หลิวเฟยเหยียนและหลี่ชางฉิงมองเงาหลังฉิงเฟิงที่เดินลงเวทีไปด้วยความโกรธในดวงตา
หลิวเฟยเหยียนและหลี่ชางฉิงคือผู้ชนะเลิศและรองชนะเลิศของการแข่งขันนี้เมื่อปีที่แล้ว แต่ในปีนี้เนื่องจากการเข้าร่วมของฉิงเฟิง ทำให้พวกเขาไม่สามารถตอบคำถามได้แม้แต่คำถามเดียว มันช่างน่าอับอายนัก
ฉิงเฟิงเก่งกาจมาก แม้แต่หลิวเฟยเหยียนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่หลิวเฟยเหยียนและหลี่ชางฉิงเท่านั้นที่รู้สึกโกรธ แต่รวมถึงผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆด้วยเช่นกัน ทุกคนต่างมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความไม่พอใจ ถ้าหากไม่ได้อยู่ในระหว่างการแข่งขัน พวกเขาอาจจะเข้าไปรุมกินโต๊ะฉิงเฟิงไปแล้ว
ในขณะนี้ ฉิงเฟิงกลายเป็นศัตรูของผู้เข้าร่วมทั้งหมด ทุกคนมองเขาด้วยความโกรธ ถ้าหากการจ้องมองสามารถฆ่าคนได้ เขาคงจะตายหลายร้อยครั้งแล้ว
ฉิงเฟิงไม่ได้แคร์สายตาที่จ้องมองมาทางเขาด้วยความโกรธ เป้าหมายเดียวของเขาคือการเอาชนะในการแข่งขันครั้งนี้ เรื่องอะไรจะต้องอ่อนข้อให้คนอื่น ?
ผู้สื่อข่าววิ่งเข้าไปรุมล้อมฉิงเฟิงเมื่อเขาก้าวลงจากเวที พวกเขาเอาไมโครโฟนจ่อหน้าฉิงเฟิงและถามว่า “คุณหลี่ฉิงเฟิงครับ คุณเป็นผู้ชนะในรอบแรกบอกพวกเราหน่อยครับว่าคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ?”
ในบรรดาไมโครโฟนหลายสิบอัน ฉิงเฟิงเลือกที่จะพูดใส่ในไมโครโฟนของหวังเสี่ยวลี่เพียงคนเดียว เขากล่าวว่า “ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันในรอบแรก ผู้สื่อข่าวหลายคนคิดว่าผมจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน แต่มีนักข่าวเพียงคนเดียวเท่านั้น, หวังเสี่ยวลี่ เธอเชื่อว่าผมจะชนะ ดังนั้นผมต้องการจะบอกพวกคุณทุกคนว่า ผมจะไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง !”
ใบหน้าของผู้สื่อข่าวต่างก็กลายเป็นสีแดงด้วยความอับอายเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
พวกเขาแทบทุกคนต่างก็เป็นคนที่ดูหมิ่นฉิงเฟิงก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับมารุมสัมภาษณ์ฉิงเฟิง
“เฮอะ ! เขาเพิ่งชนะในรอบแรกเท่านั้น ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ยังมีอีกตั้งสองรอบ”
“ถูกต้องแล้ว รอบแรกเป็นเพียงการทดสอบความรู้ทางทฤษฎี การประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติมีความสำคัญมากกว่าในวงการวัตถุโบราณ”
“ใช่ๆ แม่งเอ้ย เขาโคตรหยิ่งยโสเลย ฉันคิดว่าเดี๋ยวหลิวเฟยเหยียนหรือไม่ก็หลี่ชางฉิงจะต้องเอาชนะเขาได้ในภายหลังแน่นอน !”
ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะได้รับชัยชนะอย่างขาดลอยในรอบแรกตอนนี้ แต่เพื่อเป็นการแก้เก้อ นักข่าวบางคนที่ไม่พอใจต่อคำพูดของเขาจึงดูถูกเขาด้วยเสียงต่ำ
หลิวเฟยเหยียนคือผู้ชนะในการแข่งขันเมื่อปีที่แล้ว นอกจากนั้นเธอก็ยังเป็นสาวงามอีกด้วย เธอจึงมีผู้สนับสนุนและแฟนคลับมากมาย
ฉิงเฟิงไม่สนใจคำพูดของคนที่ดูถูกเขา เขาเดินไปที่นั่งแถวสุดท้ายและถามหลินเสวี่ยว่า
“ผลงานของฉันเป็นอย่างไรบ้างละ ?”
