บทที่ 215 เพื่อการอยู่รอด

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

ไม่ว่าโลกภายนอกลมเมฆฟ้าร้องอย่างไร หลานเสี่ยวถางบนเกาะร้างก็ไม่รู้อะไรเลย

เธอใช้เวลาสามชั่วโมง ในที่สุดก็ถักเปลหวายอันหนึ่งเสร็จ จากนั้นก็ย้ายสือมูเฉินไปบนนั้น

ทำทั้งหมดนี่เสร็จ เธอเหนื่อยและหิวมาก แต่ว่ามองไปรอบๆ ที่นี่ไม่มีของอะไรที่สามารถกินได้เลย

ดูเหมือน ความหวังทั้งหมดจะเหลือเพียงแม่น้ำด้านล่างสายนั้นแล้ว แม้ว่าหลานเสี่ยวถางจะจับปลาไม่เป็น แต่ว่าตอนนี้ไม่คิดหาวิธีก็ไม่ได้

เธอกังวลสือมูเฉินนอนอยู่บนทุ่มหญ้าคนเดียว จะเจออันตราย เพราะเหตุนี้ทำได้แค่ลากเขามาถึงริมแม่น้ำ

และไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหน แม่น้ำใสสะอาดมาก ดังนั้นเธอสามารถมองเห็น ในน้ำมีปลากำลังว่ายน้ำอยู่จริงๆ

หลานเสี่ยวถาง ดึงขากางเกงขึ้นแล้วลงไปในแม่น้ำ

น้ำในฤดูใบไม้ร่วงเย็นมาก บวกกับที่นี่ห่างไกลตัวเมือง ยิ่งทำให้ปวดกระดูก เธอแค่ลองดูนิดเดียว ก็รู้สึกสั่นไปทั้งตัว

เพราะฉะนั้น ดูเหมือนลงแม่น้ำไปจับปลาด้วยขาดทักษะอย่างเธอ เหมือนว่าจะแก้ไขปัญหาไม่ได้ และแม้ว่าจะจับปลาได้พวกเขาจะกินดิบเหรอ?

ครั้งแรกในชีวิต หลานเสี่ยวถางพบว่าชีวิตในความเป็นจริงตรงไปตรงมาได้ขนาดนี้ ปัญหาหนึ่งที่พื้นฐานที่สุด ไม่มีคนรอบข้างและเครื่องมือช่วยเหลือนั้น ก็กลายเป็นเรื่องยากมากๆ

จริงด้วย เครื่องมือ!

เธอดีใจเหมือนคิดอะไรได้ ดังนั้นกลับไปที่ทุ่มหญ้า หาไม้ค่อนข้างหนามาท่อนหนึ่ง แล้วใช้ความแหลมคมของหินทำให้หัวมันแหลม แล้วกลับไปที่ริมแม่น้ำอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นคนตกปลา มีบางครั้งปลาหิวมาก จะเข้าใจผิดเห็นหญ้าต้นเล็กริมแม่น้ำเป็นอาหาร ดังนั้นหลานเสี่ยวถางเด็ดหญ้าต้นเล็กมานิดหน่อย บดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วโยนไปริมแม่น้ำ

เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ มีปลาหลายตัวว่ายเข้ามาหาอาหาร

เธอจับกิ่งไม้ในมือใช้แรงปักลงไป

แต่กิ่งไม้แค่แตะบนผิวน้ำ ปลาก็ว่ายหนีไปด้วยความกลัว หลานเสี่ยวถางลองต่อเนื่องหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จเลย

มองท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว อากาศเย็นค่อยๆคืบคลานมา หลานเสี่ยวถางรู้สึกหนาวไปทั้งตัว

ท้องว่างนานเกินไป เธอรู้สึกแรงในตัวหมดไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่น หมดแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเหตุนี้ การกระทำจับปลาก็ไม่เป็นผลมากขึ้น

เพียงแต่ ไม่รู้ว่าพระเจ้าเห็นใจหรือเปล่า ตอนหลานเสี่ยวถางกำลังแทงปลาอย่างเครื่องจักร ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ากิ่งไม้ในมือขยับหนึ่งครั้ง

เธอก้มหน้าลงทันที ก็เห็นกิ่งไม้ในมือมีปลาตัวหนึ่งประมาณสามขีด ปลาดิ้นรนอยู่!

