ตอนที่ 249 แต่งเรื่องสนุกปาก

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 249 แต่งเรื่องสนุกปาก

ตอนที่ 249 แต่งเรื่องสนุกปาก

หลินเซี่ยโกรธมากจนพูดไม่ออก “มนุษย์ป้าปากมากในเขตโรงงานเครื่องจักรนี่ขี้นินทาเป็นที่หนึ่งเลย แทนที่จะเอาเรื่องจริงไปเล่า ดันแต่งเรื่องซุบซิบกันสนุกปาก”

เจียงอวี่เฟยพยักหน้าด้วยความโกรธเช่นกัน “ใช่ สิ่งที่พวกหล่อนพูดล้วนไร้สาระทั้งเพ แถมยังพูดเกินจริง พอคนหนึ่งพูดอีกคนก็เอาไปพูดต่อจนข่าวมันแพร่กระจาย แล้วตกลงเรื่องจริงมันเป็นยังไง?”

“เธอนั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะค่อย ๆ เล่าให้ฟัง”

หลินเซี่ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดของเหตุการณ์ให้เจียงอวี่เฟยฟังอย่างละเอียด

เจียงอวี่เฟยตกใจเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด “อะไรนะ? ที่หล่อนเรียกร้องความสนใจมาตั้งนาน สรุปก็คือไม่ได้ท้องแต่แรกงั้นเหรอ?”

หลินเซี่ยพยักหน้า “ใช่”

เจียงอวี่เฟยกัดฟันกรามพร้อมกับเค้นเสียงสาปแช่ง “เสิ่นเสี่ยวเหมยคนนี้นอกจากจะเลวได้โล่แล้วยังโง่อีกด้วย ไม่เข้าใจเหตุผลของหล่อนเลยจริง ๆ”

หลินเซี่ยถอนหายใจและส่ายหน้า “จริง ไม่เข้าใจเหตุผลเลย”

“เพื่อนสาว เธอช่วยอะไรฉันหน่อยสิ”

หลินเซี่ยตบไหล่เธอ จากนั้นพูดอย่างจริงจัง “ถ้าเธอได้กลับไปที่นั่นอีกรอบ ลองไปนั่งอาบแดดขลุกอยู่กับลุง ๆ ป้า ๆ พวกนั้นให้ที อย่าปล่อยให้พวกเขาสร้างเรื่องเหมือนฉันเป็นนางปีศาจอีก”

เจียงอวี่เฟยพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ไม่ต้องห่วง ฉันจะล้างมลทินให้ชื่อเสียงเธอในทันทีที่ฉันกลับไป นี่ฉันโกรธมากจนเกือบลืมไปเลยว่าวันนี้จะมาคุยธุระกับเธอเรื่องหนึ่ง”

เจียงอวี่เฟยพูดต่อ “การประกวดนางแบบรอบรองชนะเลิศตรงกับวันอังคารหน้า ฉันมาบอกล่วงหน้าเผื่อเธอจะมีเวลาเตรียมตัว เธอควรออกแบบการแต่งหน้าทำผมให้ฉันได้แล้ว รอบนี้ฉันต้องสวยที่สุดบนเวที”

พูดถึงเรื่องการแต่งหน้าของเจียงอวี่เฟย หลินเซี่ยไม่รู้สึกกดดันใด ๆ เลย เธอตอบด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ความเป็นมืออาชีพของเธอยังไม่หลุดจากมาตรฐาน เธอต้องได้รับคะแนนพิเศษแน่นอน มีฉันคอยจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้ทั้งคน”

