บทที่ 230 ถูกจับได้ขณะหลบหนี ช่างน่าอายนัก
บทที่ 230 ถูกจับได้ขณะหลบหนี ช่างน่าอายนัก
ด้วยไม่อยากให้คนอยู่ไกลต้องเป็นห่วง ชิงอวี่จึงไม่ได้บอกว่านางคิดจะเข้าสถานที่ต้องห้ามเองคนเดียว
แม้โหลวจวินเหยาจะบอกไว้ว่าเขาจะเดินทางไปกับนาง เพราะที่นั่นไม่รู้ว่ามีอันตรายอื่นใดซุกซ่อนอยู่อีก ทว่าเรื่องยอดเขาใจสงบทำให้ตอนนี้ไม่อาจรั้งอยู่ได้
อีกทั้งนางยังจำความฝันเมื่อคืนได้เลือนราง มันเป็นฝันที่นางได้เข้าไปในสถานที่ต้องห้ามสำนักละอองหมอก
แต่เกิดอะไรขึ้นบ้างนั้นนางจำไม่ได้ ดังนั้นนางจึงคิดอยากเข้าไปดูว่าสิ่งใดกันแน่ที่พยายามลวงให้นางเข้าไปที่นั่น
ในวันนั้น ชิงอวี่กลับไปยังเรือนพักหลังจากเรียนภาคเช้าเสร็จ กลับพบรูหนอนที่จู่ ๆ ปรากฏขึ้นในห้องนอนตน นางได้แต่เบิกตาจ้องมองปรากฏการณ์ประหลาดด้วยสายตาเป็นกังวล
แต่เมื่อรูหนอนจางหายไป คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับทำนางประหลาดใจนัก “ไหมไหม? เจ้า….. นี่เจ้าออกมาจากไหนกันแน่…..?”
เป็นเด็กหนุ่มผมทองชุดทอง จิตวิญญาณอาวุธของนางที่โมโหแล้วหนีออกจากบ้านไปเมื่อหลายเดือนก่อนไม่ใช่หรือ?
แต่ทำไมถึงมีสภาพอเนจอนาถดูไม่ได้เช่นนี้เล่า?
ใบหน้างดงามหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยเปื้อนขาวดำกระดำกระด่าง ผมเผ้ายุ่งเหยิง กระทั่งชุดบนตัวยังยับยู่ยี่ไปหมด มองดูแล้วก็น่าขันอยู่เหมือนกัน
จิตวิญญาณอาวุธของนางทะนงตัวเย่อหยิ่งมาโดยตลอด รักษาหน้าตาภาพพจน์เป็นยิ่งนัก แล้วเหตุใดพอออกไปคนเดียวแล้วจึงกลับมามีสภาพเช่นนี้ได้?
“สภาพเจ้าเช่นนี้เป็นเพราะไปสู้กับใครมา หรือเจ้าเดินไม่ดูทางแล้วร่วงลงหลุมไปหรือไร?” ชิงอวี่ขมวดคิ้วถาม
นางคิดว่าเขาจะโกรธนางไปอย่างน้อย ๆ สักครึ่งปีถึงจะกลับมาเสียอีก!
เด็กหนุ่มผมทองไม่สนใจคำหยอกล้อจากนายหญิง แต่มองนางด้วยใบหน้าโศกเศร้าเป็นยิ่งนัก “ข้าฟันฝ่าอุปสรรคยากลำบากมามากมาย สุดท้ายก็กลับมาได้ นายหญิงปลอบข้าสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ?”
“หือ?” ชิงอวี่กะพริบตามองเขา “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เขาหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“แล้วนายหญิงคิดว่าที่ผ่านมาข้าไปไหนงั้นหรือ?” จั้งไหมถามด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
ชิงอวี่ตอบทันควัน “เจ้าก็หนีออกจากบ้านไปเพราะความโกรธน่ะสิ?”
