ตอนที่ 521 เหล่าหญิงสาวผู้ดุร้าย
แปล Tarhai
“ฉิงเฟิง ! คุณคิดว่าผู้หญิงประเภทไหนสวยกว่ากัน อ้วนหรือผอม?” หลินเสวี่ยถามฉิงเฟิง
แววตาของเธอหนาวเย็น เห็นได้ชัดว่าถ้าคำตอบของฉิงเฟิงไม่เป็นที่พอใจเธอ เธอจะทรมานเขาแน่นอนเมื่อกลับถึงบ้าน
“น้องชายของพี่ คุณคิดว่าไง? ผู้หญิงอ้วนหรือผอมแบบไหนเด็ดกว่ากัน ?”
หลิวหรูหยานก็ถามอย่างขู่เข็ญ
การแสดงออกของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าที่แผ่ออกมาจากผู้หญิงทั้งสองคนนี้ ผู้หญิงสองคนนี้สู้กันทุกที่ทุกเวลาเมื่อพวกเธอพบหน้ากัน แล้วทำไมพวกเธอต้องลากเขาเข้าไปเกี่ยวกับการทะเลาะกันของพวกเธอด้วย ?
ฉิงเฟิงมองไปที่ผู้หญิงทั้งสองคนและพูดว่า “เอ่อ.. ตาของฉันพร่ามัวหน้ามืดไปหมดแล้วเพราะฉันหิวมาก ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าผู้หญิงแบบไหนที่สวยกว่า”
หลินเสวี่ยและหลิวหรูหยานต่างก็อารมณ์เสีย แต่พวกเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากฉิงเฟิงปฏิเสธที่จะตอบคำถาม พวกเธอจึงจ้องมองเขาด้วยความโกรธ
“เจียวเจียว ไปทำอาหารกันเถอะ” หลิวหรูหยานกล่าวกับหลิวเจียวเจียว ขณะที่ส่งผักไปให้
หลิวเจียวเจียวพยักหน้าและเดินไปที่ห้องครัว พี่สาวของเธอตั้งครรภ์จึงไม่สามารถเข้าครัวทำงานหนักๆได้
“มิสหลิว ชั้นมาเยี่ยมบ้าน คุณไม่คิดจะเข้าครัวทำอาหารให้ชั้นกินสักหน่อยหรือ ?”
หลินเสวี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ชั้นรู้สึกไม่ค่อยดี ชั้นไม่ชอบกลิ่นจากห้องครัว” หลิวหรูหยานกล่าวเบาๆ
ถึงแม้ว่าเธอจะปกติดี แต่เธอก็จะไม่มีทางทำอาหารให้คู่แข่งอย่างหลินเสวี่ยกินแน่นอน
หลิวหรูหยาน, หลินเสวี่ยและฉิงเฟิงนั่งอยู่บนโซฟาขณะรอหลิวเจียวเจียวทำอาหาร บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียดมาก ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ชอบหน้ากันและพยายามจะหาเรื่องกัดกันอยู่ตลอดเวลา
“พวกเรามาเล่นเกม ‘Battle Landlord’ รออาหารดีมั้ย ?” (มันเป็นเกมไพ่ยอดนิยมของจีนสำหรับผู้เล่น 3 คน) หลิวหรูหยานถามด้วยรอยยิ้ม
หลินเสวี่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “มาเลย ! ถ้าใครแพ้จะต้องเอากระดาษแปะหน้านะ”
‘Battle Landlord’ เป็นเกมที่ทุกคนต่างก็รู้วิธีการเล่น หลายๆคนชอบเล่นมัน มันเป็นเกมฆ่าเวลาที่ดีมาก
หลิวหรูหยานเดินไปหยิบไพ่ออกมาจากห้องของเธอ และทั้งสามคนก็เริ่มเล่นกัน
Landlord รอบแรกคือหลินเสวี่ย เธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย มันเป็นชื่อสมมติที่ผู้เล่นคนอื่นๆจะต้องร่วมทีมกันเพื่อต่อสู้กับ Landlord
ในเมื่อตอนนี้หลินเสวี่ยเป็น Landlord หลิวหรูหยานจึงต้องร่วมมือกับฉิงเฟิง เพื่อเอาชนะหลินเสวี่ย
หลินเสวี่ยไม่ยอมถอย เธอจั่วไพ่ ‘45678’ ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ได้ 3 เอซ ขณะที่หลินเสวี่ยกำลังจะเป็นผู้ชนะ หลิวหรูหยานก็ตะโกนออกมาว่า “เดี๋ยว !”