นาทีนั้น ความสิ้นหวังหายไปหมดสิ้น เธอแทบจะร้องไห้ด้วยความดีใจ

“มูเฉิน ฉันจับปลาได้แล้ว!” หลานเสี่ยวถางจับปลาไว้ วิ่งไปทางสือมูเฉิน แม้รู้ว่าเขาหมดสติอยู่ แต่ยังพูดกับเขาเหมือนเดิม “คืนนี้พวกเรามีของกินแล้ว!”

หลานเสี่ยวถางวางปลาลง เตรียมจะกินปลาดิบแล้ว แม้ว่านี่เป็นปลาแม่น้ำ แต่เข้าตาจนทำอะไรไม่ได้

แต่ตอนที่เธอกำลังยอมแพ้ กลับเห็นของอะไรประกายอยู่นอกทุ่งหญ้าไกลๆอยู่ครู่หนึ่ง หลานเสี่ยวถางเดินเข้าไปเห็นไฟแช็กอันหนึ่ง

เธองงเล็กน้อย นี่คือมีคนผ่านทางก่อนหน้านี้ทำหล่นไว้ หรือว่าเป็นคนที่พาเธอกับสือมูเฉินจงใจทิ้งไว้ ?

แต่ช่างมันเถอะ สามารถจุดไฟก็ขอบคุณฟ้าดินมากแล้ว

หลานเสี่ยวถางเก็บกิ่งไม้แห้งมากมาย กองเป็นกองไฟ แล้วเสียบปลาเข้าไปในกิ่งไม้หนึ่ง จุดไฟขึ้น

เธอไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้เลย กลัวไม่สุกดังนั้นปลาเลยไหม้เล็กน้อย แต่ทว่าตอนได้กลิ่นหอมของเนื้อ ทำให้นิ้วชี้เธอขยับรุนแรง

แม้ว่าไม่มีเกลือ แต่ขอแค่สามารถอิ่มท้องได้ สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด!

หลานเสี่ยวถางพยุงสือมูเฉินขึ้น พิงบนตัวเธอป้อนเนื้อปลาที่เอาก้างปลาออกไปที่ปากเขา “มูเฉิน กินอะไรหน่อย…”

เขาไม่มีปฏิกิริยา เธอทำได้แค่ก้มศีรษะประกบปากเขา แงะฟันเขาออกแล้วป้อนปลาเข้าไป

ยังดีภายใต้การกระตุ้นการรับรส เขากลืนมันลงไปได้ ไม่รู้เคี้ยวละเอียดไหมก็กลืนเนื้อปลาเข้าไป

หลานเสี่ยวถางกลัวเขาจะสำลัก ดังนั้นเลยฉีกเนื้อปลาเป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนเขาทีละนิด

ในสภาวะที่ไม่ได้สติ สือมูเฉินกินปลาไปเกินครึ่ง ถึงตอนสุดท้ายก็เหลือเพียงหัวกับหางแล้ว

ตรงนั้นก้างเยอะ บวกกับท้องฟ้ามืดไม่ค่อยมีแสง หลานเสี่ยวถางเลยวางสือมูเฉินลง แล้วตัวเองกินเนื้อปลาที่เหลืออยู่เล็กน้อย

จนด้านหน้าเหลือก้างปลาหนึ่งกอง เธอยังรู้สึกว่าในกระเพาะยังว่างเปล่า หิวจนทรมาน

ในลำคอแห้งเล็กน้อย หลานเสี่ยวถางไม่มีทางเลือก ทำได้เดินไปดื่มน้ำในแม่น้ำ

พวกเขาไม่มีภาชนะ หลังจากเธอดื่มเสร็จ ก็อมในปากคำหนึ่งมาถึงข้างตัวสือมูเฉิน ป้อนเขาทีละน้อย

เดินไปมาหลายครั้งแบบนี้ คิดว่าสือมูเฉินคงหายคอแห้งแล้ว หลานเสี่ยวถางถึงนั่งลงข้างตัวเขา

เขายังคงนอนนิ่งเหมือนเดิม จนถึงตอนกลางคืนก็ยังไม่ขยับเลย

ในตอนกลางคืนยิ่งเย็น หลานเสี่ยวถางเริ่มกอดแขนไว้ ภายหลังรู้สึกยังไม่เพียงพอ ดังนั้นเลยนอนบนตัวของสือมูเฉิน กอดร่างกายเขาแน่น

เสื้อผ้าบนตัวเขาเย็น อุณหภูมิของร่างก็ไม่สูง หากไม่ใช่ว่ายังหายใจอยู่ หลานเสี่ยวถางกลัวว่าจู่ ๆ เขาจะจากไป

บางทีเพราะว่าห่างตัวเมือง หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นก็เห็นดาวส่องแสงประกายเต็มท้องฟ้า

เธอแนบหน้าของสือมูเฉิน เปิดปากพูด“มูเฉิน คุณว่าพรุ่งนี้พวกเราจะออกจากที่นี่ได้ไหม?”

