ตอนที่ 517 เสียงปรบมือที่ดังกึกก้อง
แปล Tarhai
เมื่อได้เห็นอย่างชัดเจนว่าหลี่ฉิงเฟิงมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนจริงๆแถมยังได้รับเสียงปรบมือจากเหล่านักศึกษากว่าครึ่งชั้นเรียน เฉินเหลียงก็รู้สึกอึดอัดใจและขมขื่นเล็กน้อย
แต่ทว่า ถึงแม้หลี่ฉิงเฟิงจะมีความรู้ทางด้านการแพทย์แผนจีน แต่เฉินเหลียงก็ยังคงคิดว่าเขายังห่างไกลจากการได้รับชื่อว่าเป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
เฉินเหลียงรู้ว่าคำถามที่นักศึกษาส่วนใหญ่ถามเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์แผนจีนนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานและนักศึกษาเหล่านี้ยังไม่สามารถถามคำถามที่ลึกซึ้งและยากกว่านี้ได้ เนื่องจากพวกเขายังไม่มีความรู้ในเรื่องนี้มากนัก เขาจึงตัดสินใจที่จะถามคำถามฉิงเฟิงด้วยตัวเอง
“ฉิงเฟิง ผมมีคำถามว่าคุณจะจ่ายใบสั่งยาจีนอะไรหากผู้ป่วยที่เป็นชายวัยกลางคนบอกอาการว่า รู้สึกเหนื่อยและมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องไต ?” เฉินเหลียงยืนขึ้นและถามเสียงดัง
ศาสตราจารย์เฉินเหลียงและหลี่ฉิงเฟิงมีอะไรกันรึเปล่านะ ?
ทุกคนในห้องต่างก็อึ้งและดูตกใจ พวกเขารู้ว่านักศึกษาควรจะเป็นคนถามคำถามหลี่ฉิงเฟิงในคลาสนี้ แต่ทำไมตอนนี้แม้แต่เฉินเหลียงก็ถามเขา ?
ไม่ต้องสงสัยเลย ในฐานะศาสตราจารย์ของแผนกแพทย์จีน คำถามของเฉินเหลียงได้รวบรวมหลายๆความรู้เข้าด้วยกัน ซึ่งมันเป็นระดับที่แตกต่างไปจากคำถามก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง โดยถามว่าจะรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเช่นนี้ด้วยศาสตร์ทางแพทย์แผนจีนได้อย่างไร และจะจ่ายใบสั่งยาอะไร นี่เป็นหัวใจหลักในการประยุกต์ทางด้านการรักษาของแพทย์แผนจีน
ฉิงเฟิงมองไปที่เฉินเหลียงและตอบอย่างใจเย็นว่า “ปัญหาความเมื่อยล้าและไต หรือที่เรียกว่าไตบกพร่อง ถูกแบ่งออกเป็นไตขาดหยินและไตขาดหยาง สำหรับไตที่ขาดหยางผมจะแนะนำให้ใช้ โกฐขี้แมว มันเทศจีน หมาไม้ สารสกัดจากเห็ดโพเรีย…. ต้มเดือดสักครึ่งชั่วโมงและกินมันตอนอุ่นๆ
“สำหรับการไตขาดหยิน ต้มโกจิเบอร์รี่, หญ้าพันงูน้อย (ห่วยหงู่ฉิก), ฝอยทอง(คนละประเภทกับฝอยทองขนมไทยนะ อันนี้เป็นสมุนไพรกาฝากชนิดหนึ่ง) ต้มสักครึ่งชั่วโมงเช่นเดียวกัน และกินตอนอุ่นๆ”
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและอธิบายวิธีการรักษาทางด้านการแพทย์แผนจีนทั้งสองอาการ
ใบหน้าของเฉินเหลียงแข็งค้างและดูอึดอัดใจ เขากำลังพยายามหาข้อผิดพลาดบางอย่างจากการอธิบายของฉิงเฟิง แต่เขาก็ไม่สามารถหาข้อผิดพลาดอะไรได้เลย เนื่องจากฉิงเฟิงตอบถูกต้องไม่ตกหล่น
หลังจากที่เห็นฉิงเฟิงเชือดเฉินเหลียงด้วยคำตอบที่เถียงไม่ออก ศาสตราจารย์อาวุโสผมขาวที่นั่งอยู่ติดกับเฉินเหลียงก็ยืนขึ้นและพูดเสียงดังว่า “หลี่ฉิงเฟิง สิ่งที่คุณพูดตอนนี้เป็นเพียงทฤษฎีบางอย่างและความรู้ทางวาจาเท่านั้น เราต้องมีการสาธิตด้วย ผมป่วยจากโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท ถ้าคุณสามารถรักษามันได้ผมจะอนุมัติเรื่องการเป็นศาสตราจารย์ของคุณ !”
