บทที่ 206 บริษัทเซิ่งซื่อบ้าไปแล้วเหรอ
ลี่จุนถิงยิ้มอย่างดูถูก สีหน้าของเขามืดมนลงไปทันที ความโกรธพุ่งออกมาจากอกของเขา มือที่ถือสลิปไว้ก็ถูกขยำเป็นก้อน: “เจียงหนิงเอ๋อช่างกล้ามาก นึกว่ามีตระกูลเซียวหนุนหลังฉันลี่จุนถิงก็ไม่กล้าจะทำอะไรเธอใช่มั้ย? หากไม่ใช่เพราะเห็นว่าเธอมีสายเลือดที่เกี่ยวข้องกับเจียงหนินเอ๋อ ผมคงไม่เกรงใจเธอแบบนี้”
ซู่จี้งยี้รู้ว่าเมื่อลี่จุนถิงพูดแบบนี้ก็คือจะใช้เริ่มลงมือจัดการเจียงหนิงเอ๋อแล้ว: “แต่ว่าคุณชายลี่ หากทำแบบนี้ คุณผู้หญิงจะ…….”
“ไม่เป็นไร เรื่องนี้เมื่อถึงเวลาผมจะอธิบายกับหยุนเอ๋อเอง” ลี่จุนถิงค่อนข้างที่จะมั่นใจ ต่อให้เจียงหยุนเอ๋อรู้ว่าตัวเองทำอะไรกับเจียงหนิงเอ๋อ ก็คงไม่พูดอะไรมาก
เพราะสำหรับเจียงหยุนเอ๋อแล้ว เจียงหนิงเอ๋อก็เหมือนกับแปลกหน้าที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
ในเมื่อลี่จุนถิงมีความคิดของตัวเอง ซู่จี้งยี้ก็ไม่พูดมากอีก
“ในเมื่อเจียงหนิงเอ๋อทำถึงขึ้นนี้แล้ว งั้นก็ไปทำลายที่พึ่งพิงของเธอ เมื่อเราบีบบังคับเธอจนหมดหนทาง ผมจะดูว่าเธอยังจะกล้าทำเรื่องที่ชั่วร้ายแบบนี้กับเจียงหยุนเอ๋ออีกหรือไม่” ลี่จุนถิงโยนกระดาษที่อยู่ในมือลงบนพื้น
“มานี่ มีเรื่องจะให้นายทำสักสองสามเรื่อง” ลี่จุนถิงกวักมือเรียกซู่จี้งยี้
ซู่จี้งยี้ขยับเข้าไปฟังสิ่งที่ลี่จุนถิงคิดจะทำ ในใจนั้นอดที่จะนับถือไม่ได้ แน่นอนจะล่วงเกินใครก็ได้แต่ห้ามมาล่วงเกินเจ้านายของตัวเอง
เช้าวันที่สอง บริษัทเซียวซื่อถูกเล่นงานโดยลี่จุนถิง
เซียวอี้เฟิงทานข้าวกลางวันเสร็จกำลังจะเรียกเลขาไปเซ็นต์สัญญาฉบับหนึ่งกับตัวเอง
แต่ว่าทางเลขาได้วิ่งเข้ามารายงานกับตัวเองอย่างร้อนรนว่าทางลูกค้ากลับคำโดยกะทันหัน บอกว่าจะไม่ร่วมงานกับบริษัทของเราแล้ว
เซียวอี้เฟิงคิดไม่ออกว่าเรื่องทำไมจึงกลายเป็นแบบนี้
พันธมิตรคนนี้ก่อนหน้านี้ก็คุยกันเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่การเซ็นต์สัญญาของวันนี้เท่านั้น อีกอย่างบริษัทของพวกเขาเมื่อสองสามวันก่อนก็ได้เริ่มสั่งซื้อวัสดุของสัญญาในครั้งนี้แล้ว ตอนนี้มาบอกว่าไม่เซ็นต์ก็ไม่เซ็นต์ สำหรับบริษัทตัวเองแล้วมันถือว่าเสียหายหนักมาก
แต่สิ่งที่ทำให้เซียวอี้เฟิงคิดไม่ถึงและเรื่องที่จะทำให้ตัวเองปวดหัวมากกว่านั้นยังอยู่ข้างหลัง
วันที่สอง เซียวอี้เฟิงนั่งอยู่ในห้องทำงานกำลังคิดหาหนทางที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ดูว่าพอจะมีวิธีไหนที่จะทำให้พันธมิตรเปลี่ยนใจกลับมาเซ็นต์สัญญา
