บทที่ 214 ความบังเอิญที่มากเกินไป

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

คู่ต่อสู้ของฉู่ฮวนเจาคือหยวนเหวินจี้ ลูกพี่ลูกน้องของหยวนเหวินตง ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะต่ำกว่าหยวนเหวินตง แต่ขณะนี้เขาก็อยู่ในระดับสามขั้นกลาง ในทางทฤษฎี ฉู่ฮวนเจาไม่มีโอกาสมากนักในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ด้วยอาวุธวิเศษอย่างแส้คร่ำครวญที่นางใช้และคำชี้แนะของฉู่จงเทียน มันจึงทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเล็กน้อย ตราบใดที่นางพยายามเต็มที่ นางก็พอมีโอกาสที่จะเอาชนะศัตรูได้

ทางด้านของตระกูลหยวนตอนนี้ก็แสดงสีหน้ากังวลกันบ้างแล้ว พวกเขาคิดว่าพวกเขาน่าจะคว้าความได้เปรียบอย่างเด็ดขาดตั้งแต่ 8 คู่แรก ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะแพ้ในคู่นี้ มันก็ไม่ควรส่งผลกระทบต่อบทผลลัพธ์สุดท้าย

ทว่าใครจะคิดว่าอู๋ตี้กลับกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ? ผู้บ่มเพาะระดับ 6 ที่แพ้ให้กับผู้บ่มเพาะระดับ 5 นั้นควรถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ไอ้คนไม่เอาไหน’ มากกว่า!

เนื่องจากการพ่ายแพ้ของอู๋ตี้ ตระกูลหยวนจึงตามคะแนนอยู่ที่ 3 ต่อ 4 ซึ่งทำให้การประลองนัดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาต้องชนะในคู่นี้ให้ได้เพื่อที่จะสามารถไปต่อในรอบต่อไปได้

หยวนเหวินตงมองไปที่ซูอันด้วยสายตาเย้ยหยัน เจ้าซ่อนความสามารถที่แท้จริงของเจ้ามาเป็นเวลานาน โดยหวังว่าจะพิสูจน์คุณค่าของเจ้าในงานประลองนี้ แต่น่าเสียดายที่เจ้ามาเจอข้าแทน ! ต่อไปข้าจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเจ้าไม่มีอะไรดีไปกว่าขยะข้างทาง เจ้าจะต้องเสียใจที่ยั่วยุข้าครั้งแล้วครั้งเล่า!

เมื่อมองไปที่ผู้บ่มเพาะสองคนบนลานประลอง ฝูงชนก็เริ่มพูดคุยกันเอง

“ว้าว ข้าไม่นึกเลยว่าคุณหนูรองฉู่จะสวยขนาดนี้”

“แน่นอน ! พี่สาวของนางสวยขนาดนั้น นางจะเป็นคนขี้เหร่ได้ยังไงจริงไหม?”

“ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูรองฉู่อยู่ในอันดับที่เก้าของสิบสุดยอดสาวงาม!”

“ข้าคิดว่าที่อันดับของนางอยู่รั้งท้ายมันเป็นเพราะอายุนางยังน้อย ให้เวลาสักสองสามปีจ้าคิดว่านางจะต้องงดงามไม่แพ้พี่สาวของนางอย่างแน่นอน!”

เมื่อได้ยินบทสนทนาของฝูงชน หยวนเหวินจี้ส่ายหัวและหัวเราะเยาะเย้ยในใจ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดว่าสาวน้อยตรงหน้าซ่อนปีศาจร้ายที่อำมหิตอยู่ภายใต้รูปลักษณ์ที่สวยงามของนาง

ความคิดของเขาย้อนไปในสมัยที่เขาถูกนางรังแก ไม่ว่าจะเป็นการโดนไถเงินในกระเป๋า ถูกนางทุบตี ดึงกางเกงต่อหน้าทั้งชั้นเรียน… เขายังคงจำได้ถึงเสียงหัวเราะและใบหน้าที่ชั่วร้ายของนางที่มองดูผลงานที่นางทำกับเขา ภาพพวกนี้มันเคยทำให้เขาสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายมากกว่าหนึ่งครั้ง!