ศาสตราจารย์ผมสีเทาคนนี้เป็นศาสตราจารย์ที่อาวุโสที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาศาสตราจารย์คนอื่นๆในมหาวิทยาลัยแพทย์ ทุกคนปรบมือเมื่อเขาถามฉิงเฟิง
“ตกลง ถ้าคุณต้องการเห็นภาคปฏิบัติ ผมสามารถรักษาโรคของคุณให้ฟรีๆเดี๋ยวนี้”
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยขณะเดินไปที่ด้านข้างของศาสตราจารย์ผมเทา
“ฉิงเฟิง คุณจะรักษาปัญหาเกี่ยวกับเอวของผมได้อย่างไร?”
“ปัญหาเรื่องโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้จากการใช้ยาต้มสมุนไพรจีน ผมจะรักษาคุณด้วยการฝังเข็ม”
“การฝังเข็ม ? มันจะได้ผลหรือ ? คุณรู้ไหมโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนคืออะไร ?” ศาสตราจารย์อาวุโสถามอย่างสงสัย
ในความเป็นจริง ศาสตราจารย์อาวุโสคนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอย่างมาก เนื่องจากเขาเป็นโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อน เขามักจะรู้สึกตึงๆและความปวดเอว ในบางครั้งเขาไม่สามารถแม้แต่จะเดินให้ตรงๆได้
หากเขาอายุ 20 กว่าๆเขาอาจได้รับการรักษาโดยการผ่าตัด แต่ตอนนี้เขาอายุ 60 กว่าปีแล้ว การผ่าตัดจะมีความเสี่ยงเกินไป
“โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนเกิดขึ้นเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความเสื่อมของกระดูกสันหลังส่วนเอว หรือเส้นใยประสาทยื่นออกมา ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่บีบรัด เนื่องจากอาการภายนอกที่บริเวณส่วนหลัง ทำให้เกิดอาการปวดอย่างมาก”
ฉิงเฟิงอธิบายอาการของโรคหมอนรองกระดูก
ศาสตราจารย์อาวุโสรู้สึกประหลาดใจหลังจากได้ฟังสิ่งที่เขาพูด เขาไม่ได้คาดหวังว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับสภาพอาการนี้และอธิบายได้อย่างชัดเจน
“แล้วมันใช้เวลานานแค่ไหนสำหรับการรักษาด้วยการฝังเข็ม ?”
“20 นาทีก็พอ”
“อะไรนะ 20 นาที ? หลี่ฉิงเฟิง คุณเพ้อเจ้ออะไร ?”
“คุณไม่ต้องตกใจไป ถ้าผมไม่สามารถรักษาอาการของคุณให้หายได้ภายใน 20 นาที ผมจะออกไปจากที่นี่ทันที แต่ว่าถ้าผมทำได้ คุณต้องอนุมัติการเป็นศาสตราจารย์ของผม” ฉิงเฟิงกล่าวอย่างสงบและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ศาสตราจารย์อาวุโสพยักหน้าและตอบตกลง เขารู้ว่าปัญหาของเขาแม้แต่ศาสตราจารย์ท่านอื่นยังรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ถ้าชายหนุ่มคนนี้สามารถทำได้เขาก็มีคุณสมบัติที่จะเป็นศาสตราจารย์
นักศึกษาทุกคนเริ่มมารวมตัวกัน เพื่อรอดูว่าหลี่ฉิงเฟิงจะแสดงความสามารถของเขาอย่างไรโดยการรักษาศาสตราจารย์อาวุโส พวกเขาทั้งหมดมองฉิงเฟิงด้วยความฉงนและสงสัยว่าเขาจะทำอย่างไร
ฟุ่บ ฟุ่บ …
ฉิงเฟิงหยิบเอาเข็มเงินเก้าเล่มออกมาและแทรกแต่ละเล่มไปในเก้าจุดที่แตกต่างกันบนร่างกายศาสตราจารย์ จากนั้นเขาก็บิดปลายเข็มด้วยมือขวาเล็กน้อย เข็มอ่อนตัวและสั่นเล็กน้อย
“เก้าเข็มชะตาสวรรค์ ? นั่นใช่เก้าเข็มชะตาสวรรค์รึเปล่า ? ” ทันใดนั้น ศาสตราจารย์อาวุโสก็ตะโกนออกมาอย่างประหลาดใจ
“ศาสตราจารย์หยาง เก้าเข็มชะตาสวรรค์คืออะไรหรือ ?” นักศึกษาบางคนเริ่มถาม เพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
ศาสตราจารย์หยางรู้สึกตกใจมากและพูดว่า “เก้าเข็มชะตาสวรรค์คือวิธีการพิเศษในรักษาด้วยการฝังเข็มของแพทย์แผนจีน คนๆหนึ่งจะต้องควบคุมเข็มทั้งเก้าเล่มพร้อมๆกันและทำให้ปลายเข็มสั่น แม้แต่ฉันยังไม่สามารถทำเช่นนี้ได้เลย มันเป็นเทคนิคที่ยากมาก”
อะไรนะ ? แม้แต่ศาสตราจารย์หยางก็ยังไม่สามารถทำได้ ?