จั้งไหมขบกรามแน่น “วันนั้นข้าโกรธจริง ๆ เห็นนายหญิงตำหนิข้าเพราะบุรุษคนหนึ่งข้าย่อมโกรธ แต่ไม่นานข้าก็คิดจะกลับไปแล้ว! ข้าจะอยู่ห่างกายท่านได้อย่างไร!”
“แล้ว…..”
“ข้าถูกชิงเทียนหลินใช้วิชาเชิดหุ่นกักขังข้าไว้! วิชาของเขาก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น กักข้าไว้ในมิติลับที่ข้าทำลายออกมาไม่ได้”
ชิงเทียนหลินนั่นอีกแล้ว…..
นึกไปถึงแผนที่ชิงเทียนหลินวางไว้เมื่อครั้งปราการเมฆาคล้อย หากไหมไหมอยู่ด้วย อีกฝ่ายก็คงรับมือหนักไม่น้อย
เห็นว่าอีกฝ่ายสามารถขังไหมไหมไว้ได้เช่นนี้ พลังบำเพ็ญคงจะสูงขึ้นอีกหน่อยแล้วกระมัง
เห็นเด็กหนุ่มคล้ายกับโกรธคนตัวใกล้จะระเบิด ชิงอวี่จึงหรี่ตามองเขายิ้ม ๆ ก่อนจะยื่นมือไปขยี้หัวเขาด้วยความเอ็นดู “เอาล่ะ ๆ เจ้าอย่าโกรธอีกเลย ครั้งหน้าหากนายหญิงเจอเขา ข้าจะสั่งสอนเขาให้”
“หึ! ท่านห้ามเมตตาเขาเด็ดขาด!” จั้งไหมเอ่ยเสียงขึงขัง เหมือนจะกลัวว่านางจะไม่อาจลงมือลงเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้องในอดีต
ทว่าชิงอวี่ได้ปล่อยวางอดีตนั้นไปแล้ว
ด้วยเรื่องทุกอย่างที่ชิงเทียนหลินลงมือไป นางจึงไร้เหตุผลให้ต้องใจอ่อนกับคนเช่นเขาอีก
หากพบกันครั้งหน้า นางกับเขาจะเป็นศัตรูคู่แค้นที่ต้องตายกันไปข้าง
“อ้อใช่ วันนี้ข้าจะเข้าไปสถานที่ต้องห้ามสำนักละอองหมอกนะ ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้วก็ตามไปด้วยกันเลยสิ?” ชิงอวี่นึกได้ว่าตนยังมีธุระสำคัญจึงถามเขาดู
“อืม แน่นอน ข้าไปด้วย แต่….. ข้าคงต้องไปจัดการตนเองให้เรียบร้อยเสียก่อน” เด็กหนุ่มว่าพลางมองตนเอง
ชิงอวี่หลุดหัวเราะเสียงดังออกมา “ข้าให้เวลาเจ้าจัดการสองเค่อ”
หลังจากจับตรงนั้นนิดจัดตรงนี้หน่อยครู่หนึ่ง จั้งไหมก็กำจัดร่องรอยทั้งหลายจนหายเกลี้ยง กำลังจะร้องเรียกชิงอวี่ว่าตนพร้อมแล้ว แต่กลับเห็นนางนั่งเอามือเท้าแก้มเหมือนตกอยู่ในภวังค์
เห็นแล้วจึงอดฉงนใจไม่ได้ “นายหญิงเป็นอะไรหรือ?”
ชิงอวี่มองไปที่ประตู จากนั้นนัยน์ตาก็มีแวววาดผ่าน “ออกทางประตูไม่ได้”
“ทำไมเล่า?”
“พวกเราไม่ได้กำลังจะไปทำในเรื่องที่ถูกที่ควรเท่าไหร่ หากมีใครเห็นเข้าคงไม่ดี” ชิงอวี่อธิบาย
เด็กหนุ่มไม่คิดสงสัย เพียงแต่พยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็ใช้อุโมงค์มิติไปที่สถานที่ต้องห้ามเลยก็แล้วกัน!”