แต่ว่าจู่ๆเลขาก็เข้ามารายงานว่าหุ้นของบริษัทเซียวซื่อร่วงลงอย่างหนัก นักลงทุนต่างเทขายหุ้นของบริษัทเซียวซื่ออย่างบ้าคลั่ง
บริษัทเซียวซื่อเดิมทีก็เพราะเรื่องราวบางส่วนก่อนหน้านี้ เงินทุนของบริษัทหมุนไม่ค่อยจะทัน สรุปพอถึงวันที่สาม ทางธนาคารปฏิเสธที่จะให้บริษัทเซียวซื่อกู้เงิน ทำให้โครงการหลายโครงการที่บริษัทเซียวซื่อที่ได้มาอย่างยากลำบากต้องล้มเหลวกลางทาง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เมื่อทราบข่าวจากทางธนาคาร เซียวอี้เฟิงตกใจเป็นอย่างมาก เรากำลังรอเงินก้อนนี้เพื่อที่จะเปิดโครงการ ตอนนี้มาบอกกับผมว่า กู้ไม่ได้แล้ว?”
ผู้ช่วยมองดูเซียวอี้เฟิงที่กำลังโกรธเกรี้ยว ก็พูดอย่างกลัวๆ: “ทางเราได้เจรจา……กับทางธนาคารนานมาก แต่ทางธนาคารก็ไม่ยอมให้กู้ ไม่มีหนทางแล้วจริงๆ”
“น่าเกลียดมาก! ทำไมถึงเป็นแบบนี้!” เซียวอี้เฟิงทุบโต๊ะด้วยความโมโห หมัดของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาทันที
จากนั้น ภายใต้การเร่งจากพันธมิตรซ้ำๆหลายครั้ง บริษัทเซียวซื่อก็ไม่สามารถที่จะหาเงินทุนที่เพียงพอในการดำเนินโครงการ
“สรุปพวกคุณทำได้หรือเปล่า? สถานการณ์ตอนนี้ของบริษัทคุณทางเราก็เข้าใจเป็นอย่างดี แต่ก็เห็นแก่ที่เราเคยร่วมงานกันมาหลายปีจึงได้ให้โอกาส สรุปเป็นไง? ตอนนี้โครงการจะเริ่มแล้ว จู่ๆคุณมาบอกว่ารวบรวมเงินทุนไม่ได้? ยังไง? จะให้เราออกทุนให้ด้วยเหรอ?”
เสียงของลูกค้าที่อยู่ปลายสายนั้นเบื่อหน่ายมาก เป็นอย่างที่พวกเขาพูดเลย ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทเซียวซื่อนั้นแย่มาก พวกเขายังยินดีที่จะร่วมงานด้วยก็เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาเท่านั้น
ถ้าหากบริษัทเซียวซื่อแม้แต่เงินทุนยังเอาออกมาไม่ได้ พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องร่วมงานกับเราต่อ
ได้ยินน้ำเสียงที่เบื่อหน่ายของอีกฝ่าย จริงๆแล้วในใจของเซียวอี้เฟิงนั้นอัดอั้นมาก แต่ทำได้เพียงพูดอย่างเจื่อนๆ: “ประธานหลิว เรื่องนี้ทางเรากำลังหาวิธีอยู่ คุณช่วยขยายเวลาให้เราอีกหน่อยได้มั้ย? หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งสัปดาห์ต้องหาเงินได้ครบอย่างแน่นอน”
“ไม่ได้ โครงการนี้ไม่สามารถที่จะยืดเยื้อต่อไปได้แล้ว หากทางคุณทำไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ อนาคตมีโอกาสค่อยร่วมงานกันใหม่” พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายไปโดยตรง
แม้ว่าคำพูดของพันธมิตรจะค่อนข้างสละสลวย แต่ว่าเซียวอี้เฟิงเข้าใจดี มันจะมีครั้งต่อไปอีกด้วยเหรอ?
