ตอนที่ 519 หลิวหรูหยานเชิญมาเที่ยวบ้าน

แปล Tarhai

ฉิงเฟิงออกจากมหาวิทยาลัยแพทย์และกลับไปยังบริษัท Ice Snow เขาสัญญากับหลินเสวี่ยว่าจะไปรับเธอหลังเลิกงาน

มันเป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้วเมื่อเขามาถึงบริษัท Ice Snow และพนักงานก็ยังคงทำงานกันอยู่

ฉิงเฟิงจึงไปที่แผนกรักษาความปลอดภัยก่อนเพื่อที่จะไปทักทายลั่วเฮาที่นั่น

“อ้าว พี่ใหญ่หลี่ ไปไงมาไงละนี่ ?” ลั่วเฮากล่าวอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นฉิงเฟิงเดินเข้ามา

ฉิงเฟิงรู้สึกขำเมื่อเขาเห็นใบหน้ากลมๆของลั่วเฮา หมอนี่อ้วนขึ้นอีกแล้ว

“เพื่อนยาก, นี่นายปล่อยตัวเกินไปเพราะถือว่าแต่งงานแล้วหรือไง ?” ฉิงเฟิงยิ้มขณะที่ตบไหล่ของลั่วเฮา

เมื่อฉิงเฟิงแตะไหล่เขา เขาก็รู้สึกถึงความอ้วนของเขาได้

ลั่วเฮาไม่สามารถระงับเสียงหัวเราะของเขาได้ ใบหน้าอ้วนกลมของเขาสั่นกระพือ

ฉิงเฟิงพูดถูกแล้ว ตั้งแต่ที่เขาแต่งงานกับฮงเสี่ยว ฮงเสี่ยวได้เตรียมอาหารทุกมื้อและทำงานบ้านเองทุกอย่าง การที่น้ำหนักของลั่วเฮาเพิ่มขึ้นจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

“นายต้องลดน้ำหนักบ้างนะ ขืนนายยังน้ำหนักมากอยู่แบบนี้จนเมียนายโดนทับตายจะทำยังไง ?” ฉิงเฟิงหยอกล้อ

ลั่วเฮากระพริบตาด้วยความอาย เขาคงจะต่อยหน้าคนพูดไปแล้วถ้ามาเล่นหัวเขาแบบนี้ แต่ไม่ใช่กับฉิงเฟิง เพราะเขารู้ดีว่าฉิงเฟิงเป็นห่วงเขา

“โอ้พี่ใหญ่หลี่ ผมมีข่าวดีมาบอกด้วย เมียผมท้องแล้วนะ”

“ท้องแล้วเหรอ ? โอ้ยินดีด้วย ! นายจะเป็นพ่อคนแล้ว”

“พี่ใหญ่หลี่ขอบคุณมาก ถ้าไม่มีคุณผมคงไม่มีวันนี้ ว่าแต่คุณละ เมื่อไรจะมีสักคนกับพี่สะใภ้บ้าง ?” ลั่วเฮาถาม

ใบหน้าของฉิงเฟิงแข็งค้างหลังจากได้ยินที่ลั่วเฮากล่าว เขายังไม่เคยมีเซ็กส์กับหลินเสวี่ยเลย แล้วเขาจะมีลูกได้อย่างไร ?

แต่เป็นที่แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกเรื่องนี้ให้คนอื่นๆได้ยิน หากข่าวลือแพร่ออกไปมันจะเป็นอันตรายต่อชื่อเสียงของหลินเสวี่ย

ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “เร็วๆนี้แหละ”

ฉิงเฟิงเดินออกจากแผนกรักษาความปลอดภัยหลังจากที่เขาพูดจบประโยค เขาไม่ต้องการสนทนาในหัวข้อนี้ต่อไป

ฉิงเฟิงเดินไปเรื่อยเปื่อยและมาถึงออฟฟิศซีอีโอ เมื่อเขาเดินเข้ามาเขาก็เห็นหลินเสวี่ยกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงอารมณ์ที่โกรธมากขณะที่ร่างกายของเธอสั่นอย่างรุนแรง

“เกิดอะไรขึ้นใคร ? ใครทำให้คุณโกรธ ?” ฉิงเฟิงเดินไปหาหลินเสวี่ยและถาม

หลินเสวี่ยวางหนังสือพิมพ์ลงและกล่าวว่า “คุณลองอ่านบทความในหนังสือพิมพ์นี้ดูก่อน”

“โอเค” ฉิงเฟิงกล่าวตอบในขณะที่หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา เขาเห็นหัวข้อข่าวว่า

“หลี่ฉิงเฟิง, ราชันขี้โม้แห่งบริษัท Ice Snow”

บัดซบ ! นี่ฉันกลายเป็นราชันขี้โม้ไปตั้งแต่เมื่อไร ? พวกบ้าเอ้ย ! ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้ ?

ฉิงเฟิงกำลังอ่านหนังสือพิมพ์และพบว่ามันเป็นหนังสือพิมพ์ชื่อ “ข่าวภาคค่ำของจังหวัดหูเจียง” มันเป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในจังหวัดหูเจียง เนื้อหาข่าวที่เขาเห็นก็คือเรื่องการเดิมพันของฉิงเฟิงกับหลิวเฟยเหยียนซึ่งเป็น CEO ของบริษัทฟินิกซ์เมื่อสองวันก่อน

แน่นอนว่าข่าวที่ออกมาเป็นการลดคุณค่าในตัวของฉิงเฟิงและเรียกเขาว่าราชันขี้โม้ เนื่องจากพวกเขาคิดว่าฉิงเฟิงช่างคุยโวโอ้อวดเกินไปว่าตัวเขาจะสามารถเอาชนะบริษัทฟินิกซ์ได้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขา

บ้าเอ้ย , นี่เรื่องต้องเป็นฝีมือและการจัดการของนังบ้าหลิวเฟยเหยียนแน่นอน ฉิงเฟิงค่อนข้างมั่นใจว่าเรื่องนี้หลิวเฟยเหยียนต้องอยู่เบื้องหลัง

“อ่อ จริงสิ วันพรุ่งนี้จะเป็นการแข่งขันวัตถุโบราณของจังหวัดหูเจียง รวมทั้งเป็นวันที่คุณเดิมพันกับหลิวเฟยเหยียน คุณมั่นใจแค่ไหนกับการเอาชนะบริษัทฟินิกซ์ ?”

หลินเสวี่ยถามขณะขมวดคิ้ว

ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “คุณไม่ต้องกังวล ฉันไม่เคยเห็นคนของบริษัทฟินิกซ์อยู่ในสายตาเลย สิ่งที่ฉันกังวลคือเรื่องเป่ยเหยียนจื่อมากกว่า”

“เป่ยเหยียนจื่อ ? ทำไมคุณถึงต้องกังวลเกี่ยวกับเธอ?” หลินเสวี่ยถามอย่างแปลกใจและดูสับสน

ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “คุณลองคิดดูดีๆสิ เป่ยเหยียนจื่อเป็นถึงลูกสาวของตระกูลเป่ยแห่งปักกิ่ง รวมทั้งเป็น CEO ของบริษัทฟินิกซ์ แต่อยู่ดีๆเธอก็ถูกไล่ออกและไม่รับโทรศัพท์เลย คุณไม่คิดว่ามันดูแปลกๆหรือ ?”

หลินเสวี่ยชะงักไปพักหนึ่งและคิดตาม เธอเริ่มตระหนักแล้วว่าเรื่องมันดูแปลกมาก อันที่จริงตัวตนของเป่ยเหยียนจื่อเป็นอะไรที่พิเศษมากแถมยังมีเบื้องหลังที่ใหญ่โต แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถติดต่อได้และตำแหน่งซีอีโอของเธอก็ถูกแทนที่โดยหลิวเฟยเหยียน เรื่องนี้ต้องมีอะไรบางอย่างเบื้องหลัง”

หลังจากที่เห็นหลินเสวี่ยดูเป็นกังวล ฉิงเฟิงก็ยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง วันพรุ่งนี้ฉันจะไปบริษัทฟินิกซ์เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน และจะพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการหายตัวไปของเป่ยเหยียนจื่อจากผู้คนที่นั่น