“มูเฉิน ใครที่จับเรามากัน? คุณว่าชิงเจ๋อกับพ่อของฉันพวกเขาจะรู้ไหมว่าพวกเราหายตัวไปแล้วออกตามหา?”

“มูเฉิน คุณไม่มีไข้ แต่ทำไมถึงยังฟื้น? คุณไม่สบายตรงไหน? บอกฉันได้ไหม?”

“มูเฉิน ทำไมคุณยังไม่ตื่น ฉันกลัวจังเลย…”

หลานเสี่ยวถางแนบไปที่หน้าอกของสือมูเฉิน

———การอ่านที่ใหม่และฮิตที่สุด บัญชีสาธารณะที่ค้นหาในวีแชท [Cherry Reading] หายไปจากรถติดตาม———

หนึ่งคืน ก็ผ่านไปอย่างนี้ ถึงตอนเช้าวันที่สอง แสงแดดกระทบบนหน้า หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าร่างกายตัวเองหนักขึ้นเล็กน้อย เห็นชัดว่าเริ่มจะเป็นหวัดแล้ว

ถ้าหากเธอก็ล้มป่วยไปด้วย แบบนั้นเธอกับสือมูเฉิน…

หลานเสี่ยวถางไม่กล้าคิดต่อ เธอสะบัดศีรษะ ยิ้มให้สือมูเฉินที่อยู่ข้างตัว “มูเฉิน พวกเราต้องได้กลับไปอย่างมีชีวิตแน่นอน!”

“คุณพักผ่อนให้สบาย ฉันไปหาของกิน” หลานเสี่ยวถางคิดแล้ว เมื่อวานปลาตัวนั้นถูกเธอจับได้จากการชนกับปลายไม้ เธอมั่นใจว่าไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ไปหาว่ามีผลไม้อะไรจะดีกว่า บางทีมีพวกมันเทศที่ขึ้นในดินก็ได้

เธอเดินหน้าไปพลาง หันไปมองสือมูเฉินพลาง แต่ว่าเมื่อเขาหายไปจากสายตาเธอ เธอก็เริ่มกังวลอีกครั้ง

หลานเสี่ยวถางรู้ว่าตัวเองจำเป็นต้องหาของกิน ไม่งั้นสองคนก็จบเห่แน่ เธอทำได้แค่กดความกังวลใจไว้ วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ที่นี่เหมือนเป็นเกาะร้างไม่มีการเกษตรใดๆ หลานเสี่ยวถางหาอยู่นาน ก็ไม่เห็นผักบนพื้น แต่ในที่สุดก็หาเจอลูกแพร์ป่าหนึ่งต้น หลานเสี่ยวถางเด็ดลูกแพร์รสเปรี้ยวมาหลายลูก กอดไว้ในอ้อมกอด วิ่งไปทางสือมูเฉิน

จากที่ไกลๆ มองเห็นสือมูเฉินนอนบนเปลที่เธอเป็นคนถักนั้นเหมือนเดิม หลานเสี่ยวถางเพิ่งโล่งใจ กลับเห็นงูตัวหนึ่งพันที่ขาของเขา กำลังจะกัดเขา

ลูกแพร์รสเปรี้ยวที่กอดไว้ในมือหล่นลงมา หลานเสี่ยวถางยืนกับที่ด้วยความตกใจ วินาทีต่อมากลับได้สติขึ้น

เธอกวาดมองเห็นใกล้ตัว มีกิ่งไม้ยาวๆท่อนหนึ่ง รีบเก็บขึ้นมาวิ่งไปทางสือมูเฉินอย่างรวดเร็ว

เหมือนงูจะรับรู้ถึงการเคลื่อนไหว หันมองมาทางเธอ

สายตาของมันเย็นยะเยือก แฝงความหยิ่งอยู่เล็กน้อย

งูเป็นหนึ่งในสัตว์ที่เธอกลัวที่สุด หัวใจของเธอเหมือนขึ้นมาที่คอ แต่ไม่รู้ว่าเธอเอาความกล้ามาจากไหน ยกกิ่งไม้เหนี่ยวงูไว้

