บทที่ 211 การลงโทษหานแส

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 211 การลงโทษหานแส

“หยู่ หยู่อัน เจ้า นี่เจ้าจะทำสิ่งใด?”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหนังสือทำเนียบบรรพชนอยู่แห่งใด?”

“เจ้าถามเรื่องนี้ทำ ทำไม?” เจี่ยนหมิงกลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าเขาถาม ฮัวหยู่อันก็โน้มตัวไปข้างหน้า พร้อมกับขยับปากไปยังข้างหูของเจี่ยนหมิง พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ จนทำให้เขารู้สึกคอแห้งผาก

“เจ้าบอกข้าเถิดว่าหนังสือทำเนียบบรรพชนอยู่แห่งใด!”

แล้วเจี่ยนหมิงจะทนต่อท่าทางเช่นนี้ของฮัวหยู่อันได้อย่างไร เขาจึงรีบบอกในสิ่งที่รู้ออกมา

“อยู่ อยู่ในห้องของผู้อาวุโสใหญ่”

“อ๋อ!”

เมื่อได้คำตอบ ฮัวหยู่อันก็รีบกลับดึงตัวขึ้นมาทำตัวตามปกติ จากนั้นก็มองไปยังหลานเยาเยาอย่างจงใจ ด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาราวกับจะพูดว่า ข้าสุดยอดไหมเล่า!

เหลือไว้เพียงเจี่ยนหมิงที่กำลังยืนนิ่งอึ้งอยู่………

——

พอถึงยามพรบค่ำ

หลานเยาเยาที่อยู่ในห้อง กำลังนั่งจ้องมองไปยังผ้าพันแผล ยาและน้ำเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยหน้าตานิ่งสงบ

ยาเหล่านี้นางได้พัฒนาขึ้นตามอาการของผู้ที่โดนมนต์ดำ โดยด้านในตัวยามีเลือดของนางผสมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก

นี่เป็นยาที่จะเปลี่ยนให้กับเย่แจ๋หยิ่ง นางอยู่เช่นนี้รอจนเขามาถึง

คืนนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พบหน้าเขาหลังจากที่ได้เลิกรากัน ในใจทั้งรู้สึกซับซ้อน และรู้สึกค่อนข้างประหม่าไม่น้อย

“ก็อกๆๆ…..”

“เยาเยา ข้าเอง”เสียงทุ้มต่ำดังเข้ามาจากด้านนอก

คือเขา! เย่แจ๋หยิ่งมาแล้ว

“เข้ามาเถิด!”

นางหายใจเข้าอย่างลึกๆ พลันบอกกับตัวเองในใจอย่างเงียบว่าให้มองเขาเป็นเพียงสหายธรรมดาๆคนหนึ่งก็พอ

เย่แจ๋หยิ่งผลักประตูเข้ามา แล้วก้าวเท้าเดินมาอย่างไม่เร็วไม่ช้า แล้วเสียงนั้นก็เข้าใกล้นางมาเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็นั่งลงยังที่นั่งข้างๆนาง

ทันใดนั้นนางที่ไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้าอย่างไร จึงทำเพียงกระแอมออกมาเบาๆ แล้วนางก็ลุกขึ้น มาสั่งโดยที่ไม่สบตากับเขาโดยตรง

“ยื่นมือออกมา”

“อืม!”

เย่แจ๋หยิ่งยื่นมือที่มือที่มีแผลออกมาให้นางทำแผลอย่างว่าง่าย

หลังจากทำแผลที่มือเสร็จ หลานเยาเยาก็ขยับมือไปแก้เสื้อของเขาออก ถึงแม้ว่าเรื่องเช่นนี้นางจะ เคยเจอมาแล้วหลายครั้งหลายครา แต่ว่าในครั้งนี้กลับรู้สึกไม่เหมือนกันจริงๆ

เย่แจ๋หยิ่งในตอนนี้ไม่สามารถที่จะจ้องมองนางได้อย่างแต่ก่อน และยิ่งไม่สามารถที่จะแสดงสีหน้าอะไรออกมาได้มากนัก

แล้วนางก็ถอดเสื้อคลุมของเขาออกอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ทำการฆ่าเชื้อบนแผลที่เป็นหนองใหม่อีกครั้ง แล้วถึงได้พันแผลให้เขา การเคลื่อนไหวของนางนั้นไม่ได้เร่งรีบและไม่ช้ามาก ดังเช่นปกติ

หลังจากที่ทำแผลทั้งหมดจนเสร็จ นางจึงได้สะบัดมือ พร้อมกับกล่าวออกมาอย่างโล่งอก

“เสร็จแล้ว!”

“ขอบใจยิ่งนัก!”

