บทที่ 246 อย่าลดทอนฤทธิ์ของยา

เด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ราวกับกระโดดออกมาจากภาพวาดปีใหม่ก็มิปาน แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ถืออยู่ในมือนั้นไม่ใช่ปลาหลีตัวอ้วน และสิ่งที่เหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าก็ไม่ใช่ดอกบัวของเจ้าแม่กวนอิม แต่เป็นหนึ่งในห้าอสรพิษ

อย่าว่าแต่เหล่าสนมที่อยู่แต่ในรั้วในวังหลังเลย แม้แต่ฮ่องเต้เซี่ยเจินเองเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบหดเท้ากลับทันที อยากให้รั้วแข็งแรงกว่านี้ อย่าให้สัตว์เดรัจฉานเลือดเย็นที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนั่นพุ่งเข้ามาทำร้ายเขาได้

อาชิงเห็นดังนั้นก็กะพริบตาปริบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมา “พวกเจ้านี่แปลกจริง ๆ ไม่ให้พวกเจ้าเข้ามา พวกเจ้าก็อยากจะเข้า พอให้พวกเจ้าเข้ามา กลับไม่ยอมเข้า”

งูทั้งสองตัว ‘ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ!’

พวกฮ่องเต้เซี่ยเจิน “…”

เจ้าอยากให้พวกเราเข้าไปจริงหรือ! เจ้าเหลือแค่ปล่อยงูมากัดพวกเราเท่านั้นนะ

ความกดดันทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่เจียงเต๋อ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปคุยอีก

อาชิงส่ายหน้า กำลังจะกลับไปกินวุ้นของเขาต่อ เจียงเต๋อก็ชี้ไม้ปัดฝุ่นด้วยมือสั่นเทา “เด็กน้อย เจ้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ?”

ดวงตาของอาชิงกลอกไปมา มือเล็ก ๆ ยกขึ้นเท้าเอว “เจ้าเรียกข้าว่าเด็กน้อยหรือ? ข้าเป็นบรรพบุรุษของเจ้าได้เลยนะ ลองบอกมาสิว่าพวกเจ้ามาทำอะไรกัน?”

เจียงเต๋อมองฮ่องเต้เซี่ยเจินเล็กน้อย “พวกเรามาคารวะไท่ซ่างหวง”

“อ้อ~ เขาเป็นคนไข้ของข้า” อาชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจ้าอย่ามองว่าข้าอายุน้อย ความจริงแล้วข้าอายุร้อยกว่าปีแล้ว”

ซุนหงอคงยังสามารถแปลงร่างได้ไม่มีที่สิ้นสุด เผยหงอคงอย่างเขาก็ทำได้เช่นกัน

เป็นการกำจัดปีศาจเหมือนกัน ไม่มีทางแพ้ซุนหงอคงแน่นอน!

ซูเฟยกลอกตามองบน “เหตุใดเจ้าถึงขี้โกหกเพียงนี้ พ่อแม่ของเจ้าอยู่ที่ใด สั่งสอนลูกเช่นไรกันแน่”

อาชิงถลึงตาใส่ งูทั้งสองตัวจึงเคลื่อนไหวขึ้นมาทันที ก่อนจะพ่นพิษและเลื้อยพันกัน ทำให้คนมองตกใจแทบตาย แต่เด็กคนนั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แม้แต่น้อย

“เจ้าคนธรรมดาสามัญ หรือว่าข้าต้องอธิบายอิทธิฤทธิ์ของข้าให้เจ้าฟังทีละอย่างด้วย? ไท่ซ่างหวงกินยาของข้าเข้าไป จึงได้มีร่างกายแข็งแรง อายุยืนเป็นร้อยปี” อาชิงเอ่ยพลางส่ายหัวไปมา

คนอื่นย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว ทว่านับตั้งแต่โบราณกาลมา ฮ่องเต้พระองค์ใดบ้างที่ไม่อยากมีอายุยืนยาว ปกครองแผ่นดินที่มั่นคง ความคิดของฮ่องเต้เซี่ยเจินในตอนนี้ ไท่ซ่างหวงคงได้พบผู้สูงส่งเข้าให้แล้วจริง ๆ

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็เห็นเจ้าตัวน้อยเมื่อครู่นี้กระโดดมาตรงหน้าเขา ยื่นผิวที่เนียนนุ่มมาหาเขา ก่อนจะใช้มือจิ้มไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ นุ่มนิ่มของตัวเอง

“เจ้าดูหน้าข้า เหมือนคนแก่อายุร้อยปีหรือไม่?”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที ไท่ซ่างหวงไม่พอใจเขาเพียงนี้ หรือว่าจะมีสูตรลับที่สามารถทำให้เป็นอมตะได้จริง ๆ เช่นนั้นฮ่องเต้อย่างเขามิเท่ากับกลายเป็นก้อนหินที่รกหูรกตาหรอกหรือ

ไม่ได้ถูกปลด ก็ต้องสละราชสมบัติ

ดังนั้นไท่ซ่างหวงกับเผยยวนจึงร่วมมือกันอย่างนั้นสินะ!

