ตอนที่ 135 ลงมือ!

“ในการเปิดเกราะพลังนั่นต้องใช้คนสี่คนไปยืนอยู่ทุกมุมของเกราะพลังและใช้วิชาลับของโรงเรียนปราชญ์พร้อมกัน แต่ตอนนี้เหลือพวกเราเพียงสามคนดังนั้นพวกเราจึงทําได้แค่ใช้กําลังเปิดออกไปแน่นอนว่ามันยากที่จะเปิดแม้จะรวมพลังกับขั้นปราณราชันทั้งสี่คน แต่ตอนนี้เกราะพลังถูกแรงระเบิดจากตงอู่ฉางมันเลยเริ่มมี จุดแตกเปราะบ้างแล้ว หากพวกเราช่วยกันทลายจุดนั้นด้วยการโจมตีอันหนักหน่วงมันก็ไม่ยากที่จะเปิดเกราะพ ลัง!” ซูหยานกล่าวอย่างช้า ๆ

จ้าวฮานเยวมองไปยังจุดที่เกราะพลังบอบบางที่สุด นางเห็นว่ามันเต็มไปด้วยรอยร้าวราวกับรังแมงมุมนางเลิกสงสัยในตัวซูหยานก่อนจะพยักหน้า “ตามที่เจ้าว่า!”

พวกเขาทั้งสามเดินไปยังจุดด้านซ้ายที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากระเบิด จากนั้นทั้งสามเริ่มโคจรพลัง

จ้าวฮานเยวค่อย ๆ ยกมือขึ้นบนอากาศ ในมือนางมีปราณพลังราวกับดอกบัวที่เป็นผลึกหยกดอกบัวเริ่ม ขยายรูปร่างใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้น ขณะที่จ้าวฮานเยว่กําลังควบคุมดอกบัวเพื่อจะระเบิดเกราะพลัง

ทันใดนั้นรังสีอํามหิตได้พุ่งมาจากทั้งสองด้านพร้อมกัน เปลือกตาจ้าวฮานเยว่กระตุกพร้อมสบถในใจบัด

ซบ!!

นางถอนดอกบัวที่กําลังจะกระทบกับกําแพงพลังออก จากนั้นปล่อยมันลงที่ตัวนางเอง “เมื่อพวกแกไม่คิดจะปล่อยข้ามีชีวิตรอด เช่นนั้นก็มาตายพร้อมกัน ฮ่าฮ่า…”

ท่าทีของซูหยานแลหัตถ์ภูตวิญญาณเปลี่ยนไปทันทีที่เห็นท่าทีของนาง พวกเขาไม่คาดคิดว่าสตรีตรงหน้าจะใจเด็ดถึงเพียงนี้ มันช้าเกินไปที่จะถอย ดังนั้นพวกเขาจึงทําได้เพียงลุยเข้าไป

ปิ้ง!

เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ จากนั้นคลื่นพลังอันน่าสะพรึงระเบิดออกจากตัวจ้าวฮานเยว่นางกลายเป็นชิ้นเนื้อในทันที ซูหยานและหัตถ์ภูตวิญญาณเองก็ถูกคลื่นอากาศที่รุนแรงเช่นนกันทันใดนั้นเกราะพลังได้ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ

ขณะที่ซูหยานและหัตถ์ภูตวิญญาณปลิวออกไป เส้นพลังสองเส้นได้พุ่งไปหาพวกเขา

คู่ต่อสู้ของหยางเย่คือหัตถ์ภูตวิญญาณ ถึงแม้หัตถ์ภูตวิญญาณจะบาดเจ็บหนัก หยางเย่ก็ไม่คิดจะออมแรง แรงพุ่งจากกรองเท้าและก้าววาย ทําให้ความเร็วของเขาประดุจดังสายฟ้าฟาด เขาข้ามระยะทางหกสิบเมตรในชั่วพริบตา และเพียงไม่กี่ลมหายใจก็มาถึงหัตถ์ภูตวิญญาณ หยางเยไม่รอช้ารีบชักดาบฟันออกไป

หัตถ์ภูตวิญญาณถอนหายใจโล่งอกทันทีที่เห็นจ้าวฮานเยวสิ้นชีพ ถึงแม้เขาจะถูกแรงระเบิดกระเด็นแต่ปัญหาสุดท้ายก็ได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขากําลังจะกระทบลงกับพื้นความรู้สึกที่อันต รายอย่างมหาศาลได้พุ่งเข้ามาในหัวเขา

จากนั้นเขาเห็นร่างหนึ่งที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าปรากฏตัวตรงหน้า และร่างนั้นได้แทงดาบตรงมาอย่างรวดเร็ว

หัตถ์ภูตวิญญาณหวาดผวาอย่างมากเพราะความเร็วของดาบ หากเป็นเวลาอื่นเขายังพอรับมือไหวแต่ตอนนี้เขาทําได้เพียงมองดูและพยายามป้องกันตนเองตามสัญชาตญาณ

