บทที่ 231 ที่ดินสี่ร้อยไร่

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 231 ที่ดินสี่ร้อยไร่

บทที่ 231 ที่ดินสี่ร้อยไร่

สร้างโรงเรียน!

รับเลี้ยงเด็กเร่ร่อน!

ต่อให้จะต้องใช้เงินมากแค่ไหน โจวอี้ก็อยากสร้างบ้านที่อบอุ่นเพื่อให้เด็กเร่ร่อนทั้งหลายได้อยู่อย่างสุขสบาย

โจวอี้ดูไม่ตื่นเต้นเท่ากับหวงไห่เทาเท่าไหร่นัก เขายืนนิ่งราวกับว่าไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับยาต้มอี้เฉินมากมายหลายขวดที่เขาเพิ่งทำออกมา สมองของเขาเอาแต่คิดเรื่องการสร้างโรงเรียน

ทว่า…ตอนเด็ก ๆ เขาไม่เคยไปเรียนที่โรงเรียน ดังนั้นแม้จะคิดจนสมองแทบระเบิด เขาก็ยังคิดอะไรดี ๆ ไม่ออก

“เหล่าหวง ผมจะสร้างโรงเรียน คุณช่วยให้คำแนะนำหน่อยได้ไหม” โจวอี้จุดบุหรี่และแสดงสีหน้าจริงจัง

“จริงจัง?” หวงไห่เทาตะลึงเล็กน้อย

ก่อนหนานี้เขาได้ยินโจวอี้เปรย ๆ ไว้แล้วว่าจะสร้างโรงเรียนเพื่อรับเลี้ยงเด็กเร่ร่อน แต่เขาไม่คิดว่าโจวอี้จะทำจริง

“ใช่” โจวอี้พยักหน้า

“นี่…คุณกำลังจะทำอะไร? คุณหาเงินได้ตั้งมากมาย ควรมีความสุขกับชีวิตสิ หรือถ้าต้องการทำการกุศล ก็แค่บริจาคเงินให้กับมูลนิธิช่วยเหลือสังคม สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานพยาบาล หรือบริจาคเงินให้กับพื้นที่ประสบภัยก็ได้ มันง่ายกว่าการที่จะต้องมาสร้างด้วยตัวเอง” รอยยิ้มของหวงไห่เทาหายไป

“ผมแค่อยากใช้กำลังของตัวเองเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของคนบางคน ทำในสิ่งที่ผมทำได้ และให้เด็กเร่ร่อนเหล่านั้นมีบ้าน ส่วนการบริจาคเพื่อการกุศล ถ้าผมมีเงินเหลือและไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้อะไรอีก ผมก็จะทำมันด้วย”

“ก็ได้!”

หวงไห่เทาพยักหน้ารับบุหรี่ที่โจวอี้ส่งให้และจุดมันสูบ จากนั้นจึงพูดว่า “การก่อตั้งโรงเรียน ก่อนอื่นต้องมีที่ดินและอาคาร และสถานที่ที่ให้เด็ก ๆ พักอยู่อาศัย”

“ถ้างั้นก็ซื้อที่ดินแล้วก็สร้างอาคาร”

“แล้วอยากจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ล่ะ” หวงไห่เทาถาม

“ตอนนี้ผมมีเงินมากกว่าสามพันล้านหยวนอยู่ในมือ และถ้าขายยาต้มอี้เฉินได้ ผมจะมีเงินเพิ่มมาอีก” โจวอี้ยิ้ม จากนั้นเขาก็จับมือหวงไห่เทาไว้และพูดว่า “แต่ปัญหาคือ ผมไม่รู้ว่าจะก่อตั้งโรงเรียนยังไง และจะต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ในการทำทุกอย่างให้เสร็จ คุณช่วยแนะนำผมหน่อยได้ไหม”

“งั้นบอกมาก่อนว่าจะรับเด็กเร่ร่อนกี่คน”

“ไม่รู้สิ แต่ยิ่งมากก็ยิ่งดี”

“คุณ…” หวงไห่เทาพูดไม่ออก

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า “งั้นให้ผมช่วยหาที่ดินก่อน! เอ๊ะ เดี๋ยวนะ…ดูเหมือนจะมีที่ดินประกาศขายเมื่อเร็ว ๆ นี้อยู่นะ”

“ใหญ่แค่ไหน? ราคาเท่าไหร่?”