เมื่อได้ยินคำกล่าวขอบคุณจากเขา หัวใจของหลานเยาเยาก็วูบวาบทันทีพร้อมกับมุมปากที่กระตุกขึ้น ก่อนที่จะพยักหน้ารับ

“แค่เพียงทุกวันมาเปลี่ยนให้ตรงเวลาก็พอแล้ว”

“อืม!”

เย่แจ๋หยิ่งก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินจากไป

พอเดินมาถึงประตู อยู่ๆเขาก็หยุดเท้า พลางหันหน้ากลับไปมองนาง

“คืนนี้เจ้าต้องออกไปงั้นรึ?”

ถ้าหากเป็นแต่ก่อน เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเขา นางก็คงจะพูดนุ่นนั่นนี่กับเขามากมาย แต่ตอนนี้นางกลับทำเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

“อืม”

เย่แจ๋หยิ่งทำท่าราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาก็บินจาก ไป

แล้วหลานเยาเยาที่อยู่ในห้องก็ยกมือขึ้นของตัวเองขึ้นมาดูอย่างเงียบๆ โดยความจดจ่อ

บนมือยังคงเหลือความอบอุ่นบนร่างกายของเขาที่เพิ่งจับมาเมื่อสักครู่นี้

ทันใดนั้น!

เสียงอันทรงเสน่ห์แต่กลับน่ารังเกียจของหานแสก็ดังแทรกขึ้นมา

“สภาพเช่นนี้ของเจ้า…….แน่ใจหรือว่าอีกสักครู่จะออกไปกับข้า?”

หลานเยาเยาดึงสติกลับมา พร้อมกับปกปิดอารมณ์เมื่อสักครู่นี้ทันที

“ทำไม กลัวข้าจะเป็นตัวถ่วงเช่นนั้นรึ?” ถ้าเกิดนางเป็นตัวถ่วงขาเขาจริงๆ นางก็จะดึงกางเกงของ เขาเสียด้วยเลย

ไม่รอให้หานแสตอบกลับ นางก็พูดต่อ

“ชาวหยินไห่ดูมีความลับมากมายขนาดนั้น ข้าว่าไม่แน่ในหนังสือทำเนียบบรรพชนอาได้พบกับ ยาต้นกำเนิดก็เป็นได้”

“ฮื้ม!”

เห็นได้ชัดเลยว่าหานแสไม่เชื่อคำพูดจาเหลวไหลของนาง แต่กลับกล่าวเตือนสตินาง

“แผลบนตัวข้าเองก็ต้องทำแผลใหม่แล้วเช่นกัน”

หลานเยาเยานอกจากจะเป็นห่วงเป็นใยเกี่ยวกับอาการเจ็บของเย่แจ๋หยิง สำหรับผู้อื่นแล้วนางกลับไม่ใส่ใจ เขาควรจะเตือนนางเสียหน่อย มิเช่นนั้นหากยาบนตัวเขาเน่าเสียแล้วนางก็คงยังไม่รู้

“ยาของเจ้าข้าได้จัดเตรียมเอาไว้บนโต๊ะทุกวัน เจ้าสามารถมาหยิบเองได้ แต่เจ้ากลับไม่มาหยิบไปเอง นี่ยังจะต้องให้ข้านำไปส่งให้อีกงั้นรึ?”

แปลกเสียจริง ไม่กี่วันก่อน หานแสมาทำแผลและรับยาตรงเวลาโดยตลอด เป็นเย่แจ๋หยิ่งที่กลับทำให้นางรู้สึกกังวล

พอมาถึงช่วงนี้ทั้งสองกลับทำเรื่องที่กลับกันจนนางรู้สึกประหลาดใจที่เย่แจ๋หยิ่งมาทำแผลอย่างตรงเวลา ส่วนหานแสนั้นหนึ่งวันกลับสามารถเปลี่ยนยาเพียงหนึ่งครั้ง

“บาดแผลตรงหลังข้างจะทำแผลเองได้อย่างไรเล่า? นี่เจ้าไม่อยากทำแผลให้ข้าแล้วงั้นหรือ?”เขาพูดปนขำขัน หลังจากพูดจบเขาก็ยังจ้องมองการตอบกลับของนางอย่างใจจดใจจ่อ

หลานเยาเยาที่ได้ยิน ก็รู้สึกจะว่าปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้ จึงหันไปสบตากับเขาแล้วค่อยๆพูดออกมาทีละประโยค

“บาดแผลเล็กๆน้อยๆบนตัวเจ้าก็กลายเป็นสะเก็ดจะหมดแล้ว ส่วนวกแผลลึกก็อยู่ด้านหน้า แค่นี้ยังต้องให้ข้าช่วยอีกอย่างนั้นหรือ?”

“ชิ! คิดไม่ถึงว่าแผลของอ๋องเย่จะไม่ได้อยู่ด้านหน้า?” เมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของหลานเยาเยา

หานแสก็ยิ้มออกมาด้วยความชั่วร้าย ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ย

“ผู้ใดเป็นคนกล่าวกันว่าหมอเป็นดั่งบุพการี ที่คอยดูแลผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมกัน?”

“ตัวเจ้าสามารถเปรียบเทียบกับเขา….ได้งั้นรึ?”

เจ้าคนนี้สิ่งใดที่ไม่ควรกล่าวถึงก็ดันเอามากล่าว แล้วยังชอบทำเช่นนี้จนติดเป็นนิสัยไปแล้วด้วย

“เทียบไม่ได้ แต่พวกข้าต่างก็เป็นผู้ป่วย สิ่งที่อยู่ในใจของเจ้ามิจำเป็นต้องแสดงออกมาอย่างชัดเจนเยี่ยงนั้น” เขาเลิกคิ้วใส่นาง พลางวางแขนข้างหนึ่งไว้โต๊ะแล้วเท้าคางตัวเองเอาไว้ด้วยสีหน้าทะเล้น

หบานเยาเยาลูบคิ้ว พลางหายใจเข้าลึกๆด้วยความเอือมระอา

ถ้าหากตอนนี้หานแสเป็นผู้ช่วยที่ดีคนหนึ่ง นางก็คงจะจัดการไล่เขาออกไปแล้ว

“ได้ ข้าจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม”

เช่นนั้นนางจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปอีกฝั่งเพื่อเอายาและผ้าพันแผลของหานแสที่ได้เตรียมไว้แล้ว ในขณะที่กำลังหยิบยานั้น แววตาของนางก็ประกายแสงแห่งความชั่วร้ายขึ้น จากนั้นก็นางก็เติมบางอย่างลงไปในยาที่กำลังจะใช้

ในตอนที่นางถือยากลับมานั้น หานแสได้ถอดเสื้อออกเองเรียบร้อยแล้ว

เขามีแผงอกที่ขาวนวลและแข็งแรง พร้อมทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้องที่มองไม่เห็นแม้แต่ไขมัน ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะบาดแผลใหญ่ๆเล็กๆบนตัวเขา ร่างกายของเขานั้นก็ถือว่าสมบูรณ์แบบอย่างมาก

แต่นางกลับไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพียงแต่ช่วยเขาทำแผลอย่างจริงจังให้เขาดังเช่นเคย

เพิ่งจะทำแผลเสร็จ หานแสยังไม่ทันได้สวมเสื้อ สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เขาเอามือข้างหนึ่งกุมบาดแผลเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็จับโต๊ะไว้แน่น ราวกับว่ากำลังเจ็บปวดอย่างหนัก เดิมทีมุมปากของหลานเยาเยายกขึ้นมาอย่างพอใจ แต่แล้วก็ค่อยพบว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ยาที่นางเพิ่มเข้าไปไม่น่าที่จะทำให้เขาเจ็บได้ถึงเพียงนี้ แต่พอมองดูสีหน้าของเขาแล้วก็ไม่เหมือนว่าเขากำลังโกหก จากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง “ปัง” หานแสก็ลงไปนอนดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดบนพื้นเสียแล้ว

“หานแส เจ้าเป็นอะไรหรือไม่? หานแส…..”

คงไม่ใช่อาการป่วยกำเริบพอดีหรอกนะ!คิ้วของหลานเยาเยายิ่งขมวดหนักขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่นางจะโน้มตัวลงไปจับชีพจรให้เขา

ใครจะรู้ว่า……ทันทีที่มือของนางยื่นออกไปก็ถูกของเรียวยาวของเขาดึงลงไป จนนางล้มลงไปกับพื้น ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็เห็นหานแสยันตัวเองขึ้นไปนั่งกดทับร่างนางไว้เสียแล้ว

“คิดจะสู้กับข้า เจ้ายังอ่อนหัดไปนิด”

หานแสในตอนนี้สีหน้าดูสดใส โดยไม่มีสีหน้าของความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

“สารเลว ปล่อยข้า”

กล้าเล่นกับนาง คิดว่านางชอบใจนักหรือไงกัน?

ในใจของหลานเยาเยาโมโหอย่างหนัก ดวงตาแข็งกระด้าง แล้วทันใดนั้นเข็มเงินก็ปรากฏออกมาในมือของนางแล้วพุ่งเข้าไปหวังจะแทงหัวใจของเขาโดยไม่พูดไม่กล่าวสิ่งใด

แต่แล้ว !หานแสที่รู้อยู่แล้วว่านางจะลงมือ ในตอนที่เข็มเงินของนางยังไม่ทันถึงหัวใจของเขา เขาก็คว้ามือนางเอาไว้ก่อนเสียแล้ว ทั้งยังสะบัดมันทิ้งไปกับพื้นอีก….