ที่ชิงอวี่ไม่ออกไปทางประตูดี ๆ เป็นเพราะลวี่จีคอยจับตามองอยู่ไกล ๆ หากออกไปก็จะถูกจับได้แน่ โหลวจวินเหยาสั่งให้ลวี่จีคอยติดตามชิงอวี่ทุกฝีก้าว แม้ตัวจะตายแต่ก็ห้ามเกิดเรื่องกับชิงอวี่เด็ดขาด
ดังนั้นลวี่จีจึงทำหน้าที่แข็งขันภายใต้คำสั่งเคร่งครัดของโหลวจวินเหยา ยิ่งทำให้นางมีความรู้สึกคลุมเครือต่อชิงอวี่มากขึ้นไปอีก ต้องคอยติดตามแม่นางน้อยไม่ห่างไปมากกว่าห้าก้าว
โหลวจวินเหยากล่าวไว้ว่าสถานที่ต้องห้ามสำนักละอองหมอกดูชั่วร้ายอย่างน่าแปลก ให้นางเข้าไปคนเดียวเขาเป็นห่วง ดังนั้นจึงสั่งให้ลวี่จีคอยจับตาดูนางไว้ ไม่ให้นางแอบเข้าไปเพียงลำพัง
ที่อีกด้านหนึ่ง ลวี่จีเห็นชิงอวี่เข้าไปในห้องได้ชั่วหนึ่งก้านธูปแล้ว ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่ออกมาในเร็ว ๆ นี้ด้วย
ลวี่จีอดแปลกใจไม่ได้ ไหนนางบอกว่าลืมของเลยกลับมาเอาไม่ใช่หรือ? หรือว่าจะผล็อยหลับไป??
ดังนั้นนางจึงร้องเรียกเสียงเบาออกมา “แม่นางชิง หาของพบหรือไม่? ให้ลวี่จีไปช่วยดีหรือไม่?”
นางพูดจบ แต่กลับไร้คำตอบ
ลวี่จีพลันเปลี่ยนสีหน้า รีบผลักประตูเข้าไป เป็นอย่างที่คิด ในห้องว่างเปล่าไร้เงาคน
“บ้าจริง!” ลวี่จีสบถออกมา
นางประมาทเกินไปจริง ๆ นายท่านบอกไว้ว่าแม่นางชิงอวี่นั่นว่องไว มีความคิดเจ้าเล่ห์เต็มหัว จับตามองดี ๆ ก็คลาดสายตาไปได้ เขากำชับให้คอยดูแลแม่นางให้เข้มงวด แต่นางกลับไม่เชื่อเขา เพราะแม่นางน้อยดูเป็นเด็กสาวน่ารักอ่อนโยนนัก
แต่แท้จริงแล้วนางเป็นจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์ที่เสแสร้งแกล้งทำเก่งกาจต่างหาก!
