บทที่ 62 พี่ฉางหลิน งามหรือไม่

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 62 พี่ฉางหลิน งามหรือไม่?
จะพูดยังไงดีล่ะ แค่รู้สึกว่าสวีฉางหลินดีกับเมีย ไม่เพียงแค่ดีกับนางโจวกุ้ยหลานเท่านั้น

พอคิดอย่างนี้ นางเบ้ปาก รู้สึกไม่ชอบใจนัก

กำลังครุ่นคิดอยู่ ก็ได้ยินเสียงโจวชิวเซียงดังขึ้นว่า “พี่ฉางหลิน พี่ตื่นเช้าขนาดนี้เชียวรึ?”

โจวกุ้ยหลานเหลือบตามองไป ก็เห็นโจวชิวเซียงวิ่งถือชุดตัวเองเข้ามาทางนี้ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม สายตาจับจ้องมองสวีฉางหลินเขม็ง

“ต้องออกนอกหน้าขนาดนี้ไหมเนี่ย?”

โจวกุ้ยหลานพึมพำออกมาหนึ่งคำ ยังไม่รอนางพูดอะไร โจวชิวเซียงก็วิ่งมาตรงหน้าแล้ว

ตอนนี้โจวกุ้ยหลานถึงเห็นว่าโจวชิวเซียงใส่ชุดกระโปรงลายดอกไม้เล็กๆ เดิมทีนางก็เป็นสตรีที่งดงามที่สุดในหมู่บ้านอยู่แล้ว พอแต่งตัวเข้า ก็ยิ่งอรชรขึ้นหลายส่วน

ไม่รอสวีฉางหลินมีปฏิกิริยา โจวกุ้ยหลานก็เอ่ยปากก่อนเลยว่า “วันนี้ชิวเซียงใส่ชุดใหม่รึ?”

โจวชิวเซียงถลึงตามองโจวกุ้ยหลานอย่างรังเกียจ

วันนี้นางจงใจเอาชุดที่ดีที่สุดออกมาใส่ ก็เพื่อใส่ให้สวีฉางหลินดู พี่ฉางหลินยังไม่ได้พูดอะไรเลย โจวกุ้ยหลานก็พูดก่อนแล้ว นางรู้สึกว่าโจวกุ้ยหลานขัดหูขัดตาเป็นส่วนเกินยิ่งนัก

โดนนางถลึงตาใส่อย่างนี้ โจวกุ้ยหลานอดไม่อยู่ลูบจมูกตนเอง

นางพูดอะไรผิดล่ะ ทำไมรู้สึกเหมือนโจวชิวเซียงอยากฆ่านางนัก?

“ใช่ไง พี่ฉางหลิน งามหรือไม่?” โจวชิวเซียงยกชายกระโปรงตนขึ้น ยิ้มอย่างเขินอาย แต่ความหมายของคำพูดคือ บอกสวีฉางหลินว่า “รีบชมข้าเร็ว!”

สวีฉางหลินพินิจมองดูชุดตรงหน้า พลางพยักหน้า ชุดนี้งามยิ่ง พอคิดว่าเมียตนกลับมีแค่ชุดผ้าฝ้ายไว้ผลัดเปลี่ยนแค่สองชุดเท่านั้น ก็รู้สึกว่า ควรจะต้องไปทำให้เมียสักชุด

“อืม งาม”

ในใจคิด ก็พูดออกมาเลย

โจวชิวเซียงที่ได้รับคำชมรู้สึกเหมือนตัวลอยขึ้นมา พี่ฉางหลินชอบนางจริงๆด้วย!

หันมองโจวกุ้ยหลานที่แห้งกร้านยืนอยู่ข้างๆอย่างไม่แยแส พลางแค่นเสียงฮึ

โจวกุ้ยหลานที่หน้าตาแห้งกร้านเหลืองอ๋อยนี่ เอาอะไรมาเทียบกับนางกัน?

โจวกุ้ยหลานลูบจมูกแก้เก้ออีกครั้ง ทำไมนางรู้สึกว่าโจวชิวเซียงดูเลิศเลอกว่านางล่ะ?