สูญเสียโครงการที่มีอยู่ในมือทั้งหมด คาดว่าต่อไปบริษัทเซียวซื่อนั้นยากที่จะฟื้นตัวได้อีกแล้ว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไม่อยู่ดีๆ ทางธนาคารจึงไม่ปล่อยกู้ให้เรา?”
เซียวอี้เฟิงได้ปามือถือลงพื้นอย่างโมโห พูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด
ผู้ช่วยยืนอยู่ข้างๆอย่างระมัดระวัง ไม่แม้กระทั่งจะกล้าหายใจแรง
จู่ๆเซียวอี้เฟิงก็เงยหน้ามองเขา แล้วกล่าว: “นายไปตรวจสอบหน่อย เรื่องนี้มันยังไงกันแน่”
“ครับ” ผู้ช่วยรีบตกปากรับคำ จากนั้นก็ออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ผู้ช่วยออกไปแล้ว เซียวอี้เฟิงได้รับโทรศัพท์จากพันธมิตรที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่อง หลังจากทราบข่าวว่าบริษัทเซียวซื่อไม่สามารถจะหาเงินทุนได้ชั่วคราว ต่างเลือกที่จะยกเลิกสัญญากันโดยไม่ได้นัดหมาย
แม้ว่าเซียวอี้เฟิงจะพยายามรั้งไว้ แต่ว่าทางท่าทีของฝ่ายพันธมิตรนั้นหนักแน่นกันมาก
“น่าขยะแขยง คนเหล่านี้มันพึ่งไม่ได้เลยจริงๆ………” เซียวอี้เฟิงกล่าวอย่างรุนแรง
ผ่านไปไม่นาน ในที่สุดผู้ช่วยก็กลับมาแล้ว แล้วพูดกับเซียวอี้เฟิง ประธานเซียว ตรวจสอบมาแล้ว ทางบริษัทเซิ่งซื่อเป็นคนเล่นงานเรา
บริษัทเซิ่งซื่อเป็นบริษัทของลี่จุนถิง เมื่อได้ยิน เซียวอี้เฟิงก็กล่าวอย่างโมโห: “บ้าไปแล้วเหรอ? ทำไมจู่ๆถึงทำแบบนี้!”
หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่นานนัก บริษัทเซียวซื่อต้องจบเห่อย่างแน่นอน!
ภาพแบบนั้น เซียวอี้เฟิงไม่กล้าที่จะคิดถึงมันเลย แต่ไหนแต่ไรเขาก็ใช้ชีวิตอย่างหรูหรามาตลอด หากบริษัทเจ๋ง เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะสามารถไปทำอะไรได้อีก
ในขณะที่ใจของเซียวอี้เฟิงเกิดความหวาดกลัวนั้น เลขาก็ได้มาเคาะประตูห้อง เดินเข้ามา
“ประธานเซียว มีหุ้นส่วนหลายคนมาโวยวายแล้ว บอกว่าต้องการพบคุณให้ได้”
“พบอะไรอีก? ไม่พบ! ไม่พบใครทั้งนั้น!” เซียวอี้เฟิงคิดก็ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าพวกหุ้นส่วนจู่ๆทำไมถึงมาที่นี่ ยกมือขึ้นมาไล่อย่างหงุดหงิด ไม่อยากที่จะไปสนใจเรื่องเหล่านี้
ต่อให้หุ้นส่วนพวกนั้นมาหาถึงที่แล้วจะทำไม? ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมพบก็คือไม่ยอมพบ!
ตอนนี้ เขาไม่มีวิธีที่จะจัดการเรื่องราวเหล่านี้ รู้สึกว่าเรื่องทุกอย่างมันอยู่เหนือการควบคุมของตัวเองไปแล้ว
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เซียวอี้เฟิงรู้สึกอ่อนแออย่างกะทันหัน
จู่ๆเขาก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร คิดเพียงอยากจะหลบเลี่ยง