ตอนมันถูกกิ่งไม้กวาดไป ทำให้ออกจากสือมูเฉิน พันอยู่บนกิ่งไม้ หลานเสี่ยวถางตกใจกรีดร้อง แต่มือไม่ได้คายออก และจับกิ่งไม้วิ่งไปอีกทาง จนห่างไปไกลแล้วถึงใช้แรงที่มีทั้งหมดโยนกิ่งไม้พร้อมงูที่อยู่บนนั้นไปไกล

งูตกบนพื้นส่งเสียงคลานหายเข้าไปในหญ้า หลานเสี่ยวถางกลัวจนตัวสั่น น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

ใช้เวลาครึ่งวัน เธอถึงได้สติขึ้นเก็บลูกแพร์รสเปรี้ยวหลายลูกที่เก็บมาอย่างยากลำบาก มาถึงข้างตัวสือมูเฉิน

ป้อนเขาเหมือนเมื่อคืนที่ป้อนอาหารให้ เธอกัดลูกแพร์คำหนึ่งแล้วพยุงสือมูเฉินขึ้นอย่างยากลำบาก ป้อนลูกแพร์เข้าไปในปากเขาทีละน้อย

ความรู้สึกเปรี้ยวเต็มอยู่ในปาก ตอนป้อนเสร็จสองลูก หลานเสี่ยวถางเบ้าตาร้อน กอดสือมูเฉินร้องไห้อย่างอดไม่ได้

“มูเฉิน คุณรีบตื่นมาเร็วๆ ฉันกลัวมากจริงๆนะ…”

เธอเรียกชื่อเขาอย่างสิ้นหวัง ครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เขาก็ไม่ลืมตาเหมือนเดิม

เสียงก้องกังวานในอากาศ หลานเสี่ยวถางกัดลูกแพร์รสเปรี้ยวหนึ่งคำ เพราะรสแย่มาก เธอเหมือนจะเคี้ยวไม่ไหว ก็ฝืนกลืนมันลงไปแบบนั้น

“มูเฉิน เปรี้ยวและรสฝาดขนาดนั้น คุณไม่รู้สึกเหรอ?” หลานเสี่ยวถางยื่นมือช่วยสือมูเฉินเช็ดหน้า

ในตอนนั้นเอง เธอได้ยินเสียงเครื่องยนต์เหนือศีรษะ จากที่ไกลๆเข้าใกล้มา สุดท้ายก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งปรากฏขึ้น

แม้ไม่รู้ว่าเป็นศัตรูหรือเป็นมิตร แต่ในตอนที่สิ้นหวังแบบนี้ หลานเสี่ยวถางก็เหมือนคนที่อยู่ในทะเลทรายจู่ ๆก็เห็นโอเอซิสแบบนั้น ตะโกนโบกมือไปบนท้องฟ้า

เฮลิคอปเตอร์บินลงต่ำอย่างช้าๆ หลานเสี่ยวถางเห็นหน้าคนคุ้นเคยบนเครื่องบิน

“พ่อ!” น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความสะอื้นและแฝงไปด้วยความดีใจ เห็นหลานเซี่ยวเฉิงบนเครื่องบิน ทำให้ตัวเองมีแรงขึ้น ในที่สุดตอนนี้ก็หมดห่วง

เฮลิคอปเตอร์ที่หลานเซี่ยวเฉิงขับมาลงจอด ลงตามหลังเขามา ยังมีหยานชิงเจ๋อ

ทั้งสองคนโดดลงมา หยานชิงเจ๋อรีบไปยืนตรงหน้าสือมูเฉิน พูดด้วยความกังวล “พี่เฉิน ? พี่เฉิน? พี่ตื่น!”

เห็นสือมูเฉินไม่ตอบสนอง เขาหันไปถามหลานเสี่ยวถาง “พี่สะใภ้ พี่เฉินเป็นอะไรไป?”

“มูเฉินถูกคนตีท้ายทอยไปสองครั้ง ไม่ฟื้นขึ้นมาเลย” หลานเสี่ยวถางเหมือนเห็นทางรอด“พ่อ ชิงเจ๋อ พวกพ่อรีบช่วยเขา!”

“เสี่ยวถางไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” หลานเซี่ยวเฉิงอุ้มหลานเสี่ยวถางขึ้น วางที่ห้องผู้โดยสารบนเครื่อง แล้วยกสือมูเฉินเข้าไปอย่างระมัดระวังด้วยกันกับหยานชิงเจ๋อ

เฮลิคอปเตอร์ติดเครื่องอีกครั้ง บินขึ้นไปบนท้องฟ้า

กำลังที่หลานเสี่ยวถางฝืนไว้ในที่สุดก็หมดลง หมดสติไปเหมือนกัน