“งั้นข้างามหรือพี่กุ้ยหลานงามเล่า?” โจวชิวเซียงรุกถามต่อ

โจวกุ้ยหลานสีหน้าดำมืดไปหลายส่วน ยัยหนูนี่จะเกินไปไหม?

สวีฉางหลินเทน้ำลงในโอ่งน้ำอีกครั้ง คราวนี้เขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเลย

“พี่ฉางหลิน ข้างามหรือพี่กุ้ยหลานงามกว่า?” โจวชิวเซียงไม่ได้ยินคำตอบที่ตนพอใจ ทนไม่ไหวรุกถามอีกรอบ

นี่เห็นเสือไม่แยกเขี้ยว เลยนึกว่านางเป็นแมวป่วยหรือไง?

“ภายภาคหน้าในสายตาสามีเจ้า เจ้าย่อมงามที่สุดอยู่แล้ว” โจวกุ้ยหลานเบ้ปาก พูดออกมา

พูดอีกอย่างคือ ในสายตาสามีนาง ย่อมเป็นเมียคนนี้ที่งามกว่า

สวีฉางหลินที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้ารับ พลางพูด “อืม”

คำพูดนี้ทำโจวชิวเซียงโกรธจัด เพื่อให้ได้มาเจอพี่ฉางหลิน นางลุกขึ้นมาแต่งตัวแต่เช้า ตอนนี้กลับโดนว่าอย่างนี้เข้า นางมีหรือจะยอมรับง่ายๆ?

“ข้าถามพี่ฉางหลินนะ เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย? เจ้ากลัวพี่ฉางหลินจะบอกว่าข้างามกว่าเจ้ากระมัง?” โจวชิวเซียงย้อนใส่โจวกุ้ยหลานอย่างโกรธเคือง

ยัยเด็กนี่ ทำไมซื่ออย่างนี้นะ?

โจวกุ้ยหลานปาดเหงื่อเป็นกังวลกับไอคิวโจวชิวเซียงแล้ว

“งามไม่งามก็มิเป็นไรนี่ อย่างไรข้าก็แต่งงานกับฉางหลินแล้ว แต่พอเจ้าพูดเยี่ยงนี้ ข้าก็รู้สึกว่าต้องบำรุงความงามเสียหน่อยแล้ว ถึงเวลานั้นจะได้ให้สามีข้าดู” โจวกุ้ยหลานพูด พลางลูบใบหน้าตนเอง

เจ้าของร่างเดิมทำงานในไร่นามานาน โดนแดดเผาจนเหลืองอ๋อย บวกกับขาดสารอาหารอีก นางเลยยิ่งผอมเลย ใบหน้าเหลือแค่หนังหุ้มกระดูก ไม่งามจริงๆด้วย แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ เจ้าของร่างเดิมยังไม่น่าเกลียด ถ้าบำรุงรักษาให้ดีๆ ไม่แย่แน่

วันนี้โดนนางมาก่อกวนแบบนี้ เท่ากับเตือนโจวกุ้ยหลานเหมือนกันว่า ผู้ชายน่ะยังไงก็ดูหน้า

นางต้องบำรุงใบหน้าตัวเองหน่อยแล้ว

“ต่อให้แต่งงานแล้วก็หย่าร้างได้! เจ้าก็เป็นเมียคนที่สองของพี่ฉางหลินมิใช่รึ?” โจวชิวเซียงพูดอย่างดื้อดึง

สวีฉางหลินที่อยู่ข้างๆคิ้วขมวดมุ่น วางถังในมือลงพลางถาม “เจ้ามีธุระอะไร?”

โจวชิวเซียงเห็นพี่ฉางหลินของนางยอมพูดกับนางแล้ว ก็รีบตอบ “ไม่มีอะไร แค่มาดูพี่เฉยๆ”

“อีกเดี๋ยวพวกเราจะเข้าเมือง เจ้าไม่มีอะไรก็กลับไปเถอะ” สวีฉางหลินพูดเสียงเรียบ

ความรู้สึกไม่พอใจของโจวกุ้ยหลานเมื่อครู่ถูกสวีฉางหลินปลอบประโลมลงไป ผู้หญิงคนนี้เข้าหา ก็ต้องดูท่าทีของสามีตัวเอง เห็นได้ชัดว่า ท่าทีของสวีฉางหลินสอบผ่าน

โจวชิวเซียงกลับฟังไม่ออกว่าสวีฉางหลินไล่นาง ในหูกลับได้ยินแต่ว่าเขาจะเข้าเมือง

ไปเมืองไม่ง่ายเลย และยังไปกับสวีฉางหลินด้วย!

