ตอนที่ 243 แผนการซื่อสัตย์และความภักดีของพ่อบ้านเฟิง (3)
นางมีทฤษฎี จะให้ปฏิบัติจริงเลยก็ย่อมได้ แม้จะไม่ได้เป็นนักบัญชีมืออาชีพ แต่มีความสามารถระดับนักบัญชีมืออาชีพแน่นอน แม้ตอนนี้นางยังไม่สามารถแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ รู้สถานการณ์ภายในไม่มาก แม้จะเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ แต่ก็ต้องใช้ประโยชน์ไปก่อน รอให้รู้สถานการณ์แน่ชัดแล้ว หาคนมาแทนได้แล้วค่อยลงมือ
มั่วเชียนเสวี่ยซ่อนการดูหมิ่นเอาไว้ในใจ แล้วกล่าวเสียงค่อย “เช่นนั้นตามความเห็นของพ่อบ้านเฟิง สมุดบัญชีเหล่านี้ข้าควรใช้เวลาตรวจสอบนานเท่าใด”ท่ าทางของนางดูไม่กดดันผู้อื่นเหมือนยามปกติ แถมยังดูถ่อมตนอีกด้วย
ท่าทางของพ่อบ้านเฟิงดูลำบากใจมากกว่าเมื่อครู่นี้ “คุณหนูใหญ่ ภายในสิบวันตรวจสอบบัญชีเหล่านี้ให้เสร็จจะดีที่สุดขอรับ ช่วงกลางเดือนจนถึงปลายเดือนจะมีการชำระบัญชี ตอนนั้นนักบัญชีต้องใช้บัญชีเหล่านี้ขอรับ…”
สิบวัน? หากเป็นเด็กสาวที่ไม่ประสีประสาอะไรคนนั้นก็คงจะถูกเขาหลอกแล้ว เพียงแค่นางคืนบัญชีเหล่านี้ให้แก่เขา เช่นนั้นก็เป็นการยืนยันว่านางยอมรับการคิดบัญชีของเขา
มั่วเชียนเสวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าจะใคร่ครวญดีแล้ว จึงได้กล่าวอย่างจริงจัง “เช่นนั้นสิบวันให้หลังท่านก็ส่งคนมาเอาบัญชีกลับไปได้เลย ข้าจะต้องตรวจสอบเสร็จได้ภายในสิบวัน”
ดวงตาของพ่อบ้านเฟิงเปล่งประกายอย่างมีความสุข แต่ใบหน้ากลับดูกังวล “เป็นเพราะเฟิงต๋าจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีทำให้คุณหนูใหญ่ต้องลำบาก ต้องมีการตรวจสอบและบันทึกบัญชีทุกสิ้นเดือน กฎนี้มิอาจละเลยได้”
เอากฎมากดดันนาง ช่างน่าขันเสียจริง! นางคือเจ้านาย บ่าวเลวรังแกเจ้านาย แล้วจะพูดถึงกฎไปเพื่ออะไร
“เช่นนั้น พ่อบ้านเฟิงรายงานสถานการณ์ของกิจการเหล่านี้ให้ข้าฟังก่อนเถิด ให้ข้าพอได้รู้เรื่องอะไรบ้าง จะได้ตรวจสอบบัญชีเหล่านั้นได้รวดเร็วหน่อย”
“ขอรับ คุณหนูใหญ่”
เฟิงต๋าจึงเริ่มอธิบายสถานการณ์ของกิจการทีละเรื่อง
กิจการส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวงและมีบางแห่งที่อยู่ในเขตชานเมือง มีหมู่บ้าน มีที่นา มีพื้นที่ขายของ กิจการเหล่านี้ มีทั้งที่เป็นเงินสินเดิมของฮูหยินกั๋วกง และที่ฝ่าบาททรงประทานให้เป็นรางวัลแก่กั๋วกง
พื้นที่ขายของมีร้านอาหาร ร้านผ้าแพรต่วน และมีร้านขายของโบราณอีกด้วย พูดได้ว่านางคือเศรษฐีนีที่ร่ำรวยเงินทองคนหนึ่งเลยทีเดียว ยิ่งเฟิงต๋าสาธยายความมั่งคั่งมากเพียงใด ใจของมั่วเชียนเสวี่ยจมดิ่งสู่หุบเขาลึกเท่านั้น
พ่อบ้านมั่วและมั่วเหนียงที่ฟังเขาเล่าอยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้ว มีความกังวลซ่อนอยู่ในนั้นมากยิ่งขึ้น แต่ว่า เจ้านายยังไม่พูดอะไร พวกเขาจะมีสิทธิ์อะไรไปเอ่ยถามเล่า
ค่าใช้จ่ายในจวนกั๋วกง ล้วนเป็นพ่อบ้านเฟิงที่รวบรวมรายได้จากกิจการร้านค้าส่งมาให้ทุกเดือน และเบี้ยหวัดของจวนกั๋วกง ตระกูลมั่วก็ล้วนมาเอาไปโดยตลอด ท่านกั๋วกงและฮูหยินไม่สนใจ เหตุผลก็คือ ท่านกั๋งกงไม่มีอนุภรรยา และไม่ได้มีบุตรหลายคน ทั้งยังต้องไปออกรบอยู่บ่อยครั้ง ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมาก
คิดว่าใช้เงินแลกกับความสงบสุขได้ ก็ไม่มีปัญหา ทว่าตอนนี้พอได้ฟังพ่อบ้านเฟิงผู้นี้รายงาน ก็เพิ่งรู้ว่า ตอนนี้เรื่องของจวนกั๋วกงนั้นคลุมเครือมาก ขนาดเงินที่ควรจะได้รับตามปกติของเดือนที่แล้วก็เป็นเขาที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากนำกลับมา
เขานี่ช่างร้ายกาจจริงๆ ห้าปีมานี้ ร้านอาหารเหล่านั้น ร้านผ้าแพรต่วน ร้ายขายของโบราณ หลักๆ แล้วทุกเดือนรายได้ล้วนไม่พอกับรายจ่าย ยากที่สองสามเดือนจะทำกำไรได้ และต้องเอาไปชดหนี้สินของเดือนที่แล้วด้วย
ที่ดินในหมู่บ้านก็ดี ได้ยินว่ามีสองที่ที่ว่างอยู่ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถสร้างได้ได้แล้ว ยังต้องรับผิดชอบค่าจ้างคนงานข้างในอีก
ส่วนสวนไร่นานั่นก็บังเอิญเหลือเกิน สองปีแรกยังพอว่า ปีที่สามมีศัตรูพืช พืชผลเสียหายทั้งหมด ปีที่สี่เกิดภัยแล้งอีก ส่วนปีที่ห้าก็เหมือนปีที่แล้วได้รับพืชผลเล็กน้อย
เกินไปแล้ว! ทำอย่างกับนางไม่เคยพบเจอเรื่องเหล่านี้มาก่อน ปล่อยให้เขาหลอก มองนางเป็นเด็กสาวที่โง่เขลาสินะ
มั่วเชียนเสวี่ยนคิดเท่าใดคิดก็คิดไม่ถึงเลยว่าจวนกั๋วกงในตอนนี้จะถูกคนฉกฉวยเงินไปถึงขนาดนี้เลย นางกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “หมายความว่า กิจการมากมายที่มีอยู่ในเมืองหลวง สามารถช่วยรายจ่ายในแต่ละวันของจวนกั๋วกงได้เท่านั้น หรือว่าสถานการณ์เกิดจากการที่จวนกั๋วกงไม่มีเจ้านาย”
ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนี้ก็คือ พอไม่มีเจ้านายจวนกั๋วกงก็ขาดแคลนเงินสนับสนุน ตอนนี้นางมาแล้ว พ่อบ้านเฟิงผู้นี้จะให้นางไม่มีอันจะกินใช่หรือไม่ ความจริงนางก็อยากจะฟังว่าเขาจะตอบกลับอย่างไร จะดูใจของคนผู้นี้ ว่าจะดำได้ถึงระดับไหน
หากฮูหยินกั๋วกงอยู่ เขาคงไม่กล้านำบัญชีมาที่นี่เป็นแน่ คิดว่าเขาเพิ่งจะคิดทำเรื่องชั่วร้ายเมื่อครึ่งปีมานี้
พ่อบ้านเฟิงดูวิตกกังวลในทันที “ต้องโทษที่เฟิงต๋าไร้ความสามารถ ไม่ได้ดูแลกิจการเหล่านี้ให้ดี คุณหนูได้โปรดลงโทษ สองสามวันมานี้เฟิงต๋าก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน อยากจะปรึกษาหารือกับคุณหนู ว่าควรจะขายหมู่บ้านไปสักสองสามแห่งหรือที่นาพวกนั้นไปก่อนหรือไม่เพื่อจะนำเงินมาช่วยคุณหนูในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้”
“ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยังไม่รีบร้อน เฟิงต๋าจะรวบรวมอีกครั้ง หาหนทางกอบกู้กิจการสักหน่อย อย่างไรก็ตามจวนกั๋วกงจะได้รับเงินสนับสนุนก็ในสามปีให้หลัง ค่อยช่วยคุณหนูรวบรวมสินเดิมก็ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”
หมายความว่า สามปีให้หลังจวนกั๋วกงก็จะได้รับเบี้ยหวัด ถึงเวลานั้นนางก็แต่งงานแล้ว มีหรือไม่มีกิจการเหล่านี้ก็ไม่มีปัญหา
ใบหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยแลดูเหยียดหยัน “เช่นนั้นข้าควรจะขอบคุณพ่อบ้านเฟิงใช่หรือไม่ ที่ลำบากแรงกายแรงใจถึงเพียงนี้” ในเมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเขาอีกต่อไป
ยังจะขายหมู่บ้านและที่นาซึ่งเป็นกิจการที่สามารถทำกำไรได้ไม่ขาดทุนอย่างแน่นอนไป คิดว่านางคือคนโง่ที่ตามเขาไม่ทันหรืออย่างไร คนผู้นี้…นางหมดคำพูดแล้วจริงๆ ทำเป็นจงรักภักดี ทั้งยังทำท่าวิตกกังวล ทำให้คนไม่แคลงใจในความภักดีของเขาในขณะเดียวกันก็ให้อภัยเขา
แสดงละครได้เก่งจริงๆ!