หลินเสวี่ยชูนิ้วโป้งให้สามีและกล่าวว่า “คุณยังเป็นที่สุดเหมือนเคย ชั้นก็หลงกังวลไปว่าคุณจะไม่ไหวเมื่อมีคู่แข่งที่เยี่ยมยอดมากมายขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นที่ 1”
หลินเสวี่ยรู้สึกดีใจที่ฉิงเฟิงได้รับชัยชนะในรอบแรก
ฉิงเฟิงยิ้มอย่างเย่อหยิ่งและกล่าวว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เดี๋ยวอีกสักพักฉันจะเอาชนะการแข่งขันนี้และทำให้หลิวเฟยเหยียนมาขอขมาคุณในที่สาธารณะให้ดู”
หลินเสวี่ยยิ้มอย่างงดงามและพยักหน้าให้เขา เธอเชื่อคำพูดของฉิงเฟิงแล้ว เธอเชื่อว่าเขาจะสามารถเอาชนะการแข่งขันครั้งนี้ได้
หลังจากที่ฉิงเฟิงเดินลงจากเวทีการแข่งขันของรอบแรก ถังเล่ยก็ยังตั้งคำถามต่อไปกับคนที่เหลือ การแข่งขันระหว่างผู้เข้าร่วมที่เหลือนั้นมีความรุนแรงมาก คำถามส่วนใหญ่ถูกหลิวเฟยเหยียนและหลี่ชางฉิงแย่งตอบแทบทั้งหมด ผู้เข้าร่วมรายอื่นแทบจะไม่มีโอกาสในการตอบคำถามแม้แต่น้อย
หนึ่งชั่วโมงต่อมาได้มีการประกาศผลของรอบแรก มีผู้เข้าร่วมที่ผ่านรอบแรกกว่า 100 คน ส่วนฉิงเฟิงก็เป็นผู้ชนะอันดับหนึ่งของรอบแรกอย่างเป็นเอกฉันท์
รอบที่สองก็คือการตรวจสอบวัตถุโบราณ ผู้เข้าร่วมแต่ละคนจะต้องนำวัตถุโบราณมาและให้อีกฝ่ายเป็นผู้ตรวจสอบ ผู้ที่ชนะจะได้เข้ารอบต่อไปส่วนผู้แพ้จะถูกคัดออก
แน่นอนว่ามีผู้เข้าร่วมที่ยังเหลืออีกกว่า 100 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนมากมายนัก
ฉิงเฟิงเป็นผู้ชนะในรอบแรก ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่จะจับสลากสุ่มคู่ต่อสู้ ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาหลังจากที่เขาดึงไม้สลากขึ้นมาจากภาชนะไม้ไผ่ ฝ่ายตรงข้ามของเขาไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหลี่ชางฉิงนั่นเอง
“นัดแรกของรอบที่สองได้เริ่มขึ้นแล้ว มันจะเป็นการพบกันระหว่างหลี่ฉิงเฟิงกับหลี่ชางฉิง” ถังเล่ยประกาศเสียงดัง
ฉิงเฟิงเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยจี้หยกจักรพรรดิ จี้หยกชิ้นคือจี้ที่เขาได้มาเมื่อตอนที่ไปพนันหินกับหลิวหรูหยานที่ตลาดพนันนั่นเอง (จำได้เปล่าหินเน่าๆที่ฉิงเฟิงเลือกตอนพนันหิน ช่วงก่อนที่จะเปิดซิงหรูหยานน่ะ)
ส่วนหลี่ชางฉิงเขาถือจานมาหนึ่งใบ จานใบนี้เป็นจานเซรามิคสีขาวราวกับหิมะที่งดงามและมีลวดลายที่ซับซ้อนบนจาน
ทั้งสองฝ่ายต่างก็แลกเปลี่ยนวัตถุโบราณให้แก่กันเพื่อใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นของแท้หรือของปลอม พวกเขาจะต้องเขียนผลของการตรวจสอบลงบนแผ่นกระดาษและส่งมอบให้กับถังเล่ย
10 นาทีต่อมา ก็เป็นเวลาประกาศผลของการตรวจสอบ
หลี่ชางฉิงยิ้มบางๆและกล่าวลั่นว่า “จี้หยกจักรพรรดิระดับสุดยอดชิ้นนี้เป็นของปลอมแน่นอน ! เพราะจี้หยกจักรพรรดิที่มีคุณภาพระดับสุดยอดขนาดนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนในตลาดและในวงการนี้เลย !”
ผู้คนรอบข้างต่างก็พยักหน้าและเห็นด้วยกับคำพูดของหลี่ชางฉิง พวกเขาล้วนมีความเข้าใจในเรื่องหยกจักรพรรดิระดับสุดยอด มันเป็นหยกประเภทที่หาได้ยากที่สุดในบรรดาหยกทั้งหลายบนโลกและจะปรากฏทุกๆ 100 ปีเท่านั้น
หยกจักรพรรดิเคยปรากฏในตลาดมาก่อน แต่ทว่าหยกจักรพรรดิระดับสุดยอดเช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย หยกจักรพรรดิระดับสุดยอดชิ้นสุดท้ายที่รู้กันปรากฏขึ้นในช่วงครองราชย์ของจักรพรรดิเฉียนหลง
ฮ่าๆ !
ฉิงเฟิงรู้สึกขำมากกับคำพูดของชายคนนี้ เขากล่าวว่า “จี้หยกจักรพรรดิระดับสุดยอดชิ้นนี้คือของจริงต่างหาก คุณมันกบในบ่อมากที่คิดว่ามันเป็นของปลอม”
“ไม่มีทาง ! เป็นไปไม่ได้ คุณโกหกผม ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันเป็นของจริง” หลี่ชางฉิงส่ายหัวด้วยความไม่เชื่อ
ถังเล่ยขมวดคิ้วของเขาและกล่าวว่า “หลี่ฉิงเฟิง งั้นคุณโปรดพิสูจน์ว่าจี้หยกจักรพรรดิระดับสุดยอดชิ้นนี้ของคุณนั้นเป็นของจริง”
ฉิงเฟิงพยักหน้าและนำค้อนมา ท่ามกลางความประหลาดใจจากผู้ชมทั่วทั้งห้องโถง เขาเหวี่ยงค้อนไปทางจี้หยก
เปรี้ยง !
จี้หยกจักรพรรดิระดับสุดยอดแตกออกทันทีและเปิดเผยสภาพภายในของชิ้นหยก ภายในนั้นคือหยกที่เป็นสีเขียวเข้มยิ่งกว่าภายนอก ไม่มีสิ่งเจือปนใดๆแม้แต่น้อยในเนื้อหยก
ห๊า ? มีหยกสีเขียวเข้มไร้ตำหนิซ้อนอยู่ภายใน ?
ผู้คนรอบข้างต่างก็มึนงงและรู้สึกทึ่ง พวกเขาทั้งหมดมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวัตถุโบราณ พวกเขารู้ว่าจี้หยกจักรพรรดิระดับสุดยอดของจริงนั้น ภายในจะมีสีเขียวเข้มไร้สิ่งเจือปน
ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าจี้หยกจักรพรรดิระดับสุดยอดชิ้นนี้เป็นของแท้ แต่ผู้คนรอบข้างต่างก็มองเขาด้วยอาการเหวอ
จี้หยกชิ้นนี้มีมูลค่านับสิบล้านเหรียญ ฉิงเฟิงกล้าทุบจี้จนแตกเพื่อพิสูจน์ว่ามันเป็นของแท้ นี่มันคือจี้ที่มีมูลค่านับร้อยล้านหยวนเชียวนะ !
อะไรกัน ? ฉันเดาผิดงั้นหรือ ?
ใบหน้าของหลี่ชางฉิงเปลี่ยนเป็นซีดเซียว เขาไม่คาดคิดเลยว่าการตรวจสอบของเขาจะผิดพลาด
แต่หลี่ชางฉิงก็เรียกคืนความมั่นใจกลับมาเมื่อเขาเห็นจานที่อยู่ในมือ เขาคิดว่าเขายังไม่แพ้ เขากล่าวว่า “หลี่ฉิงเฟิง งั้นคุณบอกผมมาสิว่าจานเซรามิคของผมใบนี้เป็นของจริงหรือของปลอม ?”
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและตรวจสอบจานอย่างละเอียดด้วยความรวดเร็ว จานเซรามิกใบนี้ดูเหมือนของปลอม จานสะอาดและขาวเกินไป
อย่างไรก็ตาม ฉิงเฟิงไม่ใช่คนประเภทที่ตัดสินบนพื้นฐานจากการสังเกตแบบลวกๆ