิดตานางและปลอบโยนอย่างระมัดระวัง “เสี่ยวอี้ อย่ากลัว อย่ากลัว!”

ศพนั้นสวมเสื้อผ้าสีดำ แม้ว่าเสื้อผ้าจะเปียกโชกไปด้วยน้ำ แต่ก็ยังเห็นได้ว่ามีลวดลายบนเสื้อผ้าสีดำ เมื่อมองดูวัสดุก็มีแสงสะท้อนแดดจาง ๆ ออกมา ดูเหมือนว่าคนคนนี้คงจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย

ร่างศพนั้นสูงมาก และผมที่ด้านหลังศีรษะของเขาก็ราวกับพืชน้ำกระจายอยู่บนหลังของเขา เมื่อชายคนนี้ถูกดึงขึ้นก็เพียงถูกลากเข้าฝั่งเท่านั้น และยังมองไม่เห็นใบหน้าของเขา

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

“ท่านพี่ นี่……นี่มันอะไรกัน?” กู้หนิงผิงถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

กู้เสี่ยวอี้ไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน ได้แต่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังกู้หนิงผิงและตัวสั่นด้วยความกลัว แต่ไม่กล้าที่จะลืมตาเพื่อดู

ศพที่ติดขึ้นมากับแหไม่ขยับเขยื้อนใด ๆ บนเสื้อผ้าตรงบริเวณสะบักหลังเกิดรูโหว่ ศพนั้นผอมเพรียว มีผมสีดำสนิทสยายอยู่ด้านหลัง คนคนนี้มีไหล่กว้างและเอวที่แคบ และน่าจะบอกได้ว่าเขาเป็นบุรุษ

กู้เสี่ยวหวานเรียกความกล้าหาญของตนและก้าวไปข้างหน้าสองก้าว

มือข้างหนึ่งของศพถูกฟันด้วยวัตถุมีคมที่หลังมือ ผิวหนังและเนื้อด้านบนเปิดออก มองดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก

ศพที่อยู่ข้างหน้าพวกเขากำลังนอนอยู่บนชายฝั่ง ไม่ขยับเขยื้อน มองไม่เห็นแม้แต่หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยซ้ำ คาดว่าคงลอยมาถึงที่นี่

ท่ามกลางความหวาดกลัว กู้เสี่ยวหวานก็นึกสงสารเล็กน้อยและตื่นตระหนกไปพร้อม ๆ กัน

ร่างนี้ก็คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว สถานที่แห่งนี้คือที่ไหนกันแน่? แล้วคนผู้นี้มาที่นี่ได้อย่างไร?

บาดแผลที่หลังสะบักของชายคนนี้ แสดงว่ามีคนฟันเขาใช่หรือไม่? ต้องเกลียดชังเพียงใดถึงจะสามารถสังหารกันได้เช่นนี้?

คำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจของกู้เสี่ยวหวาน แต่ตอนนี้ คนผู้นี้คงไม่สามารถตอบได้อีกต่อไป

*[1] หมายถึง มีสติในทุก ๆ ย่างก้าวของชีวิต

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จากที่ดีใจเพราะจับปลาได้กลายเป็นสยองที่เจอศพแทน

ศพชายผู้นี้เป็นใครกันนะ

ไหหม่า(海馬)