ฮ่องเต้เซี่ยเจินยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดระแวง เมื่อมองดูเด็กคนนั้นอีกครั้งก็พบว่าช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก เหมือนกับคนในยุทธภพที่เล่นแร่แปรธาตุ เด็กทั่วไปใครเล่าจะเล่นงูกัน?

อาชิงน้อยมองหน้าฮ่องเต้เซี่ยเจิน ในใจก็นึกสงสัย คนผู้นี้คงไม่ได้เชื่อเขาจริง ๆ หรอกกระมัง!

ทว่าตอนนั้นเอง จู่ ๆ ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็เอ่ยขึ้นมา “ยาอายุวัฒนะที่ทำให้เป็นอมตะหน้าตาเป็นเช่นไรหรือ?”

อาชิงล้วงยาเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าที่พกติดกาย “นี่อย่างไรเล่า”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินมองไปยังยาที่มือกลมป้อมล้วงออกมา และถามด้วยความสงสัย “ไท่ซ่างหวงกินยานี้ ร่างกายจึงดีขึ้นอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่กินก็อย่ากิน ไม่เชื่อก็ช่างเถอะ ของแพงจะตายไป” อาชิงหมุนกายเตรียมจะจากไป ฮ่องเต้เซี่ยเจินจึงรีบส่งสัญญาณให้เจียงเต๋อทันที

“ช้าก่อน ผู้สูงส่ง~ ไม่ทราบว่ายานี้ของผู้สูงส่งราคาเท่าใดอย่างนั้นหรือขอรับ?”

เต๋อเฟยอดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาและเอ่ยขึ้น “ฝ่าบาทเพคะ หมู่บ้านนี้ทุกที่ล้วนดูแปลกประหลาด เด็กคนนี้ดูเหมือนคนแก่อายุร้อยปีที่ใดกันเพคะ? อาจจะแค่กำลังหลอกพวกเราอยู่ก็ได้นะเพคะ”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินเองก็รู้ว่าไม่เหมือน แต่หากใช่จริง ๆ เล่า?!

หากว่าไท่ซ่างหวงต้องการบัลลังก์คืนเล่า?

ไม่เช่นนั้นจะอธิบายเรื่องที่ไท่ซ่างหวงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสามเดือน ทว่าตอนนี้เสียงด่ากลับดังกังวานว่าอย่างไร เขาดูเหมือนชายชราที่เจ็บป่วยที่ใดกัน?

ยิ่งไปกว่านั้น ตามที่จางตงไหลบอก ตอนนี้เขาหายดีแล้ว

‘หายดี’ หมายความว่าอย่างไรกัน ทั้ง ๆ ที่โรคนี้ทั้งสำนักหมอหลวงต่างหมดปัญญารักษา

กลับเป็นหลี่ฮองเฮาที่มองดูท่าทางเฉลียวฉลาดของอาชิงน้อย ก่อนจะย่อตัวลงแล้วเอ่ยขึ้น “ไต้ซือเจ้าคะ ในเมื่อพวกเขาไม่เชื่อไต้ซือ ยาวิเศษเช่นนี้ท่านขายให้คนที่มีวาสนาเถอะนะเจ้าคะ”

เมื่อหลี่ฮองเฮาเอ่ยออกมา ทุกคนต่างก็เงียบลง

นางไม่ได้มีนิสัยชอบพูดเล่น เพราะปกติแล้วมักเป็นคนที่จริงจัง และการกระทำเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินที่มีนิสัยขี้ระแวง มั่นใจว่าไท่ซ่างหวงได้ยาอายุวัฒนะมาจริง ๆ

อาชิงน้อยจึงทำท่าทางราวกับปี่เซียะกลืนเงินเหมือนที่ท่านแม่กับพี่หญิงชอบทำ พลางถูยาในมือไปมา ก่อนจะส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมา “เฮ้อ บนโลกนี้คนที่รู้คุณค่าของยา ช่างมีน้อยยิ่งนัก!”

เขาเตรียมที่จะกลับไปกินวุ้นต่อแล้ว

“ช้าก่อน ขอท่านผู้สูงส่งอย่าได้โกรธเคือง เมื่อครู่เป็นข้าที่เสียมารยาทเอง”

เมื่อหันหน้าไปอีกครั้ง ท่าทางของฮ่องเต้เซี่ยเจินนั้นดูนอบน้อมถ่อมตน และเชื่อฟังเป็นอย่างมาก

มือที่สกปรกของอาชิงจิ้มไปที่ยาหนึ่งที

เจียงเต๋อรีบหยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว “ผู้สูงส่ง เท่านี้พอหรือไม่ขอรับ หากไม่พอข้าจะสั่งให้คนไปนำมาอีก”