“ประมาณสี่ร้อยไร่ ราคาไม่ชัดเจน เพราะที่ดินนี้เป็นของหยางกรุ๊ป และมันจะถูกนำไปประมูลในงานประมูลในอีกไม่กี่วัน เท่าที่ผมรู้ มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งพร้อมที่จะเข้าร่วมการประมูลนี้ รวมถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ในประเทศด้วย ถ้าคุณต้องการประมูล คุณคงต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก”

“ผมจะเข้าร่วมการประมูล” โจวอี้พูดอย่างหนักแน่น

“ไม่กังวลเรื่องของทำเลว่ามันจะไม่ดีเลยเหรอ? จะไม่ลองไปตรวจสอบหน่อยรึไง?” หวงไห่เทายิ้ม

“มันอยู่ที่ไหนล่ะ?”

“ที่ตีนเขาหลี่ซาน ใกล้กับภูเขาหนิวโส่ว”

“ผมจะลองไปดู”

โจวอี้พบที่ตั้งของภูเขาหลี่ซานอย่างรวดเร็วผ่านการค้นหาในอินเทอร์เน็ต มันตั้งอยู่อีกฝั่งของเขตหนิงเจียง ที่ดินนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ห่างไกลตัวเมืองเล็กน้อย

แต่เขาชอบทำเลแบบนี้

มีทั้งภูเขาและแม่น้ำ การตั้งโรงเรียนอยู่ที่ตีนเขาย่อมเป็นเรื่องที่ดี เพราะภูเขาเป็นสถานที่ที่เหมาะจะให้เด็ก ๆ ออกกำลังกาย!

“ว่าแต่ คุณบอกว่าที่ดินนี้เป็นของหยางกรุ๊ป พวกเขาจะขายมันทำไมถ้ามันดี?” โจวอี้ถาม

“ขาดเงินไง! เร็ว ๆ นี้หยางกรุ๊ปเพิ่งเริ่มโปรเจกต์ใหญ่ ตอนนี้ก็เลยพยายามอย่างหนักที่จะเปลี่ยนทรัพย์สินเป็นเงินสด ที่ดินที่ไม่ได้ใช้งานมาเกือบสองปีและไม่มีเวลาพัฒนา หยางเซี่ยวหางก็เลยตัดสินใจขายมัน” หวงไห่เทาหัวเราะ

“หยางเซี่ยวหาง สามีของจางซิ่วจือ?” โจวอี้ถามพลางขมวดคิ้ว

“ใช่!”

โจวอี้โยนก้นบุหรี่ทิ้งและพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเราไม่ได้เจอพี่สะใภ้ของผมมาพักหนึ่งแล้ว ทำไมเราไม่ไปเจอเธอสักหน่อยล่ะ?”

“ไอ้วายร้าย! คิดจะเข้าทางประตูหลังสินะ” หวงไห่เทายิ้ม

“ครับ เพราะคนกันเอง การเจรจาย่อมง่ายกว่า!”

จินหลิง

ภายในคฤหาสน์ตระกูลหยาง หยางเซี่ยวหางและจางซิ่วจือกำลังรับประทานอาหารเย็น ในขณะที่เลขาชายและหญิงของเขากำลังอ่านรายงาน

ช่วงนี้หยางเซี่ยวหางยุ่งมาก

การลงทุนโครงการสำคัญที่เขาเข้าร่วมนั้นมีมูลค่าระดับหลายหมื่นล้าน หากลงทุนสำเร็จ รายได้ก็คงจะมหาศาล และผลประโยชน์จะเข้ามามากมาย อาจกล่าวได้ว่านี่คือการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดของหยางกรุ๊ปในอีกสามปีข้างหน้า

ในทางกลับกัน จางซิ่วจือค่อนข้างว่าง

เพราะเธอจ้าง CEO ฝีมือดีมาบริหารบริษัทแทน ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องทำอะไรมาก ทำแค่การตัดสินใจในประเด็นสำคัญเท่านั้น

กริ๊ง

จางซิ่วจือมองโทรศัพท์มือถือของเธอและหันไปมองสามีของเธอ

หยางเซี่ยวหางยกมือขึ้นขัดจังหวะการรายงานของเลขา เขายิ้มและพูดกับภรรยาว่า “เอาเลย!”