“หลินหรูหยาน, ชั้นมี 3 เอซและชั้นก็เหลือไพ่เพียงใบเดียวในมือ คุณมีไพ่อะไรใหญ่กว่า 3 เอซรึไง ?” หลินเสวี่ยกล่าวขณะที่เธอขยิบตาขึ้น
หลินหรูหยานหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ชั้นก็กำลังรอไพ่ใบสุดท้ายของคุณอยู่ ชั้นกำลังจะบอมบ์คุณเดี๋ยวนี้ละ ชั้นมี 4 เอซ !”
หลิวหรูหยานมี 4 เอซและถล่มหลินเสวี่ย มันทำให้เธอพูดไม่ออก
ในรอบนี้หลินหรูหยานเป็นผู้ชนะ ในขณะที่ Landlod หลินเสวี่ยเป็นผู้แพ้
“หลินเสวี่ย คุณแพ้แล้วเอากระดาษแปะหน้าไว้เลย” หลิวหรูหยานกล่าวอย่างมีความสุข เธอรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ชนะหลินเสวี่ย เธอมีความสุขมากกว่าได้เงินร้อยล้านหยวนเสียอีก
หลินเสวี่ยเอากระดาษแปะหน้าไว้อย่างไม่เต็มใจ สีหน้าเธอดูไม่ดีอย่างมาก
ถึงแม้ว่าหลินเสวี่ยจะแพ้ในรอบนี้ แต่เธอก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เธอไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ เธอตั้งใจจะเอาชนะหลิวหรูหยานให้ได้
รอบที่สองเริ่มต้นขึ้น คราวนี้ Ladlord คือหลิวหรูหยาน ส่วนหลินเสวี่ยร่วมมือกับฉิงเฟิงเพื่อเอาชนะเธอ
ไพ่ของหลิวหรูหยานดีมาก หลังจากเล่นไปได้พักเดียว เธอก็เหลือไพ่ในมือใบเดียวเท่านั้น ขณะที่เธอกำลังจะเป็นผู้ชนะหลินเสวี่ยก็กล่าวว่า “หยุดเลย !”
“มีอะไร ? คุณจะเอาชนะ 2เอซได้ไง ?” หลินหรูหยานถามด้วยความประหลาดใจ
หลินเสวี่ยเชิดคางของเธอขึ้นและกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “ชั้นมีโจ๊กเกอร์ 2 ใบ ซุปเปอร์บอมบ์ !”
คุณพระช่วย, เธอได้โจ๊กเกอร์ 2 ใบเลยหรือ ?
หลิวหรูหยานอึ้ง หลินเสวี่ยโชคดีมาก ! เธอก้มหน้ากัดฟันเมื่อเห็นใบหน้าที่หยิ่งผยองของหลินเสวี่ย
“เร็วๆเลย เอากระดาษแปะหน้าของคุณ” หลินเสวี่ยกล่าวกระตุ้นเตือนหลิวหรูหยาน ขณะที่เธอถือเศษกระดาษไว้ เธอแพ้ในรอบแรก เพราะฉะนั้นเธอจึงรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นผู้ชนะในรอบที่สอง
หลินหรูหยานแพ้จึงไม่อาจปฏิเสธได้ เธอทำได้เพียงรับเศษกระดาษมาแปะที่หน้าผากของเธอเท่านั้น เช่นเดียวกับหลินเสวี่ย พวกเธอดูตลกมาก
ผู้หญิงสองคนต่างจ้องมองกันอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมถอยให้ใคร
ทั้งสามคนยังคงเล่นเกมกันอยู่ หลิวหรูหยานชนะรอบที่สาม ดังนั้นหลินเสวี่ยจึงต้องเอากระดาษแปะหน้าของเธอ ในช่วงรอบที่สี่หลินเสวี่ยชนะ หลิวหรูหยานจึงต้องเอากระดาษแปะหน้าบ้าง …
ทั้งสามคนเล่นเกมกันมากกว่าสิบครั้ง พวกเธอจะสลับกันแพ้ชนะตลอด สุดท้าย หน้าผากของพวกเธอก็เต็มไปด้วยเศษกระดาษ ฉิงเฟิงมองไปที่ผู้หญิงทั้งสองคนและพูดอะไรไม่ออก
ผู้หญิงช่างน่ารำคาญนัก เขารู้สึกว่าอนาคตของเขานั้นช่างเปล่าเปลี่ยวและมืดมนนัก ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ผู้หญิงสองคนนี้จะยอมแพ้
“ถึงเวลากินข้าวแล้ว !” ขณะที่หลิวหรูหยานกำลังจะเล่นเกมต่อ ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกของหลิวเจียวเจียวดังขึ้นจากห้องครัว เธอทำอาหารเสร็จแล้ว
ฉิงเฟิงรีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “มา ไปกินข้าวกันเถอะ พวกเราเล่นเกมกันมานานแล้วทุกคนคงจะต้องหิวมาก”
หลินเสวี่ยและหลิวหรูหยานต่างก็รู้สึกหิวมาก พวกเธอได้ให้ความสำคัญกับการต่อสู้มากเกินไปจนลืมเรื่องกินไปเสียสนิท
หึ !