อาชิงเคยเห็นพี่หญิงนับเงิน และรู้สึกว่าเงินจำนวนนี้น้อยไปหน่อย ตอนนี้ครอบครัวของพวกเขามีคนมากมายที่ต้องเลี้ยงดู!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าตัวเล็กก็หันหน้าหนีทันที

คิดว่าขี้ไก่ขี้เป็ดนี้ของเขาปั้นง่ายหรืออย่างไร? นี่ก็ต้องผ่านหลายกระบวนการเลยนะจะบอกให้

ซูเฟยเห็นท่าทางเช่นนั้น หรือเจ้าเด็กคนนี้จะเป็นคนแก่อายุร้อยปีจริง ๆ หากเป็นเช่นนั้นไม่เท่ากับว่า นางจะสามารถคงความสาวเช่นนี้ได้ตลอดไปหรอกหรือ?

ดูผิวพรรณนั้นสิ ไม่มีริ้วรอยใด ๆ แม้แต่น้อย

ยาดีเช่นนี้แต่กลับให้เงินเพียงเล็กน้อย เจียงเต๋อจึงสั่งคนให้กลับไปเอามาเพิ่มอีก

อาชิงเองก็ไม่รีบร้อน เขานั่งอยู่บนชิงช้าที่หน้าประตู ขาสั้น ๆ ทั้งสองข้างแกว่งไปมากลางอากาศ ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็หรี่ตาลงลอบสำรวจเขาเช่นนั้น

ภายในเรือน อาอินชะโงกหัวออกมามอง “ท่านป้า อาชิงพูดจาเลอะเทอะเช่นนี้ พวกเขาจะเชื่อหรือเจ้าคะ?”

องค์หญิงใหญ่เอนกายพิงหมอนนุ่ม และเอ่ยอย่างราบเรียบออกมา “คนที่จิตใจเต็มไปด้วยแผนชั่วร้าย เวลาทำอะไรย่อมคิดมากกว่าคนอื่นมาก สิ่งที่คนอื่นไม่แน่ว่าจะเชื่อ แต่เขากลับเชื่อไปแล้วห้าถึงหกส่วน”

ต้องบอกว่าสมองของอาชิงน้อยปราดเปรื่องไม่น้อย หากบอกว่ายานี้สามารถรักษาอาการปวดหัวหรือโรคหัวใจได้ ไม่แน่ว่าจะทำให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินหวั่นไหวได้หรือไม่ แต่คนแก่อายุร้อยปีที่เป็นอมตะ เรื่องนี้เท่ากับเหยียบลงบนกลางกระหม่อมของเขาเลยทีเดียว

แค่มองดูเฉย ๆ ก็สามารถทำให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินตกใจจนอายุสั้นลงได้แล้ว

การเคลื่อนไหวนอกเรือนย่อมไม่ส่งผลกระทบกับคนในเรือน

คนของเจียงเต๋อวิ่งมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขนหีบสมบัติหนึ่งหีบมาด้วย ภายใต้แสงอาทิตย์แค่หยิบสร้อยไข่มุกเล็ก ๆ เส้นหนึ่งออกมา ก็เจิดจ้าจนแสบตาแล้ว

“ผู้สูงส่งโปรดดูนี่ขอรับ”

อาชิงวิ่งเข้ามากวาดตามอง จากนั้นก็หยิบแหวนทับทิมฉลุลายวงหนึ่งออกมา และสวมลงบนหางของงูหนึ่ง

“ก็ได้ นับว่าพวกเจ้ามีความจริงใจ เช่นนั้นยานี่เจ้ารับไปก่อน ข้าจะไปปรุงยาน้ำที่ต้องกินพร้อมกันให้อีก”

อาชิงกระโดดเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะหยิบอ่างทองแดงใบเล็กที่ฮวาฮวาใช้ จากนั้นก็รื้อเอาพริกเฉาเทียน น้ำเต้าหู้เหม็น น้ำปรุงรสปลาเค็มซึ่งเป็นเครื่องปรุงของจี้จือฮวนมา จากนั้นก็ปลดสายรัดเอวออก เทฉี่เด็กอุ่น ๆ ลงไปหนึ่งชาม ก่อนจะยกไปให้ฮ่องเต้เซี่ยเจิน “ดื่มรวดเดียวให้หมด รับรองว่านับแต่นี้ไปเจ้าจะไม่เจ็บป่วยอีก”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินชำเลืองมองยาที่หากยัดเข้าปากก็สามารถติดคอได้ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้น “แบ่งกินได้หรือไม่?”

หากแบ่งยาออกแล้วเกิดโคลนที่อยู่ด้านในถูกเจ้าเห็นเข้าจะทำอย่างไรเล่า!

อาชิงผู้สูงส่งส่ายหน้า พลางเอ่ยอย่างลึกซึ้งออกมา “อย่าลดทอนฤทธิ์ของยา”

.

.

.