ช่างเถอะ ทักษะการติดตามเป้าหมายของนางเป็นเลิศที่สุดในหมู่สิบสองสาวงาม นางรู้ว่าชิงอวี่คงจะไม่ใช่เด็กสาวว่าง่าย อยู่ที่ใดที่หนึ่งนิ่ง ๆ เป็นแน่ ดังนั้นจึงวางแผนทำบางอย่างกับนางไปแล้ว
ดังนั้นหากติดตามไปตอนนี้ก็ยังไม่สาย
————————————————-
ทางฝั่งชิงอวี่และจั้งไหม ทั้งสองเดินทางมาถึงสถานที่ต้องห้ามสำนักละอองหมอกแล้ว
นางมาที่นี่เป็นหนที่สอง เห็นคนยืนเฝ้าหน้าสถานที่ต้องห้ามยังเป็นสามคนเหมือนเดิม
ชายชราอุ้มน้ำเต้าใส่เหล้าไว้ในอ้อมแขน เอนหลังพิงทางเข้าสถานที่ต้องห้าม กำลังยืนกรนเสียงลั่นราวกับฟ้าลั่น ส่วนเด็กหนุ่มหน้าอ่อนนั้นนอนอยู่บนหิน ไม่รู้กำลังจิ้มอะไรเล่น ดูเหมือนจะเบื่อหน่ายมาก
มีเพียงชายหนุ่มที่แผ่กลิ่นอายข่มขวัญออกมาเท่านั้นที่ดูเป็นผู้เป็นคน ยืนอยู่ที่หน้าประตูอย่างมั่นคง ร่างสูงไม่ขยับเขยื้อนสักนิดราวกับภูผาสูงตระหง่าน
เมื่อเห็นคนเข้ามา ชายที่มีกลิ่นอายเย็นยะเยือกก็มองไปโดยรอบ เห็นคนเดินมาสองคน ใบหน้าที่ไร้อารมณ์อยู่ตลอดพลันระบายด้วยแววประหลาดใจ
เขาคงประหลาดใจ ที่มีคนเข้าไปสถานที่ต้องห้ามเมื่อก่อนหน้าแล้วไร้บาดแผลใด ทั้งยังคิดเดินทางเข้ามาอีกกระมัง
และคงจะมีแมลงสักอย่างคลานเข้าไปในจมูกของชายแก่ที่ยืนหลับอยู่ เพราะเขาพลันจามออกมาเสียงดังสนั่นจนหนุ่มน้อยที่กำลังจิ้มมดเล่นอีกข้างสะดุ้งตัวโยน
ชายชราถูจมูกตนโดยแรง สบถเสียงเบาออกมา ก่อนจะเห็นเด็กสาวหน้าตาคุ้นเคย นัยน์ตาเขาพลันส่องประกายแล้วร้องเสียงยินดีแกมประหลาดใจขึ้น “แม่หนูน้อย ตาเฒ่าเช่นข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าโชคดี ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ด้วย!”
ได้ยินดังนั้น หนุ่มน้อยจึงเลิกเล่นกับมดแล้วกระโจนลงจากหิน พริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าชิงอวี่ มองนางหัวจรดเท้าก่อนทำเสียงจุปาก “จุ๊ ๆ โชคดีมากจริง ๆ! กระทั่งพวกข้าสามคนยังไม่กล้าล่วงล้ำเข้าไปโดยประมาท แต่เจ้ากลับออกมาอย่างปลอดภัยครบส่วนได้ เจ้านี่ไม่ธรรมดา เจ้าว่ามาสิ เจ้าไม่ได้….. เจออันตรายใดในนั้นเลยหรือ?”
หนุ่มน้อยกำลังคิดว่ายังไม่เคยมีใครมีชีวิตรอดออกจากสถานที่ต้องห้ามมาก่อน แต่นางกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย นางคงจะโชคดีมากจึงรอดพ้นอันตรายทุกอย่างมาได้
คาดไม่ถึงว่าชิงอวี่เลิกคิ้ว “ข้าเผชิญหน้ากับปีศาจซากผีอายุพันปีมาแล้ว นั่นนับว่าอันตรายหรือไม่?”
นางเกือบได้เอาชีวิตไปทิ้ง คิดแล้วยังโกรธเคืองไม่หาย
นางว่าจบ คนประหลาดทั้งสามก็อ้าปากค้างส่งเสียงดังด้วยความตกตะลึง
ปีศาจซากผีอายุพันปี!?
ในสถานที่ต้องห้ามมีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวเช่นนั้นด้วยหรือ! เป็นศัตรูที่หากพบก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น!!
แม่นางผู้นี้ หลายชาติก่อนคงทำความดีไว้มาก ดังนั้นจึงรอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้
เป็นตอนนั้นที่สายตาของคนทั้งหลายมองนางเปลี่ยนไป ชายแก่กลืนน้ำลายเสียงดังอึก “แล้วเจ้ามาที่นี่อีกทำไมกัน? คิดจะเข้าไปอีกหรือ? ครั้งก่อนเข้าไปช่วยคน แล้วครั้งนี้เข้าไปทำอะไรเล่า?”