หึ !
หลินเสวี่ยและหลิวหรูหยาน พ่นลมทางจมูกใส่กัน จากนั้นพวกเธอก็แกะกระดาษที่แปะหน้าออกและเตรียมตัวไปกินข้าว
จากนั้นไม่นานอาหารทั้ง 4 จานก็ถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะ เห็นได้ชัดว่าฝีมือการทำอาหารของหลิวเจียวเจียวยังไม่ค่อยดีนัก เธอทำอาหารเพียงไม่กี่จานและมีจานหนึ่งไหม้
หลินเสวี่ยกัดอาหารไปคำหนึ่ง มันไม่ได้อร่อยนักและหลินเสวี่ยก็กล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า “นี่มันไหม้นี่ ?”
ใบหน้าของหลิวเจียวเจียวกลายเป็นสีแดง เธอรู้สึกอารมณ์เสียกับคำพูดของหลินเสวี่ย
“ไม่ใช่ว่าคุณเพิ่งพูดหรือไงว่าชั้นเป็นคนจน ? คนจนก็ทำได้แต่อาหารไหม้ๆเท่านั้นแหละ” เห็นได้ชัดว่าหลิวเจียวเจียวยังคงไม่พอใจกับการที่ถูกหลินเสวี่ยด่าว่าจน เธอจึงเริ่มหาเรื่องทะเลาะกับหลินเสวี่ย
หลินเสวี่ยรู้สึกไม่พอใจเมื่อเธอได้ยินคำพูดของหลินเจียวเจียว เธอคิดในใจว่า
“นี่เธอกล้าดียังไงมาด่าชั้นแถมยังทำอาหารไหม้ๆให้ชั้นกิน ? เธอคิดว่าชั้นเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือไง ?”
“เฮ้อ, ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฉิงเฟิงถึงไม่ชอบคุณ คุณไม่เพียงแค่ยากจน แต่แม้กระทั่งการทำอาหารคุณยังทำไหม้ แล้วผู้ชายที่ไหนจะชอบคนอย่างคุณ ?”
หลินเสวี่ยตอบหลิวเจียวเจียวอย่างรวดเร็ว
หลิวหรูหยานรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นหลินเสวี่ยดูถูกน้องสาวของเธอ เธอกล่าวว่า
“หลินเสวี่ย น้องสาวของชั้นไม่ได้เป็นหนี้คุณ แล้วชั้นก็ยังร่ำรวยกว่าคุณ พูดกันตามตรงแล้วชั้นสามารถเป็นแม่ยกให้ฉิงเฟิงได้ด้วยซ้ำ (Sugar Mummy)”
อะไรนะ ? คุณโพล่งคำพูดพวกนี้ออกมาได้อย่างไร ? ทำไมคุณถึงเปรียบเทียบให้ฉันเป็นลูกเลี้ยง (Sugar Baby) ?
ฉิงเฟิงมองไปที่หลิวหรูหยานและพูดไม่ออก เธอดูเหมือนว่าจะพูดออกไปโดยไม่ได้คิด
ทำไมคุณต้องเอาฉันไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของพวกคุณด้วยละนี่ ?
หลินเสวี่ยขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “หลิวหรูหยาน คุณไม่ต้องเป็นห่วง ชั้นสามารถที่จะเลี้ยงดูฉิงเฟิงได้”
“อ๋อเหรอ ? งั้นชั้นขอถามคุณหน่อย คุณมีเงินมากแค่ไหนกันเชียว ?”
หลิวหรูหยานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร