ตอนที่ 516 การบรรยายของหลี่ฉิงเฟิง

แปล Tarhai

“เหอหยุน เขาเป็นศาสตราจารย์จริงๆ… ตอนที่อยู่บนรถแท็กซี่เขาไม่ได้โกหกเรา” หวังฮองพูดกับแฟนสาวที่นั่งข้างๆเขา

เหอหยุนพยักหน้าเธอรู้สึกประหลาดใจมาก

แน่นอนว่านอกเหนือจากหวังฮองและเหอหยุนแล้ว ลู่เสี่ยวม่านผู้ซึ่งนั่งอยู่ในห้องก็รู้สึกตกใจมากเช่นกัน

ลู่เสี่ยวม่านรู้ว่าฉิงเฟิงเป็นใคร เธอได้รับความช่วยเหลือจากเขามากมาย แต่เธอก็ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะเป็นศาสตราจารย์

“สวัสดีทุกคน ผมชื่อหลี่ฉิงเฟิง ผมเป็นศาสตราจารย์พิเศษคนใหม่ของแผนกการแพทย์แผนจีน ผมจะมาบรรยายในวันนี้และหวังว่าพวกคุณจะได้รับความรู้กลับไป” ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับนักศึกษาในชั้นเรียน

เมื่อฉิงเฟิงเสร็จสิ้นการแนะนำตัวเอง มีเพียงนักศึกษาไม่กี่คนที่ปรบมือให้เขา ลู่เสี่ยวม่านเป็นหนึ่งในนั้นที่ปรบมือดังที่สุด ส่วนที่เหลือไม่มีปฏิกิริยาใดๆและดูไม่ค่อยสนใจฉิงเฟิง

ฉิงเฟิงมีอายุราวๆ 20 ปี และแทบจะเรียกได้ว่าเป็นนักศึกษามหาลัยคนหนึ่ง ดังนั้นพวกนักศึกษาจึงไม่ค่อยอยากจะให้ความเคารพคนในรุ่นเดียวกัน

หลังจากที่เห็นนักศึกษาเพียงไม่กี่คนที่ปรบมือให้ฉิงเฟิง เฉินเหลียงและอาจารย์คนอื่นๆก็กระยิ่มยิ้มย่องด้วยความชอบใจ

พวกเขารู้สึกดีใจที่ฉิงเฟิงขายหน้าหน้าชั้นเรียน

ฉิงเฟิงยิ้มอย่างคลุมเครือ เขารู้ว่านักศึกษาเหล่านี้กำลังคิดอะไร แต่เขาก็ไม่อยากใส่ใจมากนัก

พวกนายไม่ปรบมือต้อนรับฉันเพราะพวกนายไม่ไว้ใจในวิชาทางการแพทย์ของฉันใช่ไหม ? ดี ฉันจะแสดงให้พวกนายเข้าใจเอง

“เอาละ ผมขอถามพวกคุณว่าแพทยแผนจีนคืออะไร?” ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและถามคำถามแรก

แพทย์แผนจีนคืออะไรงั้นหรือ ?

นักศึกษาทุกคนในชั้นเรียนหันไปมองหน้ากันและรู้สึกสับสน ชายคนนี้มาทำอะไรที่นี่กันแน่ ? แน่นอนพวกเขาย่อมรู้ว่าแพทย์แผนจีนเป็นอย่างไรเพราะพวกเขาเชี่ยวชาญในสาขานี้

“แพทย์แผนจีนคือการช่วยเหลือผู้คนโดยการใช้ยาต้มสมุนไพรจีนครับ”

“ใช่แล้วๆ แล้วยังสามารถช่วยเหลือผู้คนโดยใช้วิธีการฝังเข็ม”

“ถูกต้องตามที่เพื่อนผมบอกครับจารย์ มันมีวิธีวินิจฉัยอาการ 4 วิธี สังเกตการณ์ การฟัง การตั้งคำถาม และการจับชีพจรอีกด้วยครับ”

นักศึกษาทุกคนเริ่มพูดถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับแพทยแผนจีนในชั้นเรียน

ทันใดนั้นลู่เสี่ยวม่านก็โพล่งขึ้นมาว่า “ศาสตราจารย์หลี่ แล้วคุณคิดว่าแพทย์แผนจีนคืออะไรคะ ?”

ไม่มีใครเรียกฉิงเฟิงเป็นศาสตราจารย์ยกเว้นลู่เสี่ยวม่าน

ทุกคนมองตรงไปที่ลู่เสี่ยวม่าน หลังจากได้ยินเธอพูด พวกเขารู้จักเธอดีเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในมหาวิทยาลัย
ฉิงเฟิงพยักหน้าและพูดเสียงดังในชั้นเรียนว่า “ลู่เสี่ยวม่านได้ถามคำถามที่ยอดเยี่ยม ดังที่หลายๆท่านได้ร่วมกันแชร์คำนิยามของแพทย์แผนจีน แต่สำหรับผมแล้ว สิ่งที่พวกคุณพูดมามันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”

หลังจากได้ยินที่ฉิงเฟิงกล่าวก็มีนักศึกษาบางคนลุกขึ้นด้วยความหงุดหงิดทันที คนที่ลุกขึ้นมานั้นเป็นนักศึกษาชายผมสั้น เขาพูดเสียงดังว่า “ถ้าคุณบอกว่าคำนิยามของพวกเราเป็นแค่ส่วนหนึ่ง งั้นคุณลองอธิบายให้พวกเราฟังมาสิว่า แพทย์แผนจีนคืออะไร ?”

ฉิงเฟิงมองไปที่นึกศึกษาคนนั้นและกล่าวอย่างสงบว่า “แพทย์แผนจีนเป็นศาสตร์การแพทย์แบบดั้งเดิมในหัวเซี่ย มันคือการศึกษาสรีรวิทยาและพยาธิวิทยาของมนุษย์โดยใช้หยิน-หยางและองค์ประกอบของธาตุทั้งห้า ผ่านการสังเกต การดมกลิ่น การตั้งคำถามและความรู้สึกวิเคราะห์อวัยวะภายนอกและอวัยวะภายในของร่างกายมนุษย์และรักษาโรคทุกชนิด”

นักศึกษาทุกคนแข็งค้างหลังจากฟังคำอธิบายของฉิงเฟิง ฉิงเฟิงได้กล่าวถึงสาระสำคัญของการแพทย์แผนจีนได้ลึกซึ้งกว่าที่พวกเขาคิดไว้

ค่อยๆมีนักศึกษาหลายสิบคนปรบมือให้กับการบรรยายของฉิงเฟิง ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนก่อนหน้านี้

“สำหรับคลาสในวันนี้ ผมจะยังไม่บรรยายอะไร แต่ผมจะตอบคำถามทุกคำถามของพวกคุณทุกคนในเรื่องของการแพทย์แผนจีน พวกคุณสามารถถามคำถามใดๆก็ได้”

ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับทุกคน

นักศึกษาทุกคนต่างก็ตกใจเมื่อได้ยินที่ฉิงเฟิงกล่าว พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในการเรียนการสอนเช่นนี้มาก่อน ตามปกติแล้วศาสตราจารย์หรืออาจารย์มักจะเริ่มการบรรยายและเขียนเนื้อหาที่จะสอนในชั้นเรียนวันนี้ลงบนกระดานดำ ซึ่งมันเป็นวิธีที่จืดชืดและน่าเบื่อ วิธีการสอนของฉิงเฟิงเป็นเรื่องที่แปลกใหม่และน่าสนใจสำหรับพวกเขาอย่างยิ่ง

ในฐานะแฟนเดนตายของฉิงเฟิง ลู่เสี่ยวม่านคือคนแรกที่ยืนขึ้น เธอถามว่า “ศาสตราจารย์หลี่ ชั้นสงสัยว่าทฤษฎีไหนในวิชาแพทย์จีน และประเภทใดที่คุณคิดว่าดีที่สุดคะ ?”