จางซิ่วจือคีบหมูสันในเปรี้ยวหวานชิ้นหนึ่งใส่ปากสามีของเธอ จากนั้นเธอก็รับสายด้วยรอยยิ้ม “ไห่เทา มันไม่ง่ายเลยนะเนี่ยที่จะได้รับสายจากนาย ช่วงนี้ยังใช้ชีวิตสนุกอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า?”

“พี่สะใภ้ อย่าพูดแบบนี้สิ ผมคิดถึงพี่สะใภ้ทุกวันแหละน่า!”

“ทำไมฉันถึงไม่ค่อยเชื่อคำพูดหวาน ๆ ของนายเลยนะ ไหนบอกมาซิ มีอะไรถึงได้โทรมา?” จางซิ่วจือถามด้วยรอยยิ้ม

“ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ โจวอี้มีบางอย่างอยากจะทำ พี่สะใภ้มีเวลาให้เขาพาไปกินข้าวเย็นรึเปล่า?”

“โจวอี้? จะพาฉันไปทานอาหารเย็น?” จางซิ่วจือตกตะลึง ก่อนจะหันไปหาหยางเซี่ยวหางและพบว่าสามีของเธอพยักหน้าให้

“ใช่! เขาต้องการใช้เส้นสายของพี่สะใภ้เพื่อทำอะไรสักอย่าง เดี๋ยวพี่ก็รู้เอง” หวงไห่เทาหัวเราะ

“ตกลง! ฉันมีเวลา แต่บอกฉันล่วงหน้าได้ไหมว่าโจวอี้ต้องการทำอะไร”

“เขาสนใจที่ดินที่ตีนเขาหลี่ชานน่ะ”

“หลี่ซาน? ที่ดินผืนนั้น?” จางซิ่วจือทวนซ้ำแล้วกะพริบตามองไปที่สามีของเธอ

ทันใดนั้น

หยางเซี่ยวหางเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์ไปและพูดแทน “ไห่เทา ฉันคือหยางเซี่ยวหาง โจวอี้ต้องการซื้อที่ดินตรงตีนเขาหลี่ซานงั้นเหรอ”

“ใช่ แต่เขารู้แล้วว่าพี่หยางกำลังจะนำที่ดินออกประมูล ก็เลยอยากได้สิทธิ์ในการประมูลด้วย พี่หยางจะทำยังไง?”

“ตอนนี้อยู่ด้วยกันไหม”

“อยู่!”

“มากินข้าวกันเถอะ! ฉันยุ่งทั้งวันเลยแล้วก็ยังไม่ได้กินอะไร!” หยางเซี่ยวหางโกหกอย่างโจ่งแจ้ง

“น่าเสียดายที่ตอนนี้ผมไม่มีเวลา แต่โจวอี้ว่างมาก บอกที่อยู่ของพี่มา แล้วผมจะให้เขาไปหาพี่หยาง”

“มาที่บ้านของฉันเลย!”

“ตกลง”

เมื่อวางสายแล้ว หยางเซี่ยวหางก็ยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้ภรรยา

“คุณให้โจวอี้ มาที่บ้านคุณเหรอ? คุณไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาที่บ้านคุณไม่ใช่เหรอ?” จางซิ่วจือถาม

“เขาไม่เหมือนคนอื่น”

“ยังไง?”

หยางเซี่ยวหางโบกมือให้เลขาทั้งสองเพื่อบอกให้พวกเขาออกไป จากนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น “โจวอี้เป็นศิษย์ของสำนักโอสถ”

“ฉันรู้!”

“คุณรู้ไหมว่าล่าสุดเขาทำอะไรลงไป?” หยางเซี่ยวหางถาม

“ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้เจอเขามาพักหนึ่งแล้ว”

หยางเซี่ยวหางยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะพูดว่า “เจิ้งเทียนเหอตายแล้ว ภรรยาของเขาก็ด้วย”

“ว่ากันว่าฮวงฟู่จินซุนที่เพิ่งรับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนใหม่ เมื่อไม่กี่วันก่อนเคยมาที่เมืองจินหลิง แต่หลังจากกลับไปที่ตระกูล วันถัดมาตระกูลฮวงฟู่ก็เต็มไปด้วยพู่สีขาวมากมายและมีคนตายนับไม่ถ้วน”

“และเมื่อสองวันก่อน หยางเทียนเจิ้นและลูกชายของเขาก็ตายคาบ้านตระกูลหยางในเมืองซือซี”

“…ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับโจวอี้”