เหมือนว่าพ่อบ้านเฟิงจะฟังไม่ออกถึงความนัยในคำพูดของนาง จึงเอ่ยตอบ “นี่คือสิ่งที่เฟิงต๋าควรทำ จะไปกล้ารับคำขอบคุณของคุณหนูได้อย่างไรขอรับ”
มั่วเชียนเสวี่ยคิดว่าไม่จำเป็นต้องพูดกับเขาอีกต่อไป “ออกไปเถิด ข้าจะตรวจสอบบัญชีก่อน ถึงจะตัดสินใจได้ว่าจะขายกิจการเหล่านั้นไปก่อนดีหรือไม่”
พ่อบ้านเฟิงยังคงโค้งคำนับอย่างสุภาพพลางกล่าว “เช่นนั้น…เฟิงต๋าขอลาก่อน คุณหนูใหญ่มีอะไรไม่เข้าใจสามารถถามเฟิงต๋าได้ทุกเมื่อ”
“พ่อบ้านมั่วไปส่งพ่อบ้านเฟิงแทนข้าด้วย”
พ่อบ้านมั่วมีคำพูดอยู่ในใจเป็นพันๆ คำ จ้องมองพ่อบ้านเฟิงตาเขม็ง ค่อนข้างจะไม่พอใจกับการจัดการของมั่วเชียนเสวี่ย แต่ก็ต้องระงับสีหน้าที่โกรธเคืองเอาไว้ พลางกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเฉย “พ่อบ้านเฟิง เชิญ”
“ลำบากพ่อบ้านมั่วแล้ว”
ผู้จัดการกิจการร้านค้าเจ็ดแปดคนนั้นเมื่อเห็นว่าพ่อบ้านเฟิงลากลับไปแล้ว ทุกคนก็ล้วนคำนับแล้วถอยออกไปเช่นกัน
พอคนเหล่านี้ไป ในห้องโถงก็เหลือเพียงมั่วเชียนเสวี่ย มั่วเหนียงและชูอี
มั่วเชียนเสวี่ยจิบชาโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย แต่คนที่วิตกกังวลก็คือมั่วเหนียง “คุณหนูเจ้าคะ ต่อไปจะทำเยี่ยงไรดี พ่อบ้านเฟิงผู้นี้ เป็นคนที่ไม่ได้ความ ตอนที่ฮูหยินอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดีอย่างเห็นได้ชัด ร้านค้าก็ค้าขายได้กำไร สวนไร่นาก็ให้ผลผลิตดี พอนางจากไปเห็นว่าเขาจัดการงานต่างๆ ได้อย่างซื่อสัตย์ ก็เลยเอาสัญญาขายตัวคืนให้เขา พูดย้ำให้เขาจัดการเรื่องต่างๆ ให้ดี ต่อไปภายภาคหน้าลูกๆ จะได้มีอนาคตที่ดี นึกไม่ถึงเลยว่า เขาจะ…”
มั่วเหนียงกล่าวอย่างโมโหมาก นางทุกข์ใจและค่อนข้างจะเป็นกังวลจริงๆ! หากในจวนไม่มีเงินจริงๆ แล้วคุณหนูจะทำเยี่ยงไร ตระกูลหนิงคือสุดยอดตระกูลขุนนาง คุณหนูตกต่ำเช่นนี้ ถึงเวลานั้นผ่านประตูไป จะสามารถต่อปากต่อคำ จัดการพวกพี่สะใภ้น้องสะใภ้ ยังมีลูกพี่ลูกน้อง อาสะใภ้…
แต่สิ่งที่มั่วเขียนเสวี่ยคิดกลับว่าในเทียนฉีนี้ พวกลูกศิษย์ลูกหาในบางสำนักยังยากยิ่งจะเจริญรุ่งเรืองได้ นับประสาอะไรกับพวกข้าทาสเล่า ตรงกันข้าม ในจวนใหญ่ บ่าวบางคนหากงานอย่างดี มีบ่าวรับใช้จำนวนไม่น้อยเลยที่ได้รับความโปรดปรานและได้สัญญาขายตัวกลับคืนไป