ฉิงเฟิงมองไปที่ลู่เสี่ยวม่านด้วยความยินดีและรู้สึกขอบคุณสำหรับความชาญฉลาดของเธอ เธอเหมือนจะถามคำถาม แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ เธอให้โอกาสฉิงเฟิงต่างหาก เพื่อให้เขาได้แสดงความรู้ของเขาแก่นักศึกษาทุกคน

“แพทย์แผนจีนแบ่งออกเป็นหลายทฤษฎี รวมถึงทฤษฎีฉี, ทฤษฎีแก่แท้, ทฤษฎีหยินและหยาง, ทฤษฎีธาตุทั้งห้า, ทฤษฎีเลือดและเส้นโลหิต และอื่น ๆ ทฤษฎีแต่ละประเภทมีรูปแบบของตัวมันเองและเทคนิคของตัวเองในการรักษาผู้ป่วย ไม่มีทฤษฏีใดที่ดีที่สุด แต่มันขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบวิชาชีพนั้นมีความรู้ที่ลึกซึ้งพอหรือไม่

การอธิบายในครั้งนี้ของฉิงเฟิงได้รับการปรบมือมากขึ้น มีนักศึกษาหลายร้อยคนกำลังปรบมือให้กับเขา ซึ่งตอนนี้เกือบจะถึงครึ่งของชั้นเรียนทั้งหมด

ในขณะนี้ ชายผมสั้นคนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งและถามว่า “คุณบอกว่าไม่มีทางที่จะพูดได้ว่าแพทย์แผนจีนประเภทไหนดีที่สุด งั้นผมขอถามหน่อย คุณรู้เรื่องทฤษฎีอะไรบ้างละ ? คุณสามารถบอกได้มั้ยร่างกายผมตอนนี้ผิดปกติตรงไหน ?”

“ผมเชี่ยวชาญในทุกทฤษฎีของแพทย์แผนจีน ส่วนเรื่องอาการของคุณ… คุณแน่ใจหรือว่าคุณต้องการให้ผมเปิดเผยความเป็นส่วนตัวของคุณ ?” ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อย

ชายหนุ่มผมสั้นสะดุ้งโหยงและรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นความเชื่อมั่นจากแววตาของฉิงเฟิง แต่เขาก็มีความกล้ามากขึ้นหลังจากหันไปสบตากับเฉินเหลียง เขาถามว่า

“งั้นคุณก็บอกมาเลยว่ามีอะไรผิดปกติกับร่างกายของผม”

ฉิงเฟิงยิ้มและตอบว่า “คุณเป็นโรคกล่องเสียงอักเสบเรื้อรัง ผนังกั้นช่องจมูกคดและเป็นไซนัสอักเสบอีกด้วย”

เชี่ยแล้ว , แม่งรู้หมดเลยรึนี่ !?

นักศึกษาผมสั้นรู้สึกประหลาดใจ เขาค่อนข้างแน่ใจว่านี่เป็นครั้งแรกที่พูดคุยกับฉิงเฟิง เขาไม่เคยพบฉิงเฟิงมาก่อนในชีวิต แล้วฉิงเฟิงบอกอาการเขาถูกทั้งหมดได้อย่างไร ?

ฉิงเฟิงมองหน้าชายผมสั้นและสามารถบอกได้เลยว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังสับสน เขาจึงอธิบายว่า “เมื่อตอนที่คุณถามคำถามผม เสียงของคุณออกทางจมูกอย่างแรงและลำคอของคุณสั่นนั่นคือลักษณะอาการของไซนัสอักเสบ ผมสามารถบอกได้โดยการใช้เทคนิค “การสังเกต” จากหนึ่งในสี่เทคนิคการวินิจฉัยอาการในเชิงการแพทย์แผนจีน”

ชายผมสั้นนั่งลงด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา เขารู้สึกอึดอัดมากที่อาการเจ็บป่วยของเขาถูกฉิงเฟิงเปิดเผยในที่สาธารณะ

แปะ แปะ แปะ แปะ ~

ขณะนี้ในห้องเรียนก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมือดังสนั่น คราวนี้มีมากกว่า 100 คนซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของชั้นเรียนที่ปรบมือให้กับฉิงเฟิง

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเทคนิค “การสังเกตการ”มันเป็นศาสตร์ที่น่าทึ่งที่สามารถบอกถึงสภาพร่างกายของคนนั้นๆโดยสังเกตจากเสียงและพฤติกรรม