ในอดีต เขาไม่กล้าที่จะล้างแค้นเพราะด้วยความกลัวสถานะของนางในฐานะลูกสาวของอ๋อง แต่วันนี้ด้วยการสนับสนุนจากตระกูลอู๋ เขาจึงไม่มีความกลัวอีกต่อไป เขาสามารถใช้ลานประลองนี้ระบายความอัดอั้นใจที่มีมานานได้อย่างเต็มที่ เขาจะเอาคืนกับทุกสิ่งที่นางทำกับเขาในอดีตให้หมด!

“คุณหนูฮวนเจา เราพบกันอีกแล้ว !” หยวนเหวินจี้เอ่ยขึ้นทักทายด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน

เขาจงใจซ่อนตัวจากฉู่ฮวนเจาตลอดหลายปีที่ผ่านมา พยายามอดทนฝึกฝนอย่างหนักเพื่อหวังว่าจะได้แก้แค้นสักวันหนึ่ง แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่พรสวรรค์ของเขามีอยู่จำกัดจนคงไม่น่าจะก้าวหน้ามากไปได้กว่านี้ อย่างไรก็ตาม ระดับการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้มันน่าจะมากเกินพอที่จะจัดการกับนางได้

“เจ้าคือใคร ?” ฉู่ฮวนเจาถามกลับด้วยสีหน้างุนงง

“แค่ก แค่ก !” หยวนเหวินจี้สำลักลมหายใจของเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธจัด ผู้หญิงคนนี้จำข้าไม่ได้จริง ๆ งั้นเหรอบ้าเอ๊ย ! เจ้ารังแกข้าไปตั้งมากมายเมื่อตอนที่ข้ายังเด็ก แต่ตอนนี้เจ้ากลับลืมข้าแล้วเนี่ยนะ!

เขาต้องการพูดออกมาและทำให้นางจำได้ แต่จิตใจฝั่งที่มีเหตุผลของเขาเกลี้ยกล่อมให้เขาเงียบลง หลังจากนี้ด้วยวางแผนจะคิดบัญชีให้สาสมอยู่แล้ว ดังนั้นมันจะไม่เป็นการดีหากแสดงความอาฆาตออกไปในตอนนี้

ฉู่ฮวนเจารู้สึกงุนงงกับการที่ฝั่งตรงข้ามไม่ยอมตอบคำถามของนาง แต่ในขณะที่นางกำลังจะถามต่อเสียงของพ่อนางก็ดังขึ้นในหัวของนางซะก่อนและมันทำให้นางสูดหายใจลึกและสงบสติอารมณ์ลงพร้อมกับกำแส้คร่ำครวญแน่นยิ่งขึ้น

ทันทีที่กรรมการดูแลลานประลองประกาศเริ่มการต่อสู้ นางสะบัดข้อมือแส้ไปที่ร่างของหยวนเหวินจี้ทันที!

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉู่ชูเหยียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ถึงแม้ว่าน้องสาวของนางจะมีระดับการบ่มเพาะที่ไม่สูง แต่ทักษะการใช้แส้คร่ำครวญของน้องสาวนางจัดได้ว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ… ไม่ว่ายังไง ฉู่ฮวนเจาก็ใช้มันรังแกคนอื่นมาหลายปีแล้ว

อย่างไรก็ตาม หยวนเหวินจี้เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีของฉู่ฮวนเจาอยู่แล้ว เขาหลบแส้ด้วยการกระโดดถอยหลังอย่างว่องไว จากนั้นจึงพุ่งตัวสวนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า!

ในการต่อสู้กับอาวุธระยะไกลอย่างแส้ การตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดคือการคลุกวงในต่อสู้แบบระยะประชิด!

ฉู่จงเทียนได้เตือนลูกสาวของตนเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นฉู่ฮวนเจาจึงสาวเท้าถอยกลับเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างนางและคู่ต่อสู้พร้อมกับสะบัดแส้เพื่อบังคับให้หยวนเหวินจี้ไม่สามารถย่นระยะเข้ามาหาได้อีก

ในทางกลับกัน ทางด้านของหยวนเหวินจี้ก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลบแส้ของนางพร้อมกับพุ่งเข้าหา แต่ไม่นานต่อมาเขาก็พลาดลื่นล้มและโดนแส้เข้าไปที่แขนอย่างจัง

“อ๊าก!!”