เมื่อเห็นหัตถ์ภูตวิญญาณยกมือขึ้นมาป้องกัน หยางเย่ทราบดีว่ามันไม่ใช่มือธรรมดา ดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะใช้เจตจํานงแห่งดาบเพื่อเพิ่มกําลังในการโจมตี

ดาบได้ตัดมือขวาของหัตถ์ภูตวิญญาณทิ้ง แต่กลับไม่มีเลือดออกมาแม้แต่หยดเดียว

“ดาบ…” หัตถ์ภูตวิญญาณเปิดตากว้าง มันเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่น่าเชื่อ แต่ขณะที่ยังเอ่ยไม่จบประโยคดาบก็ได้แทงทะลุหน้าอกของเขาเสียแล้ว

“เป็นไปได้ยัง? เจตจํานง…” หัตถ์ภูตวิญญาณเปิดปากพร้อมกล่าวด้วยเสียงเฮือกสุดท้ายแต่เขาก็ไม่อาจกล่าวจบขณะที่หัวได้ลอยออกไปกลางอากาศเรียบร้อย…

หยางเย่เก็บดาบพร้อมส่ายหัว เขาไม่เข้าใจว่าทําไมผู้คนมากมายชอบกล่าวเรื่องไม่เป็นเรื่องขณะอยู่ในสนามรบ การพล่ามไร้สาระขณะต่อสู้นั้นไม่ใช่ว่ามันเป็นการเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้หรอกหรือ?

หยางเยส่ายหัวอีกครั้งและหยุดคิด จากนั้นได้มองไปอีกทางหนึ่ง เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นการต่อสู้ระหว่างฉันเยว่และซูหยาน

เวลานี้ถึงแม้ฉินเยว่จะสู้กับซูหยานที่กําลังปลิวอยู่ แต่ซูหยานก็ยังมีชีวิตอยู่ ยิ่งกว่านั้นซูหยานยังดูได้เปรียบกว่า

หยางเย่ไม่ลังเลที่จะพุ่งออกไป เขาทิ้งภาพติดตาไว้ข้างหลังจํานวนนับไม่ถ้วนก่อนจะเข้าไปถึงซูหยาน

ซูหยานที่กําลังเพ่งสมาธิในการต่อสู้กับฉินเยว่เหมือนจะสังเกตได้ หน้าที่ซีดเผือดของเขากลายเป็นไม่สู้ดีเข้าหนักยิ่งขึ้น เขาฟาดดาบกระทบกับแส้ฉินเยว่ และใช้แรงกระแทกนี้ถอยหลังไป

เขาถอยไปได้ไม่กี่ก้าวก่อนจะเปลี่ยนทิศทาง จากนั้นดาบในมือได้แทงออกไปทางหยางเยู่ที่กําลังจะถึง

การโจมตีนี้รวดเร็วจนเกินขีดจํากัด

ประกายแห่งความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาหยางเย่ ชายตรงหน้าไม่ได้ตกใจหรือคิดจะหนีเขากลับหันมาโจมตีหยางเย่แทน ยิ่งกว่านั้น ความเร็วดาบของซูหยานยังร้ายกาจอย่างมากมันเร็วจนหยางเย่เย่ไม่สามารถจับสัญญาณจากดาบของซูหยานได้

หยางเย่ไม่ได้ถอยหนี และไม่มีโอกาสที่จะทํา เพราะครั้งนี้ซูหยานโจมตีเขาอย่างเต็มกําลัง!

ขณะที่ดาบของซูหยานแทงตรงมา หยางเย่เองก็ชักดาบพร้อมแทงไปทางซูหยานเช่นกัน

ชิง ชิง

ดาบทั้งสองเล่มปะทะกันอย่างรุนแรง และมันทําให้ร่างของพวกเขากระเด็นออกไป

ขณะที่ซูหยานกําลังกระเด็นฉินนี่เยว่ก็มาถึงพอดี แส้ของนางฟาดไปโดนซูหยาน

เขามองดูบาดแผลตรงหน้าอกหยางเย่สูดหายใจลึกก่อนจะใช้ยันต์ฟื้นฟู จากนั้นเขาหยุดพักพร้อมพุ่งไปโจมตีซูหยานอีกครั้ง

“พวกเจ้าทั้งสองไม่เกรงกลัวอํานาจของโรงเรียนปราชญ์เลยหรือไง?” ขณะต่อสู้กับทั้งสองซูหยานได้เอ่ย ขึ้นอย่างเย็นเยือก หากเป็นเวลาปกติ ถึงแม้จะไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้เขาก็ยังพอจะคิดหนี

แต่ตอนนี้มันราวกับคันธนูที่อยู่ปลายสุดระยะทาง ดังนั้นเขาจะต้องตายแน่นอนหากยังดําเนินการต่อสู้ต่อไปถึงแม่โรงเรียนปราชญ์จะมีวิชาลับอยู่ แต่เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นเพราะผลกระทบก่อนหน้านี้รุนแรงเกินไป!

ฉินเยว่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นซูหยานยังมีแรงกล่าวคํา และนางตัดสินใจทันที “เรียกกําลังเสริม!”