นักเรียนทุกคนต่างก็ตกใจ ถ้าแม้แต่ศาสตราจารย์หยางหัวหน้าศาสตราจารย์แผนกฝังเข็มของมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งนี้ยังไม่สามารถทำในสิ่งที่หลี่ฉิงเฟิงทำได้ งั้นหลี่ฉิงเฟิงคนนี้จะเก่งขนาดไหนกัน ?
เข็มทั้งเก้าเล่มแต่ละเล่มต่างก็กำลังสั่นไหวอยู่บนมือของฉิงเฟิง มันกำลังถ่ายพลังงานให้กับร่างกายของศาสตราจารย์อาวุโสและเริ่มเยียวยาอาการของเขา
ศาสตราจารย์อาวุโสเริ่มรู้สึกถึงความร้อนตรงช่วงเอวของเขา ราวกับว่ามันถูกล้อมด้วยไฟ เขารู้สึกสบายอบอุ่นและรู้สึกว่าเอวของเขาไม่ตึงหรือเจ็บปวดอีกต่อไป เขาไม่เคยรู้สึกสบายเช่นนี้มาก่อนเลย
20 นาทีต่อมา
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและถอนเข็มทั้งเก้าเล่มออก
“ศาสตราจารย์คุณยังรู้สึกตึงหรือปวดรอบเอวของคุณอยู่อีกหรือเปล่า?” ฉิงเฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่….ไม่เลย ไม่ปวดแล้ว ! ไม่ตึง ไม่มีความเมื่อยล้า หลี่ฉิงเฟิง คุณนี่มันเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์จริงๆ !” ศาสตราจารย์อาวุโสกล่าวอย่างมีความสุขในขณะที่สัมผัสเอวของตัวเอง เขารู้สึกสบายมาก
“เอาละ ผมได้รักษาอาการของคุณแล้ว ตอนนี้คุณจะสนับสนุนผมให้เป็นศาสตราจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยแพทย์แห่งนี้ได้รึยัง ?”
“แน่นอน ! หลี่ฉิงเฟิงคุณไปไกลเกินกว่าคำว่าศาสตราจารย์พิเศษไปแล้ว !”
“ขอขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ” ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าว
ฉิงเฟิงได้เอาชนะเฉินเหลียงด้วยความรู้และทฤษฎี รวมถึงการรักษาอาการหมอนรองกระดูกที่เอวของศาสตราจารย์อาวุโสด้วยทักษะการฝังเข็มของเขา เขาได้พิสูจน์ทักษะทางด้านแพทย์จีนผ่านการสาธิตจริงๆให้ทุกคนได้เห็น
แปะ แปะ แปะ !
นักศึกษาทุกคนในชั้นเรียนรวมถึงอาจารย์ใหญ่จางเหมียวชุน และศาสตราจารย์อีกสิบคนและเย่ฉิงหยาต่างก็ลุกขึ้นยืนและตบมือให้ปรบมือให้ฉิงเฟิง
ทั่วทั้งห้องเรียนต่างดังกระหึ่มจากเสียงปรบมือ มันคือการยอมรับถึงความสามารถของหลี่ฉิงเฟิงและแทนคำชมเชยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับทักษะการแพทย์ของเขา