ชิงอวี่ยิ้มไร้พิษภัย “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ได้มาสร้างปัญหา ข้ามีธุระสำคัญต้องจัดการและต้องเข้าไปในนั้น เห็นว่าเราเป็นคนรู้จักเก่าแก่กัน พวกท่านก็ให้ข้าผ่านไปเถอะ ทำเป็นมองไม่เห็นข้า อย่างไรก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว”
คนทั้งสาม “……”
ใครไปรู้จักกับเจ้าตอนไหนกัน?
พบหน้ากันยังไม่ถึงสามครั้ง นับเป็น “คนรู้จักเก่าแก่” ได้แล้ว? เพ้ย! ถึงพบกันสามครั้งก็ยังไม่นับเป็นคนรู้จักด้วยซ้ำ!
คิดจะเข้าไปโดยไม่เสียอะไรงั้นหรือ? ไม่มีทางเสียหรอก!
เห็นใบหน้าคนทั้งสามแล้ว ชิงอวี่ก็รู้ว่ากล่อมไม่ได้ผล นางจึงกดรอยยิ้มลึกขึ้น “พวกท่านทั้งหลาย ข้ามีธุระสำคัญจริง ๆ ข้าขอร้องว่าอย่าได้ห้ามข้าเลย เพราะข้าไม่อยากลงมือกับผู้อาวุโส”
ชายชราได้ยินดังนั้นก็ดีใจ “เจ้าคิดจะประมือกับพวกข้าหรือ? เด็กน้อยตัวกระจ้อยเช่นเจ้าก็กล้าหาญไม่น้อยเลยนี่? แขนผอม ๆ ขาแห้ง ๆ เช่นเจ้ารับกระบวนท่าข้าสักสามกระบวนท่ายังไม่ไหว แล้วเจ้าคิดจะ….. หือ? นี่มันกลิ่นอะไรกัน??”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่กลิ่นหอมอ่อน ๆ เริ่มกำจายไปในอากาศ มันแทรกซึมเข้าสู่ร่าง ทำให้ผ่อนคลายไปทั้งตัว ทำให้อยากล้มตัวลงหลับลึก
คนทั้งสามรู้ตัวทันทีว่ามันเป็นกลิ่นอะไร
ชายชราเป็นคนแรกที่ถูกมันเล่นงาน เขาล้มลงกับพื้น ด้วยก่อนหน้าก็กรึ่มเหล้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาจึงง่วงนอนมากจนไม่อาจเปิดเปลือกตาได้อีก ตอนที่กำลังจะล้มลงไปนั้นเขาก็เค้นคำหลายคำออกมา “แม่หนู เจ้าโกง…..”
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดังตุบ
ทันใดนั้นหนุ่มน้อยหน้าเด็กและชายหนุ่มก็ดูโกรธเคืองขึ้นมาทันที ตวัดสายตามองชิงอวี่ราวกับจะกินหัวนาง ก่อนคนทั้งคู่จะร่วงลงพื้นไปแล้วตกสู่ห้วงนิทรา
ชิงอวี่ไม่โง่คิดปะทะกับพวกเขาโดยตรง ด้วยมันทั้งเสียเวลา และคนทั้งสามได้รับมอบหมายให้เฝ้าสถานที่นี่ ย่อมหมายความว่าพวกเขาไม่ธรรมดา ต้องเป็นพวกมีฝีมือสูงส่ง ดังนั้นนางขอเลือกใช้สมองจัดการเรื่องดีกว่า
ขณะที่นางกำลังโบกมือให้จั้งไหมนั่นเอง น้ำเสียงเรียบของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้นที่เบื้องหลัง “แม่นางชิง”
ชิงอวี่ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที