ตอนที่ 251 ขอให้ประสบความสำเร็จ
ตอนที่ 251 ขอให้ประสบความสำเร็จ
เซี่ยไห่ตอบ “อาการในช่วงสองปีที่ผ่านมาค่อนข้างดีครับ ถึงขาข้างหนึ่งของเขาจะพิการ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ก่อนหน้านี้เขาจำแม่ตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ โชคดีที่มีรูปถ่ายครอบครัวอยู่ในบ้าน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร
หลังจากนั้นพี่สาวผมก็ย้ายไปเติบโตในหน้าที่การงานอยู่ฮ่องกง หล่อนเลยพาแม่และพี่ใหญ่ของผมไปเข้ารับการรักษาและพักฟื้นที่นั่นด้วย
แม่และพี่สาวพยายามดูแลรักษาเขาอยู่หลายปี ในที่สุดเขาก็จำพวกเราได้ แต่ถึงอย่างนั้นความทรงจำระหว่างอยู่ในเทศมณฑลซีเหอก็ยังไม่กลับคืนมา ล่าสุดแม่บอกว่าเขามักจะละเมอเรียกชื่ออิงจื่อตอนหลับ เห็นได้ชัดว่าในจิตใต้สำนึกของเขาไม่เคยลืมคุณเลย พวกเราจึงพยายามตามหาคุณ หวังว่าคุณจะช่วยปลุกความทรงจำของพี่ชายให้คืนกลับมาได้”
เมื่อเซี่ยไห่พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ชำเลืองมองหลินเซี่ยด้วยสีหน้ายินดี และพูดอย่างจริงใจว่า “ไม่คาดคิดเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเกินกว่าที่จินตนาการไว้มาก พี่ใหญ่ผมเคยมีลูกสาวจริง ๆ ทันทีที่ผมรู้ข่าว ผมแทบจะเป็นลมด้วยความตื่นเต้นทีเดียว”
เซี่ยไห่รวบรวมความกล้าเพื่อขอคำยืนยันจากหลิวกุ้ยอิง เขาถามตรง ๆ อย่างระมัดระวังว่า “พี่อิงจื่อ เซี่ยเซี่ยเป็นลูกสาวของพี่ใหญ่ผมใช่ไหม? หล่อนหน้าตาเหมือนกับพี่สาวของผมสมัยสาว ๆ แทบทุกประการเลย”
หลังจากพูดแล้ว เขาก็มองดูหลิวกุ้ยอิงอย่างกังวลใจ รอคอยคำตอบจากหล่อน
หลินเซี่ยและคนอื่น ๆ ก็มองไปที่หลิวกุ้ยอิงเช่นกัน
ทุกคนจ้องมองหลิวกุ้ยอิงอยู่นาน และแล้วหล่อนพยักหน้ายอมรับ “อืม”
หลังจากได้รับคำตอบที่เป็นการยืนยันจากหลิวกุ้ยอิงแล้ว เซี่ยไห่ก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาอีกครั้งด้วยความดีใจและตื่นเต้น
หลินเซี่ยเป็นหลานสาวของเขา และเป็นทายาทตระกูลเซี่ยของพวกเขาจริง ๆ
ในที่สุดเขาก็สามารถอธิบายความจริงทั้งหมดให้แม่ฟังได้แล้ว
เซี่ยไห่ยืนขึ้น ก่อนจะโค้งคำนับหลิวกุ้ยอิง “พี่อิงจื่อ ขอบคุณมาก ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากแบบนั้น คุณยังยินดีที่จะแบกรับความกดดันอย่างหนักในการให้กำเนิดเซี่ยเซี่ย คุณเป็นผู้หญิงที่สุดยอดมาก ทั้งยังมีความเป็นแม่ที่ยิ่งใหญ่”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย ต่อให้ฉันจะลำบากยากเย็นแค่ไหน ฉันก็ต้องฝ่าฟันทุกอย่างเพื่อคลอดลูกในท้องให้ได้”
หลินเซี่ยมองเซี่ยไห่ จากนั้นอธิบายแทนหลิวกุ้ยอิงว่า “แม่เล่าให้ฟังว่านับตั้งแต่พ่อแท้ ๆ ของฉันตายจากไป ท่านก็มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเก็บทายาทไว้ให้เขา ท่านเป็นคนดีมากจริง ๆ ในขณะเดียวกันท่านก็โชคดีที่ได้พบเจอกับคนดี ๆ อย่างหลินต้าฝู พ่อหลินตั้งชื่อฉันว่าหลินเซี่ยก็เพื่อรำลึกถึงเซี่ยเหลย พวกเขาทั้งสองเป็นคนดีมากจริง ๆ ค่ะ”
หลังฟังคำอธิบายของหลินเซี่ยแล้ว เซี่ยไห่ก็รู้สึกสะเทือนใจมาก เขาถอนหายใจอย่างจริงใจ “ใช่แล้ว พวกเขาทั้งหมดเป็นคนดีและยอดเยี่ยมที่สุด ในนามของพี่ใหญ่ แม่ และพี่สาวของผม ผมอยากจะกล่าวขอบคุณสำหรับทุกอย่าง และต้องขอบคุณพ่อของจินซานมากเช่นเดียวกัน หวังว่าจะมีโอกาสได้จุดธูปไหว้เขาในอนาคต”
…
หลังจากที่เซี่ยไห่กลับถึงบ้าน เขาก็รีบต่อสายตรงไปยังฮ่องกงเพื่อประกาศข่าวดี
“แม่ เรื่องราวทุกอย่างชัดเจนแล้ว พี่ใหญ่ของผมมีลูกสาวหนึ่งคน อิงจื่อให้กำเนิดหล่อนภายใต้แรงกดดันทางสังคมอย่างมหาศาล”
คุณแม่เซี่ยรีบถามด้วยความตื่นเต้น “อิงจื่ออยู่ที่ไหน? ตอนนี้หล่อนเป็นยังไงบ้าง? มีครอบครัวใหม่ไปแล้วหรือยัง?”
เซี่ยไห่ตอบว่า “หล่อนแต่งงานใหม่ตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้ว แต่สามีของหล่อนเสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อน ชีวิตของหล่อนค่อนข้างลำบากมาก”
“ขั้นตอนทุกอย่างของทางฝั่งเราเสร็จเรียบร้อยแล้วในช่วงสองวันที่ผ่านมา รอเก็บของเสร็จเมื่อไหร่ เราจะออกเดินทางโดยทันที”
“แม่ แม่… แม่ได้บอกพี่ใหญ่ถึงเรื่องของเซี่ยเซี่ยแล้วหรือยัง?” เซี่ยไห่ลองถามแม่ของเขา
คุณแม่เซี่ยถอนหายใจ “ยังเลย เขาละเมอเรียกชื่ออิงจื่อเฉพาะตอนที่เขาหลับเท่านั้น พอแม่ถามเขาหลังจากตื่นนอนเมื่อไหร่ เขาก็บอกว่าไม่รู้อยู่คำเดียว แม่กับพี่สาวแกเลยไม่รู้จะบอกเขายังไงดี”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งพูดเรื่องนั้นเลย รอจนกว่าพวกคุณจะเดินทางมาถึงไห่เฉิงซะก่อน ถ้าเขาเห็นอิงจื่อ บางทีมันอาจจะช่วยปลุกความทรงจำของเขาได้”
“เสี่ยวไห่ ลูกโตแล้วจริง ๆ งานยากแบบนี้แกยังจัดการจนลงเอยได้อย่างสวยงามและมีประสิทธิภาพมาก แม่กับพี่สาวประทับใจในตัวแกมากนะ”
เซี่ยไห่ภูมิใจมากที่ได้รับคำชมเชยจากผู้เป็นแม่ ทว่าการได้รับคำชมจากแม่คนเดียวนั่นยังไม่เพียงพอ เขาพูดอย่างภาคภูมิใจว่า
“ฮึ่ม รอให้พี่สาวผมกลับมาเมื่อไหร่ แม่ช่วยเล่าความก้าวหน้าจากทางฝั่งผมให้หล่อนฟังด้วย ให้หล่อนเห็นว่าผมเองก็มีความสามารถเหมือนกัน นอกจากนี้ผมยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลานสาวและพี่สะใภ้ด้วยนะ”
คุณแม่เซี่ยรีบเตือนเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นอย่าลืมเล่าเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับพี่ใหญ่ของลูกให้พวกหล่อนฟังด้วยล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ”
วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หลินเซี่ยและเฉินเจียเหอแวะไปที่โรงพยาบาลเหรินกวงอีกครั้งเพื่อติดตามสถานะการตรวจสอบเรื่องทุจริตของพวกเขา
น่าเสียดายที่วันนี้ผู้บริหารโรงพยาบาลไม่ได้มาทำงาน หลังจากสอบถามคนอื่นๆ ทุกคนต่างก็ลังเล ไม่มีใครสามารถให้ความกระจ่างกับพวกเขาได้เลย
คงต้องรอสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในวันจันทร์เท่านั้น
“ดูเหมือนว่าโครงสร้างกระบวนการทุจริตของโรงพยาบาลนี้จะไม่ธรรมดาเลย พวกเขาไม่น่าเชื่อถือพอจะทำให้พวกเราได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ บางทีเราคงต้องล้างแค้นด้วยตัวเราเอง”
ช่วงบ่าย สามพ่อแม่ลูกได้กลับมายังบ้านในเขตชุมชนบ้านพักทหาร
วันนี้เฉินเจียซิ่งไม่ได้ไปทำงาน ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างกระดากอายเมื่อเห็นหน้าหลินเซี่ย
ครั้งล่าสุดตอนที่เขาอยู่ในโรงพยาบาล เขาได้โต้เถียงกับหลินเซี่ยอย่างสุดใจขาดดิ้นหลายครั้งเพื่อปกป้องเสิ่นเสี่ยวเหมย
ตอนนี้พอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนั้น เขาพบว่ามันค่อนข้างน่าอับอายที่ได้กลับมาเจอหน้าเธออีกครั้ง
