บทที่ 215 รีบกลับไปไหน

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

ฉู่ฮวนเจารู้สึกตื่นตระหนกทันทีเมื่อโดนประชิดตัวอย่างกะทันหัน นางรีบเหวี่ยงหมัดไปข้างหน้าเพื่อตอบโต้ แต่ระดับการบ่มเพาะของนางต่ำกว่า หยวนเหวินจี้รับหมัดของนางด้วยมือข้างเดียวส่วนอีกมือหนึ่งของเขาก็กุมแส้ของนางไว้ ด้วยการถูกคร่ากุมเช่นนี้ นางจะต่อต้านเขาได้อย่างไร?

หยวนเหวินจี้แสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนที่จะกระตุกแขนซ้ายของฉู่ฮวนเจาจนไหล่หลุด ส่งผลให้ฉู่ฮวนเจาร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

ฉู่จงเทียนตื่นตระหนก เขาลุกขึ้นยืนและประกาศทันที “เรายอมรับความพ่ายแพ้ในรอบนี้!”

อย่างไรก็ตาม แม้ในขณะที่ฉู่จงเทียนประกาศขอยอมแพ้ หยวนเหวินจี้กลับโคจรพลังของเขาไปที่หมัดซ้าย และส่งความโกรธที่สะสมมาเป็นเวลาหลายปีชกเข้าไปที่ท้องของนางอย่างจัง

ผลั่ก!!

ร่างของฉู่ฮวนเจาลอยละลิ่วพร้อมกับกระอักเลือดออกมาเป็นสาย

ฉู่จงเทียนรีบพุ่งตัวไปรับลูกสาวของเขาทันทีก่อนที่จะรีบโคจรพลังตัวเองเพื่อรักอาการบาดเจ็บของนาง

คนของตระกูลฉู่ต่างรีบวิ่งกรูเข้าไปดูอาการของฉู่ฮวนเจาอย่างรวดเร็วจนพื้นที่โดยรอบแน่นเอี้ยด ทำให้ซูอันไม่มีที่ว่างให้แทรกเข้าไป ดังนั้นเขาจึงหันไปมองหยวนเหวินจี้อย่างเย็นชาและถามขึ้นเสียงดัง “เรายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่หยุดมือแถมยังออกหมัดอย่างรุนแรงแบบนั้น?”

เนื่องจากกลัวว่าความตั้งใจของตัวเองจะถูกเปิดโปงและบวกกับสายตาที่จ้องจับผิดของซูอัน หยวนเหวินจี้จึงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พูดอะไรไม่ออก

แต่เป็นตอนนั้นเองที่หยวนเหวินตงยืนขึ้นและพูดแทรก “มนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้ากล้าวิจารณ์การต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะได้อย่างไร ? มันมีเพียงเส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างชัยชนะและความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ และก่อนหน้านี้เหวินจี้ก็เพิ่งจะเห็นว่าคุณหนูใหญ่ฉู่สามารถเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับ 6 ได้ ใครจะรู้ ? คุณหนูรองฉู่อาจมีวิธีที่จะสามารถพลิกสถานการณ์แบบนั้นได้ก็ได้ อันที่จริงหากจะโทษกัน ฉู่ฮวนเจาควรจะเรียนรู้เพิ่มเติมจากพี่สาวของนางและฝึกฝนมากกว่านี้มากกว่า!”

หยวนเหวินจี้ที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบพูดเสริมออกมา “ถูกต้อง ! เมื่อครู่ข้ามุ่งสมาธิไปกับการเอาชนะแค่เพียงอย่างเดียวจนข้าไม่ได้ยินคำพูดของท่านอ๋องฉู่เลย!”

“เจ้าไม่ได้ยินคำพูดของข้าเหรอ !!” ฉู่จงเทียนระเบิดอารมณ์อย่างรุนแรง ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าลูกสาวคนรองของเขาไม่มีอันตราย ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่บนลานประลอง “เจ้ากำลังพูดว่าคำพูดของผู้บ่มเพาะระดับ 8 นั้นเบาเกินกว่าที่คนอย่างเจ้าจะได้ยินงั้นเหรอ!?”

กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งขึ้นไปบนลานประลอง ส่งผลให้หยวนเหวินจี้กลืนน้ำลายด้วยความสยดสยอง ร่างกายของเขาเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ในขณะที่ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 8 แล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ ?” ทันใดนั้นอู๋เว่ยพลันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหยวนเหวินจี้เพื่อปกป้องเขา “นี่เป็นความขัดแย้งระหว่างรุ่นเยาว์ ผู้อาวุโสอย่างเจ้าเข้ามารังแกเด็กรุ่นเยาว์เพื่ออะไร?”