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้หยวนเหวินจี้สั่นเทาด้วยความกลัว มันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทนได้จริง ๆ เขารู้สึกเหมือนมีใครเอาตะปูตอกกระดูกของเขา

ฝูงชนที่ให้กำลังใจตระกูลฉู่ ต่างยินดีที่เห็นแส้คร่ำครวญทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ตราบใดที่ฉู่ฮวนเจาสามารถโจมตีโดนฝั่งตรงข้ามได้อีกสักสองสามครั้ง แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หยวนเหวินจี้หมดสติไปเนื่องจากความเจ็บปวดสะสม

ตามคำชี้แนะของพ่อนางเอง ฉู่ฮวนเจายังคงสะบัดแส้ของนางต่อไปเพื่อกดดันหยวนเหวินจี้

“เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้เตรียมพร้อมมางั้นเหรอ !?” หลังจากพูดจบ หยวนเหวินจี้หยิบโล่ออกมาจากด้านหลังทันที ขนาดของมันเท่ากับผลส้มโอในตอนแรก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจู่ ๆ มันก็ขยายใหญ่ขึ้นพอที่จะปกปิดร่างกายของเขาได้ทั้งหมด!

ฉู่จงเทียนขมวดคิ้วทันที “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมอาวุธที่ผลิตโดยตระกูลหยวนถึงพัฒนาขึ้นอย่างมากในช่วงเร็ว ๆ มานี้ ที่แท้พวกเขาก็สามารถหาปรมาจารย์ด้านอักขระที่เก่งกาจมาเข้าร่วมกับตระกูลได้แล้วนี่เอง!”

มีแต่ปรมาจารย์ด้านอักขระเท่านั้นที่สามารถสร้างโล่ที่หดตัวและขยายแบบนี้ได้

เมื่อเผชิญกับโล่แบบนี้ สถานการณ์ก็กลายเป็นพลิกผันทันที แส้ที่น่ากลัวของฉู่ฮวนเจาถูกหยวนเหวินจี้ป้องกันได้ด้วยโล่อย่างง่ายดาย เขาค่อย ๆ ย่นระยะไปหาฉู่ฮวนเจาเรื่อย ๆ อย่างมั่นคง

ฉินหว่านหรูจับมือสามีของนางและพูดว่า “ดูเหมือนว่าตระกูลหยวนจะรู้ล่วงหน้าหมดเลยว่าเราจะส่งใครลงประลองลำดับไหน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่สามารถเตรียมตัวมาได้เหมาะเจาะขนาดนี้!”

ฉู่จงเทียนพยักหน้าด้วยสีหน้าน่าเกลียด “อืม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ในตระกูลฉู่ของเรามีหนอน ไม่อย่างนั้นตระกูลหยวนคงไม่มีวันรู้ได้ถึงลำดับคนที่เราจะส่งลงไปประลองแบบนี้”

“ใครกันที่มันบังอาจหักหลังเรา !?” ฉินหว่านหรูหันไปมองสมาชิกตระกูลฉู่ทุกคนด้วยสายตาสงสัยปนเดือดดาล แต่น่าเสียดายที่ในสายตาของนางตอนนี้ทุกคนมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหนอนไปซะหมด

“เอาไว้เราค่อย ๆ ขุดคุ้ยเรื่องนี้เมื่อเรากลับไป” ฉู่จงเทียนหลับตาลงและถอนหายใจยาว “วันนี้มันคงถึงวาระที่เราจะต้องเก็บกวาดตระกูลสักหน่อย แต่ถ้าคิดในทางบวกมันก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้รู้ก่อนว่ามีภัยคุกคามซุ่มซ่อนอยู่ข้างตัวเรา ด้วยการนี้เราจะได้สามารถป้องกันไม่ให้พวกมันมาแว้งกัดเราได้ในอนาคต”

“แต่คราวนี้เราจ่ายแพงเกินไป !” ฉินหว่านหรูรู้ดีว่าตลาดอาวุธมีความสำคัญเพียงใด รวมทั้งความหมายของการสูญเสียมัน “เราควรให้ฮวนเจาอดทนอีกหน่อยไหม ? อาจมีความหวังเหลืออยู่บ้าง”

ฉู่จงเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจทำตามคำพูดของภรรยาตนเอง เขาไม่ต้องการที่จะสูญเสียตลาดอาวุธที่ตระกูลฉู่ครอบครองมานานหลายศตวรรษเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน บนลานประลอง หยวนเหวินจี้ได้ย่นระยะเข้าไปใกล้ฉู่ฮวนเจามากแล้ว ก่อนที่แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาจากนั้นเขากลิ้งตัวหลบแส้เข้าไปประชิดตัวฉู่ฮวนเจาอย่างรวดเร็ว