เจียงอวี่เฟยทำท่ากระซิบ “ฉันไปได้ยินข่าวลือมาว่าในระหว่างรอบรองชนะเลิศ รายชื่อกรรมการผู้ตัดสินมีการเปลี่ยนแปลง อาจมีแขกรับเชิญลึกลับจากฮ่องกงมาร่วมเป็นคณะผู้ตัดสินด้วย พอเป็นแบบนี้ มาตรฐานการแข่งขันก็พุ่งสูงขึ้นทันที ครั้งล่าสุดในหนังสือพิมพ์เขียนข่าวเกี่ยวกับการประกวดเป็นสกู๊ปเล็ก ๆ สถานีโทรทัศน์ก็ไม่ได้ประโคมข่าวมากมายอะไร ฉันเลยยังรอดตัวมาได้”

เนื่องจากเพื่อนร่วมชั้นเก่าบางคนยังจำหล่อนได้ การประกวดนี้จึงเป็นที่แพร่หลายเฉพาะในสถาบันการศึกษาของวัยรุ่นเท่านั้น คนทั่วไปยังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับมัน

“เรามาภาวนาให้พวกเขาไม่สนใจทำข่าวดีกว่า ไม่งั้นถ้าพ่อเธอมาเห็นเข้า จะยังมีโอกาสเข้าร่วมการประกวดครั้งต่อไปอีกไหม?”

เจียงอวี่เฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นั่นก็จริง”

หลินเซี่ยบอกว่า “การประกวดรอบออดิชั่นเป็นแค่การโชว์รูปลักษณ์พื้นฐาน แต่ในรอบนี้เธอต้องขุดเอาจิตวิญญาณจากภายในออกมาให้มากที่สุด ตั้งใจทำผลงานให้ดี จะได้เข้าไปสู่รอบสองและรอบสามได้”

“ฉันจะพยายามให้เต็มที่”

เจียงอวี่เฟยนั่งเล่นอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนจะขอตัวจากไป พูดว่า “ฉันต้องไปแล้ว ช่วงนี้พ่อฉันอารมณ์ไม่ค่อยจะชื่นบานเลย กินข้าวไม่ค่อยลง ฉันต้องคอยซื้ออาหารอร่อย ๆ แล้วหิ้วกลับมาฝากเขาตลอด”

ตอนแรกหล่อนตั้งใจว่าจะแวะซื้อเหลียงเฝิ่น แต่ก็กลัวว่ามันจะไปสะกิดซ้ำแผลเก่า ทำให้เขายิ่งเศร้าลงไปอีก

“พ่อเธอเป็นอะไรไป?” หลินเซี่ยถามอย่างสงสัย

เจียงอวี่เฟยถอนหายใจอย่างไร้คำพูด “จะเป็นอะไรไปได้ นอกจากโดนป้าหลิวปฏิเสธจนอกหักกลับมาน่ะสิ”

“พี่สาวหวังล่ะ? เขาไม่คิดจะพิจารณาหล่อนหน่อยเหรอ?”

หลินเซี่ยถือโอกาสนี้บอกเล่าความดีความชอบให้กับหวังซิ่วฟาง “ฉันว่าพี่สาวหวังเหมาะกับพ่อเธอมากกว่าแม่ฉันอีก หล่อนยังอายุน้อย พลังกระตือรือร้นเต็มเปี่ยม แถมลูกสาวก็ยังเล็กมาก ไม่ได้มีภาระอะไรมากมาย กลับกันถ้าเป็นแม่ของฉัน พ่อเธอน่าจะต้องแบกพวกเราทั้งครอบครัว ที่สำคัญเธอจะสนิทใจเป็นน้องสาวของพี่ชายฉันเหรอ”

เจียงอวี่เฟยเห็นด้วยทันทีกับคำพูดของหลินเซี่ย บอกว่า “ฉันน่ะเชียร์พี่สาวหวังสุดใจอยู่แล้ว แต่พ่อฉันเอาแต่บอกว่าขอเวลาทำใจหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถอะ”