“อู๋เว่ย ดูเหมือนว่าเจ้าวอนอยากจะแตกหักกับข้าที่นี่ให้ได้สินะ !” ฉู่จงเทียนสูดหายใจเข้าลึกพร้อมกับกำหมัดแน่นจนมีเสียงกระดูกลั่น

“พวกท่านสองคนใจเย็น ๆ ลงก่อน” ซ่างหงรีบลงไปยืนคั่นระหว่างพวกเขาสองคน “สิ่งที่พวกเราควรให้ความสนใจในวันนี้ควรเป็นงานประลองระหว่างตระกูล ดังนั้นท่านทั้งสองคนควรสงบสติอารมณ์กันสักหน่อย ท่านอ๋องฉู่ ให้ข้าพูดอย่างเป็นธรรมสักหน่อย อันที่จริงหากเมื่อครู่หยวนเหวินจี้ไม่ได้ยั้งมือเอาไว้ ป่านนี้ลูกสาวของท่านคงบาดเจ็บสาหัสไปแล้วจริงไหม?”

“บาดเจ็บสาหัสงั้นเหรอ?” ฉู่จงเทียนเยาะเย้ยอย่างโกรธจัด “มันกล้างั้นเหรอ!!”

ซ่างหงถอนหายใจและพูดต่อ “ผู้นำตระกูลหยวน แม้ว่าหยวนเหวินจี้ไม่ได้ตั้งใจสำหรับเรื่องนี้ แต่ถ้าจะไม่โทษเขาเลยมันก็ไม่ได้ เอาเป็นว่าหลังจากนี้ตระกูลหยวนชดใช้ค่ารักษาให้กับคุณหนูฉู่ฮวนเจาด้วยก็แล้วกันตกลงไหม?”

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหยวนเจิ้งฉู่รีบยอมตกลงกับคำแนะนำของซ่างหงอย่างรวดเร็ว “แน่นอน ๆ ข้ายินดีมอบเงิน 10,000 ตำลึงเงินเพื่อเป็นค่ารักษาอาการบาดเจ็บของคุณหนูรองฉู่”

“ไม่จำเป็น ! ตระกูลฉู่ของข้ามีปัญญาจ่ายค่ารักษาให้กับคนของเราเอง !” หลังจากพูดจบ ฉู่จงเทียนเร่งพาลูกสาวคนรองของเขากลับไปยังพื้นที่พักรอของตระกูลฉู่ด้วยสีหน้าโกรธแค้นทันที

ซ่างหงเข้าข้างตระกูลหยวนอย่างออกนอกหน้า อาจารย์ใหญ่เจียงดูวางตัวเป็นกลาง ส่วนเจ้าเมืองเลือกที่แสดงท่าทีคลุมเครือ เขาอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบเมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นมาจริงๆ

ท่ามกลางฝูงชน จี๋เติ้งถูส่ายหัวและบ่นอย่างดูถูก “หึ ไอ้โง่ฉู่เอ๊ย ! เจ้าเอาแต่เลือกที่จะอดทนจนตอนนี้ในสายตาของคนนอกมีแต่คนมองว่าเจ้ามันก็แค่คนขี้ขลาด ทำไมหนอทำไม ฉินหว่านหรูถึงหน้ามืดตาบอดไปเลือกเจ้าได้ ? ถ้านางเลือกข้า ป่านนี้นางคงจะสามารถมีชีวิตที่ไร้กังวลไปแล้ว!”

อู๋เว่ยและผู้นำของตระกูลหยวนกับตระกูลเจิ้งแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่ายุคของตระกูลฉู่ใกล้จะหมดลงแล้ว!

ซือคุนเองก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเช่นกัน การแย่งชิงตลาดอาวุธเป็นก้าวแรกในการทำลายตระกูลฉู่ อีกไม่นานฉู่ชูเหยียนจะตกอยู่ในอ้อมกอดของข้า!

เซี่ยซิวที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่เช่นกันก็เริ่มอดไม่ไหวกระซิบไปทางพ่อของเขาเบา ๆ “ท่านพ่อ เราจะไม่ช่วยเหลือตระกูลฉู่ จริง ๆ เหรอ?”