เฉินเจียซิ่งจึงหาข้อแก้ตัวเพื่อที่จะขึ้นไปหลบอยู่ชั้นบน
เมื่อผู้อาวุโสสองคนของตระกูลเฉินเห็นหลินเซี่ย พวกเขาก็ดึงเธอให้นั่งลงและปลอบโยนเธออย่างรู้สึกผิด
“เซี่ยเซี่ย พวกเราทำผิดต่อเธอแล้ว”
“คุณปู่ คุณย่า ฉันรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากค่ะ ถ้าแม่บุญธรรมไม่ออกหน้าพูดความจริงแทนฉัน ฉันคงไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ”
เพื่อแสดงความเป็นธรรมต่อหลินเซี่ย ผู้เฒ่าเฉินพูดเสียงขรึมว่า “โรงพยาบาลนั่นคงไม่ทำอะไรอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ พวกเราจะปล่อยผ่านไปไม่ได้ ไว้ฉันจะหาคนมาสอบสวนเรื่องนี้ในวันจันทร์”
คุณย่าเฉินจับมือหลินเซี่ยแล้วพูดว่า “เซี่ยเซี่ย เธอเป็นเด็กดี ต่อจากนี้ไปครอบครัวเราจะไม่ปล่อยให้ใครมาใส่ร้ายเธออย่างไม่เป็นธรรมอีก”
“เฮ้อ เป็นเพราะบ้านเราไม่ทำอะไรที่ถูกที่ควรตั้งแต่แรก ช่วงหนึ่งปีมานี้ สถานการณ์ภายในบ้านทั้งเละเทะและยุ่งเหยิง”
พอถึงเวลาอาหาร เฉินเจียซิ่งก็ถูกโจวลี่หรงเรียกให้ลงมาชั้นล่าง
ในตอนแรกเขายังปฏิเสธที่จะสื่อสารกับทุกคน เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบ ๆ
จนกระทั่งชายชราทนไม่ไหว เริ่มขยิบตาเพื่อส่งสัญญาณให้เขา
เฉินเจียซิ่งทำได้เพียงวางตะเกียบลง จากนั้นมองหลินเซี่ยและพูดด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ
“หลินเซี่ย ฉันต้องขอโทษด้วยที่กล่าวหาเธอไปแบบนั้น”
หลินเซี่ยตอบกลับ “ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก”
เฉินเจียซิ่งมองไปที่สมาชิกในครอบครัวซึ่งนั่งล้อมอยู่รอบโต๊ะอาหารเย็น แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้ผมได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าผมต้องการหย่า หมายความว่าผมตัดสินใจแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ หวังว่าทุกคนจะสนับสนุนการตัดสินใจของผม ไม่มีใครทำให้ผมเปลี่ยนใจได้ทั้งนั้น ผมอยากจะจบการแต่งงานที่ผิดพลาดครั้งนี้ให้เร็วที่สุด หลังจากนี้จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที”
เดิมทีเฉินเจิ้นเจียงต้องการเกลี้ยกล่อมเฉินเจียซิ่งให้ลองคิดทบทวนดูใหม่ แต่เฉินเจียซิ่งแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าไม่อนุญาตให้โน้มน้าวอีก เขาจึงทำได้เพียงนิ่งเงียบด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ลูกได้บอกหล่อนหรือยัง? หล่อนยอมดี ๆ ไหม?” โจวลี่หรงถาม
เฉินเจียซิ่งตอบว่า “ไว้พรุ่งนี้ผมจะโทรหาหล่อน แล้วไปทำเอกสารหย่าภายในวันจันทร์”
“พี่รอง ผมพนันได้เลยว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยจะไม่มีวันยอมหย่าง่าย ๆ แน่ ถึงหล่อนจะหยิ่งผยองจองหองราวกับตัวเองสูงส่งแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจยอมรับสถานะม่ายหลังจากหย่าร้างได้หรอก”