ทันทีที่เจียงอวี่เฟยกลับมาถึงบ้าน หล่อนก็เข้าไปนั่งอยู่ท่ามกลางครอบครัวของพนักงานโรงงานเครื่องจักร และโดยไม่ต้องสงสัย พวกเขาต่างพากันถามเจียงอวี่เฟยเกี่ยวกับเรื่องของหลินเซี่ยและเสิ่นเสี่ยวเหมยด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เจียงอวี่เฟยใช้โอกาสนี้เล่าเรื่องราวน่าอัปยศของเสิ่นเสี่ยวเหมย ตั้งแต่หล่อนเข้าใจผิดว่าเลือดประจำเดือนของตัวเองเป็นเลือดแท้งบุตร

คุณป้าทุกคนหันมองหล่อนเป็นตาเดียว ดวงตาของพวกหล่อนฉายแววตกตะลึงก่อนจะนินทาเซ็งแซ่ “เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? นี่แตกต่างจากข่าวที่ออกมาจากบ้านตระกูลเสิ่นอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะ”

เจียงอวี่เฟยทำหน้าจริงจัง “ทำไมจะไม่ใช่เรื่องจริงคะ? แม้แต่หมอเซี่ยยังออกหน้าเปิดโปงความจริงด้วยตัวเอง ถ้าไม่มีหล่อนสักคน หลินเซี่ยคงถูกพวกเขากล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรมไปจนตาย”

เจียงอวี่เฟยนั่งอยู่กลางวงสนทนาของป้า ๆ หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก หล่อนก็เริ่มเปิดเผยเรื่องซุบซิบบางอย่างที่แม้แต่ป้าเหล่านี้เองก็ไม่รู้ ตัวอย่างเช่น เฉินเจียซิ่งออกปากขอหย่ากับเสิ่นเสี่ยวเหมย เพราะรับไม่ได้ที่หล่อนเลวเกินไป

“พระเจ้าช่วย แม่เสิ่นเสี่ยวเหมยคนนี้บ้าไปแล้ว โง่บรมเกินจะขุนขึ้น”

“ฉันว่าแล้วเชียวว่าหล่อนน่ะไม่ใช่คนดี เมื่อก่อนหล่อนเคยรังแกหลินเซี่ย ขืนยังอยู่ในบ้านสามีต่อไปคงสร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน”

ภารกิจของเจียงอวี่เฟยสำเร็จลุล่วงด้วยดี หล่อนบอกลาป้า ๆ ทั้งหลายและเดินกลับบ้านพร้อมกับฮัมเพลง

วันนี้เป็นวันศุกร์ เสิ่นอวี้อิ๋งซึ่งปกติไปพักอยู่ที่หอในโรงเรียนกลับมาที่บ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อพักผ่อน แต่ทันทีที่กลับถึงบ้านก็ได้ยินข่าวซุบซิบเกี่ยวกับเสิ่นเสี่ยวเหมย

หล่อนรีบกลับขึ้นไปในห้องตัวเอง

พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่ จึงทิ้งกระเป๋านักเรียนไว้ที่นั่นแล้วไปบ้านตระกูลเสิ่น

ยามบ่ายคล้อย เฉินเจียเหอพาหู่จือกลับมาจากโรงเรียน เซี่ยไห่ก็เลิกงานแล้วเช่นกัน ส่วนหลินจินซานเมื่อรู้ว่าเจ้านายของเขาจะไปกินข้าวมื้อเย็นที่บ้านในวันนี้ เขาจึงตื่นเต้นและรอคอยที่จะกลับบ้านไปพร้อมกับทุกคน

“ซานจื่อ วันนี้ไปอารมณ์ดีมาจากไหน?” เฉียนต้าเฉิงเห็นเขาหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวก็อดถามไม่ได้

“พี่เฉิง เดี๋ยวหลังจากนี้พี่ก็รู้เอง”

“ไม่สังเกตเหรอว่าวันนี้ทัศนคติของเถ้าแก่เซี่ยที่มีต่อฉันแตกต่างออกไปจากเดิม?”

เฉียนต้าเฉิงมองขึ้นไปชั้นบนอย่างสงสัย “มีอะไรแตกต่างกัน?”

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ตาบอดแล้ว”

เซี่ยไห่ซึ่งอยู่บนห้องชั้นบนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พอเดินลงมาชั้นล่างแล้วเห็นหลินจินซาน ก็ตะโกนเรียก “จินซาน ไปกันเถอะ”

“ครับ ไปครับ” หลินจินซานเดินตามเขาไปอย่างเร่งรีบ

เฉียนต้าเฉิงยืนอยู่ที่นั่น หนวดของเขาถึงกับกระตุก เพราะดูเหมือนว่าเจ้านายของเขาจะใจดีกับหลินจินซานมากกว่าเมื่อก่อน

แต่ก็ช่างเถอะ ตำแหน่งทั้งหมดได้รับการจัดสรรแล้ว

เขาเป็นผู้จัดการร้าน ส่วนหลินจินซานเป็นแค่หัวหน้าแผนกตัวเล็ก ๆ

เขายังมีฐานะเป็นเจ้านายของหลินจินซานอีกทีหนึ่ง

ถึงอย่างนั้นเฉียนต้าเฉิงก็อดกังวลไม่ได้ ว่าหลินจินซานจะมาแทนที่เขาหรือไม่?

เซี่ยไห่บอกว่าเขาจะขอแวะร้านค้าเพื่อซื้อของก่อน ระหว่างนั้นก็หันไปถามความเห็นจากเฉินเจียเหอว่าจะซื้ออะไรดี

“บุหรี่กับเครื่องดื่มมึนเมาน่าจะไม่เหมาะ แม่ยายนายชอบดื่มชาหรือเปล่า?”

เฉินเจียเหอส่ายหน้า “เหมือนจะไม่ดื่ม”

“ถ้าอย่างนั้นซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพหรืออะไรสักอย่างดีไหม?”

เฉินเจียเหอ “หล่อนก็ไม่ค่อยได้ใช้”

เซี่ยไห่คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองเขาแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นซื้อทีวีสีให้พวกเขาไปเลยเป็นไง”

เฉินเจียเหอ “!!!”

“งั้นไม่ต้องซื้อแล้ว ฉันจะให้คนไปยกทีวีสีลงมา รอบนี้ฉันซื้อมาจากเชินเฉิงหลายเครื่อง เอาไว้ใช้เปิดคู่กับเครื่องร้องคาราโอเกะ แบ่งให้พวกเขาสักชุดก็ไม่เสียหาย”

เซี่ยไห่มีเงินอู้ฟู่ นึกอยากจะแจกอะไรก็แจกตามใจต้องการ

เขาเรียกหาหลินจินซานทันที บอกให้เขากลับเข้าไปในห้องเต้นรำเพื่อยกทีวีสี

หลินจินซานไม่รู้ว่าเจ้านายจะยกทีวีสีไปไหน จึงถามว่า

“เถ้าแก่เซี่ย จะให้ผมย้ายทีวีสีไปไว้ตรงไหนครับ?”

เซี่ยไห่ “บ้านนาย”

“หา?” หลินจินซานมองเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ

เซี่ยไห่ตอบกลับ “เอาไปให้แม่นายไงล่ะ นายคงรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่แท้จริงของฉันกับเซี่ยเซี่ยแล้ว แม่นายเกือบได้กลายมาเป็นพี่สะใภ้ของฉันแล้ว ยกทีวีให้หล่อนสักเครื่องจะเป็นไรไป?”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อวี่เฟยจัดการแฉกลับให้เซี่ยเซี่ยแล้ว ทีนี้โรงงานแผนกตระกูลเสิ่นคุมได้บันเทิงแน่

พี่ไห่รวยมาก มีให้กู้สักหน่อยไหมคะ เพิ่งช้ำใจกับหวยมา

ไหหม่า(海馬)

—————————————–