“แน่นอนว่าพวกเราจะช่วยพวกเขา” เซี่ยอี้ตอบกลับ “แต่เป็นเมื่อไหร่นั้นเป็นคำถามที่เราควรหาคำตอบให้ถี่ถ้วน”

เจียงลั่วฝูไม่สนใจสงครามระหว่างตระกูลที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้านาง ตอนนี้นางแค่อยากรู้ว่าซูอันจะทำอะไรต่อไป ถึงแม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ แต่เขาเสียเวลาไปมากในวัยเด็กของเขา ส่งผลให้ตอนนี้เขามีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับ 3 เท่านั้น เขาคงไม่มีโอกาสเลยที่จะเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับ 5 อย่างหยวนเหวินตงได้

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะแนะนำให้เขาหยุดปกปิดความสามารถของตนและเปิดเผยคุณค่าออกไป แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาเหมาะที่เขาจะทำเช่นนั้น ระดับของคู่ต่อสู้ของเขามันห่างจากเขามากเกินไป

ด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด ฉู่จงเทียนโบกมือสั่งให้สมาชิกตระกูลฉู่เดินตามเขาจากไป แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดกลางคันเมื่อ หยวนเจิ้งฉู่ทัดทานขึ้นเสียงดัง “อ๋องฉู่ การประลองของเรายังไม่จบเลยไม่ใช่เหรอ ทำไมท่านถึงทำท่าเหมือนจะกลับไปแล้วแบบนี้?”

หยวนเจิ้งฉู่ไม่เคยกล้าพูดกับฉู่จงเทียนในลักษณะนี้มาก่อน แต่ด้วยการสนับสนุนของอ๋องอู๋และผู้ตรวจการซ่างหง รวมไปถึงชัยชนะที่ใกล้จะเกิดขึ้นตรงหน้าเขา เขาพลันรู้สึกมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม

“จะประลองอะไรอีก ?” ฉู่จงเทียนตอบกลับด้วยสีหน้าฉุนเฉียว

คนที่เหลืออยู่ในตระกูลฉู่ตอนนี้เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะ แต่ตระกูลหยวนกลับยังคงยืนกรานให้การประลองดำเนินต่อไป เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความพยายามที่จะทำให้ตระกูลฉู่เสียหน้ามากกว่าเดิมใช่ไหม?

หลายปีที่ผ่านมาข้าอดทนเกินไปจนแม้แต่มดแมลงตัวเล็ก ๆ พวกนี้กล้าปีนขึ้นหัวข้าแล้วงั้นเหรอ?

อู๋เว่ยหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “การประลองยังคงต้องดำเนินต่อไปอยู่แล้ว เพราะตอนนี้คะแนนระหว่างทั้งสองตระกูลคือ 4 ต่อ 4 ดังนั้นเราจึงต้องการนัดสุดท้ายเพื่อตัดสินการจัดสรรตลาดอาวุธ”

ซ่างหงพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้อง ตอนนี้ทั้งสองตระกูลยังเสมอกันอยู่ถ้าตระกูลฉู่ กลับไปก่อนแบบนี้ ข้าเกรงว่ามันจะยากสำหรับเราในการตัดสินใจในเรื่องการจัดสรรตลาดอาวุธ”

เขากังวลว่าถ้าตระกูลฉู่เดินออกไปโดยไม่ได้ประลองในรอบสุดท้าย มันจะเป็นการสร้างพื้นที่สำหรับการโต้แย้งผลการประลอง ตระกูลฉู่อาจเลือกที่จะอ้างว่าการประลองยังไม่เสร็จสิ้นและปฏิเสธที่จะยอมรับการจัดสรรส่วนแบ่งตลาดค้าอาวุธ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับลูกเขยที่มีชื่อเสียงของตระกูลฉู่ จากรายงานที่เขาได้รับเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซูอันดูเหมือนไม่ใช่คนไร้ค่าอย่างที่ทุกคนเข้าใจ

แม้แต่เจียงลั่วฝูก็พูดขึ้นสนับสนุน “ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร การประลองรอบสุดท้ายควรมีขึ้นเพื่อสรุปผลการประลองอย่างเป็นทางการ”

นางเองก็อยากรู้ว่าซูอันเลือกจะทำอะไรต่อไป เขาจะเลือกปิดบังความสามารถต่อไปหรือเขาจะพยายามฮึดสู้และทำให้ฝูงชนตื่นตะลึงหรือไม่?

แต่น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของซูอันดันเป็นหยวนเหวินตง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเอาชนะฝั่งตรงข้ามในวันนี้

เมื่ออีกสองคนแสดงเอ่ยขึ้นแสดงเจตนารมณ์ของตัวเองหมดแล้ว เซี่ยอี้ก็พยักหน้าเห็นด้วย “เนื่องจากนี่คืองานประลองระหว่างตระกูลที่เกี่ยวกับการจัดสรรส่วนแบ่งตลาดค้าอาวุธ ดังนั้นทั้งสองตระกูลควรประลองกันให้จบ แม้ว่าท่านอยากจะยอมรับความพ่ายแพ้ ท่านก็ควรปฏิบัติตามขั้นตอนให้ครบถ้วนซะก่อน”