ภรรยาของพี่รองไม่ง่ายต่อการจัดการขนาดนั้น
เมื่อเฉินเจียวั่งพูดแบบนี้ ทั้งครอบครัวก็เริ่มกังวลอีกครั้ง
ต้องบอกว่าเฉินเจียวั่งวิเคราะห์ได้ถูกต้อง แม้เฉินเจียซิ่งจะไม่ได้มีความสามารถอะไรมากนัก แต่ภูมิหลังครอบครัวของพวกเขาก็เรียกได้ว่าเป็นตระกูลหนึ่งที่น่าเคารพนับถือมากที่สุดในไห่เฉิง แต่หลังจากเขาแต่งงานกับแม่นกยูงบนยอดไม้อย่างเสิ่นเสี่ยวเหมย ผู้หญิงบ้าคนนั้นก็เริ่มควบคุมและโขกสับสามีอย่างเฉินเจียซิ่ง เดิมทีหล่อนก็เป็นคนอารมณ์ร้ายอยู่แล้ว ดังนั้นแทบไม่ต้องคิดเลยว่าหลังประกาศหย่าแล้วหล่อนจะแผลงฤทธิ์หนักแค่ไหน
เฉินเจียวั่งกลัวว่าเฉินเจียซิ่งจะยอมแพ้กลางคัน ดังนั้นเขาจึงให้กำลังใจอีกฝ่าย “พี่รอง ถ้าพี่คิดดีแล้ว ก็อย่าใจอ่อนอีกเลย”
“ฉันพอแล้วจริง ๆ ไม่มีทางที่ฉันจะยอมใจอ่อน”
หลินเซี่ยซึ่งเงียบมาตลอดอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เกรงว่าถ้านายพยายามปฏิเสธคนประเภทนั้น หล่อนต้องพยายามสร้างภาพมาหลอกนายแน่”
ตอนแรกหลินเซี่ยต้องการบอกเฉินเจียซิ่งตรง ๆ ว่าถังหลิงคือเสนาธิการหัวสุนัขที่เป็นตัวต้นคิดของเรื่องนี้ แต่ก็กลัวว่าหากพูดพาดพิงไปถึงหล่อน ด้วยนิสัยของเฉินเจียซิ่งแล้ว เขาคงคิดว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยโดนเป่าหูมาอีกที คิดว่าหล่อนแค่โง่ แต่ไม่ได้เลวโดยเนื้อแท้
พอคิดได้แบบนี้ หลินเซี่ยก็กลืนสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดลงไป
รอจนกว่าเฉินเจียซิ่งจะหาทางหย่าร้างกับผู้หญิงคนนั้นได้อย่างราบรื่นก่อน
คุณปู่บอกแล้วว่าจะส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์ในโรงพยาบาล ตราบใดที่มีการสอบสวนครั้งหนึ่ง ความผิดของถังหลิงก็จะถูกเปิดเผย
ปล่อยให้หล่อนลอยนวลไปก่อนเถอะ
เฉินเจียซิ่งตะคอกอย่างเย็นชา “หล่อนจะหลอกอะไรฉันได้? ฉันจะไปทำเรื่องหย่ากับหล่อนในวันมะรืนนี้อยู่แล้ว และได้รายงานเรื่องนี้ให้องค์กรทราบแล้วด้วย การแต่งงานครั้งนี้ต้องถึงคราวสิ้นสุดเท่านั้น”
น้ำเสียงของเฉินเจียซิ่งเด็ดขาด คราวนี้ดูเหมือนว่าเขาจะหมายความตามนั้นจริง ๆ
“พี่รอง งั้นผมขอให้พี่ประสบความสำเร็จ” เฉินเจียวั่งตบไหล่เฉินเจียซิ่ง และพูดอย่างจริงใจว่า “อย่าทำให้พวกเราผิดหวังนะ”
พอเขาพูดออกมาว่าจะหย่า น้องชายคนที่สามก็ให้การสนับสนุนเขาอย่างมาก พร้อมกันนั้นก็กลัวว่าเขาจะทำไม่สำเร็จ นี่ทำให้เฉินเจียซิ่งรู้สึกเศร้าใจมากยิ่งขึ้น
จะเห็นได้ว่าทั้งครอบครัวกำลังรอ ‘ความสำเร็จ’ จากเขาอยู่
การแต่งงานครั้งนี้พังพินาศไม่มีชิ้นดี จนทั้งครอบครัวแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะเห็นพวกเขาเลิกรากัน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ขอให้หย่ากันสำเร็จด้วยเถอะ หากเจียซิ่งยังยืนกรานจะหย่าอยู่ แผนของยัยถังก็จะล่มตั้งแต่ยังไม่คลอด
ไหหม่า(海馬)