หลินเสวี่ยพยักหน้า

หลังจากพวกเขาคุยกันสักพักก็ถึงเวลาเลิกงาน

เมื่อฉิงเฟิงและหลินเสวี่ยกำลังจะเดินออกจากออฟฟิศ โทรศัพท์ของหลินเสวี่ยก็ดังขึ้น

ใบหน้าของหลินเสวี่ยเปลี่ยนไปทันทีและมีอาการไม่ปกติ ในขณะที่เธอมองหน้าจอโทรศัพท์และปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังอยู่เช่นนั้นโดยไม่ยอมรับสาย

ฉิงเฟิงที่เห็นอาการเธอก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น เขาแอบมองหน้าจอโทรศัพท์ของเธอและทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง คนที่โทรมาคือหลิวหรูหยานนั่นเอง

“ฉิงเฟิง ชั้นควรจะรับโทรศัพท์ดีไหม ?” หลินเสวี่ยถาม

“รับเถอะ บางทีหลิวหรูหยานอาจจะต้องการความช่วยเหลือบางอย่างจากคุณก็เป็นได้” ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าว

หลินเสวี่ยพยักหน้าและรับสาย “มิสหลิว คุณโทรหาชั้นมีเรื่องอะไรเหรอคะ ?”

“สวัสดี, มิสหลิน ครั้งที่แล้วคุณเชิญชั้นไปกินข้าวที่บ้านคุณ คราวนี้ถึงตาชั้นแล้วที่จะเลี้ยงข้าวพวกคุณคืน เลิกงานแล้วแวะมาได้มั้ยคะ ?”

หลินเสวี่ยพยักหน้าแล้วกล่าวตอบว่า”ได้สิ ชั้นจะไปที่นั่นพร้อมกับฉิงเฟิง”

หลินเสวี่ยวางสายไปในขณะที่ขมวดคิ้วราวกับว่าเธอกำลังกังวลเรื่องบางอย่าง

“ฉันคิดว่าคุณไม่ควรไปตามคำเชิญของเธอ” ฉิงเฟิงกล่าว

หลินเสวี่ยยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “คุณไม่เข้าใจหรอก ถ้าชั้นไม่ไปเธอจะคิดว่าชั้นกลัวเธอ แน่นอนว่าชั้นไม่มีทางกลัวเธอดังนั้นยังไงชั้นก็ต้องไป และเป้าหมายของชั้นก็คือการเอาชนะเธออีกด้วย”

ฉิงเฟิงกลอกตาของเขาและดูลุกลี้ลุกลน เมื่อใดก็ตามที่หลินเสวี่ยพูดถึงหลิวหรูหยาน เธอก็จะกลายเป็นฮึกเหิมและกระสันที่จะเอาชนะเธอให้ได้ ราวกับว่าเธอจะไม่มีทางสงบจนกว่าเธอจะเอาชนะหลิวหรูหยานได้

แน่นอนว่าหลิวหรูหยานจะต้องคิดเช่นเดียวกัน เธอไม่มีทางนอนหลับฝันดีได้จนกว่าเธอจะเอาชนะหลินเสวี่ยได้

“หลินเสวี่ย ชาตินี้คุณจะไม่มีทางญาติดีกับหลิวหรูหยานได้เลยใช่ไหม ?” ฉิงเฟิงถาม

ใจจริงแล้ว มันเป็นความเห็นแก่ตัวเล็กน้อยของเขาเองสำหรับการถามคำถามนี้ ถ้าหากเป็นไปได้ที่พวกเธอจะดีกัน เขาก็จะได้ครอบครองสาวงามทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน โดยไม่ต้องกังวลว่าพวกเธอจะหึงหวงกันเอง

หลินเสวี่ยเงยหน้ายกริมฝีปากขึ้นและพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่มีทาง ไม่มีทางที่ชั้นจะญาติดีกับหลิวหรูหยานได้ ชั้นจะสู้กับเธอจนกว่าจะแก่ตายกันไปข้างหนึ่งนี่ละ !”

ฉิงเฟิงรู้สึกอึ้งและพูดอะไรไม่ออกหลังจากที่ได้ยินหลินเสวี่ยกล่าว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงสองคนนี้ถึงต้องทะเลาะกันตลอดเวลา ถ้าดีกันได้มันจะไม่เป็นการดีกว่าหรอกหรือไง ?