“พอดีเลยข้าก็จะไปเมือง พี่ฉางหลินพวกเราไปด้วยกันเถอะ?”

ระหว่างพูด โจวชิวเซียงก็วิ่งเข้าหาสวีฉางหลิน และยังคิดจะกอดแขนสวีฉางหลินอีกด้วย

โจวกุ้ยหลานมองจ้องจิกตาเขม็ง ถ้าสวีฉางหลินกล้าแตะเนื้อต้องตัวกับนาง เขาตายแน่!

สวีฉางหลินเบี่ยงไปด้านข้าง หลยโจวชิวเซียง โจวชิวเซียงพลาดเป้า มองสวีฉางหลินนิ่งอย่างงงๆ

ปฏิกิริยานี้ทำให้โจวกุ้ยหลานสบายใจละ ผู้ชายคนนี้ยังรู้จักเรื่องไหนควรไม่ควร สวีฉางหลินกลับไปตักน้ำต่อ โจวชิวเซียงราวกับได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก รู้สึกหัวใจจะแตกสลาย ทำไมพี่ฉางหลินทำกับนางเยี่ยงนี้? ไม่ เป็นไปไม่ได้ พี่ฉางหลินชอบนางขนาดนั้น จริงสิ ต้องเป็นเพราะโจวกุ้ยหลานแน่! พี่ฉางหลินที่ใจดีไม่อยากทำร้ายนาง เลยได้แต่หลบหลีกนาง

อีกทั้งนางยังเป็นสตรีที่งามที่สุดในหมู่บ้านด้วย พี่ฉางหลินคงคิดแน่ว่า ตัวเองไม่คู่ควรกับนาง

พอคิดได้อย่างนี้ โจวชิวเซียงรู้สึกสบายใจละ เพียงแต่ยังแสร้งทำน่าสงสาร

โจวกุ้ยหลานขี้เกียจสนใจโจวชิวเซียง ถือแป้งขาวเดินออกมา และทำเซาปิ่งในเตา

แถมยังตอกไข่ใส่แป้งขาว จุดไฟ เริ่มปิ้งในเตา

สวีฉางหลินนั่งใช้เถาวัลย์ถักเชือกอยู่ในห้อง โจวชิวเซียงคว้าเก้าอี้เล็กมานั่งข้างเขา ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำด้วยความน้อยใจ

“พี่ฉางหลิน เหตุใดพี่ไม่สนใจข้าล่ะ?”

“เปล่า” สวีฉางหลินตอบตรงเผง

พอได้ฟังคำตอบจากเขา โจวชิวเซียงดีใจอีก น้ำเสียงเร็วขึ้นหลายส่วน “พี่ฉางหลิน อีกเดี๋ยวพาข้าไปเมืองด้วยได้เถอะนะ? ข้าอยากไปเมือง พี่รับปากข้าเถอะ”

น้ำเสียงนั้นลากยาวคำสุดท้าย กระเง้ากระงอดเต็มขั้น ทำเอาโจวกุ้ยหลานที่อยู่ในห้องครัวขนลุกขนพองไปทั้งตัว

โจวชิวเซียงนี่ช่าง…

ช่างเถอะช่างเถอะ รีบเซาปิ่งดีกว่า เดี๋ยวจะสายไป

ทางนี้สวีฉางหลินพูดเสียงเย็นชาว่า “เจ้าให้แม่เจ้าพาไป พวกเราจะไปทำงานกัน”

คำพูดนี้ถือว่าปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัดแล้ว

น่าเสียดาย โจวชิวเซียงกลับรู้สึกวาบหวานในใจที่ได้ยินอย่างนี้ นี่พี่ฉางหลินอยากให้นางไปเที่ยวเล่น ไม่อยากให้นางเหนื่อยแน่เลย

“ข้าไม่กลัว ขอแค่ได้อยู่กับพี่ฉางหลิน ข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!”