หยางเย่ไม่ลังเลอีก เขาเรียกราชันหมาป่าสีเงินออกมา

ซูหยานตกอยู่ในอาการผวาเมื่อเห็นสัตว์อสูรราชันปรากฏ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยอาการตกใจและไม่น่าเชื่อเขาเอ่ยคําออกมาราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ”สัตว์อสูรราชันเป็น… เป็นไปได้ยังไง?”

บริว!

สีเงินหอนก่อนจะพุ่งไปตะปบซูหยาน

เวลานี้ปราณดาบสีทองก็ออกมาจากดาบของหยางเย่ และพุ่งไปทางซูหยานเช่นกัน

ฉินเยว่ไม่รอช้า นางใช้แส้ที่อาบไปด้วยพิษงูฟาดไปที่ซูหยาน

เมื่อเห็นหยางเย่ ฉินเยว่ และสัตว์อสูรราชันจะเอาชีวิตตนเองการแสดงออกที่หนักแน่นปรากฏผ่านดวงตาเขาหลังจากนั้นท่าที่ชั่วร้ายก็ปรากฏออกมาพร้อมการแสดงออกที่คลุ้มคลั่ง “พวกเจ้าบังคับให้ข้าทําสิ่งนี้เองนะ มาตายด้วยกัน! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ทันทีที่กล่าวจบ พลังปราณล้ําลึกในร่างของเขาโคจรอย่างหนักหน่วง ท้องของเขาเริ่มโตขึ้นเหมือนกับตงอู่ฉางก่อนหน้านี้

เปลือกตาของหยางเย่และฉินเยว่กระตุกเมื่อเห็น หยางเย่ไม่กล้าจะถอยกลับ เจตจํานงแห่งดาบโคจรราวกับสายน้ําพุ่งไปทางซูหยานที่คิดจะระเบิดตนเอง

ทันใดนั้นซูหยานรู้สึกว่ามีแรงกดดันมหาศาลพุ่งมา และพลังปราณของเขาโคจรชําลงอย่างเห็นได้ชัดดูเหมือนเขาจะครุ่นคิดบางอย่างพร้อมเงยหน้ามองหยางเย่ ไม่นานเขาร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว “เจต เจตจํานง…”

ขณะกําลังกล่าว แส้กับดาบได้แทงทะลุหน้าอกเขา และกรงเล็บของสีเงินตบไปที่หัวเขาอย่างรุนแรง

ปัง!

เสียงระเบิดดังก้อง พื้นดินสั่นสะเทือนขณะที่ร่างของซูหยานกลายเป็นชิ้นเนื้อ

หยางเย่ถอนหายใจออกมายาวก่อนจะเก็บสีเงินเข้าที่เดิม โชคดีที่เขาสามารถหยุดซูหยานจากการระเบิดตัวเองทิ้งได้ มิเช่นนั้นถึงแม้พวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้ แต่ก็ต้องบาดเจ็บหนัก เพราะไม่ว่าจะร่างของเขาหรือสัตว์อสูรราชันอย่างสีเงิน มันก็ต้องบาดเจ็บอย่างหนักหากโดนแรงระเบิดนั้น

“ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” ทันใดนั้นฉันเยว่เดินไปหาหยางเย่ นางมองไปที่อกของเขาก็จะเอ่ยอย่างนุ่มนวล

หัวใจหยางเย่รู้สึกดีขึ้นมาเมื่อได้ยินน้ําเสียงของนาง “ข้าไม่เป็นไร ข้าใช้ยันต์ฟื้นฟูระดับสูง แผลนี้จึงได้รับ การรักษาแล้ว”

ระดับสูงส่งให้ฉินชีเยว่ “ใช้มันสิ ข้าเห็นว่าท่านก็มีบาดแผลจากดาบของ

ทันทีที่กล่าวจบเขาหยิบยันต์ เขาเช่นกัน!”

ฉินเยวมองไปที่ยันต์ฟื้นฟูระดับสูงในมือ จากนั้นนางเงยหน้ามองหยางเยด้วยสายตาประหลาด “ข้าเห็นว่าเจ้านั้นมั่งคั่งและยังมียันต์มากมาย ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นระดับสูง ข้าคาดว่าเจ้าคงเป็นทายาทนอกสมรสของเจ้าลัทธิผู้ใช้ยันต์ รอเดี๋ยว แม้จะเป็นทายาทนอกสมรสของเจ้าลัทธิผู้ใช้ยันต์ก็ไม่น่าจะร่ํารวยได้ถึงขนาดนี้ บอกข้ามาว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?”

หยางเยู่ปาดจมูกพร้อมเผยรอยยิ้ม “ข้าคืออาจารย์ยันต์ มันเป็นเรื่องปกติมากที่จะมียันต์จํานวนขนาดนี้ใช่หรือไม่?”

“เจ้าคืออาจารย์ยันต์งั้นหรือ?” ฉินเยว่เปิดตากว้างก่อนจะมองไปที่หยางเยู่ด้วยแววตาสงสัย

“แล้วท่านคิดว่าข้าเอายันต์จํานวนมากมายมาจากไหนล่ะ?” หยางเย่ยักไหล่