บทที่ 202 สมควรแล้ว

บทที่ 202 สมควรแล้ว

คนที่ร้านขายธัญพืชชอบตั๋วประจำชาติมาก ถ้าเปลี่ยนมาใช้ตั๋วธัญพืชประจำชาติหนึ่งจินก็จะซื้อได้เยอะ เพราะงั้นคนที่ถือตั๋วชนิดนี้จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

พอลองคิดดูอีกครั้ง ตั๋วธัญพืชที่แม่ให้เธอมาก็เป็นตั๋วประจำชาติเหมือนกัน

“ก็เห็นว่ามีคนกินข้าวหลายคน” ซูเหล่าซานยิ้มซื่อพร้อมเกาหัว “เสี่ยวเถียนกับพี่ รวมเถาฮวาอีกคนแล้วก็มีอาจารย์เสิ่นด้วย ที่บ้านเธออาหารน้อย เดี๋ยวจะไม่พอกิน”

“ข้าวขาวตั้งเยอะ ถ้าเปลี่ยนเป็นธัญพืชอาจจะกินได้นานก็ได้นะ” ซูเถาฮวาพูดอย่างทุกข์ใจ

ข้าวขาวหนึ่งจินเปลี่ยนเป็นแป้งข้าวโพดสองจินหรือไม่ก็มันเทศแห้งตากแห้งห้าจินแบบนี้

ไม่มีกิน อะไรก็ต้องลงท้องอยู่ดีไม่ใช่หรือ แล้วจะกินข้าวขาวกับบะหมี่แป้งสาลีไปทำไม?

หรือผสมอันที่แย่ที่สุดแล้วกินก็ได้ ดีกว่ากินเพียว ๆ เสียอีก

“พี่เถาฮวา ในเมื่อพี่ของฉันซื้อกลับมาแล้ว ก็มากินกันเถอะ!”

หลังจากที่ซูหม่านซิ่วคิดออกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ถึงอย่างไรก็เป็นธัญพืชที่พี่ส่งมาให้ เธอเพียงรับไว้ก็แค่นั้น

“ไอ๊หย่า ฉันไม่เคยกินขาวขาวขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต!”

แม้แต่ตอนที่หลี่ฉางหมิงยังอยู่ บ้านเรามีข้าวขาวกับบะหมี่แป้งสาลีน้อย แต่หลังจากที่ชายคนนั้นนอกใจก็ไม่เคยเห็นของพวกนี้อีกเลย

“พี่เถาฮวา ช่วยฉันทำอาหารทีค่ะ!”

สองพี่น้องวานให้หลานสาวดูแลน้องชาย ก่อนทั้งคู่จะไปทำอาหาร

ในไม่ช้าพวกเธอก็ทำเสร็จ แล้วนั่งกินข้าวด้วยกันเป็นครอบครัว เหล่าซานเอากล่องข้าวไปโรงพยาบาล และบอกว่าจะไปดูแลอาจารย์เสิ่น คืนนี้จะไม่กลับมานอนที่บ้าน

เฉินจื่ออันก็ไม่กลับมาเช่นกัน

สามวันผ่านไปในพริบตา เฉินจื่ออันกลับมามาแค่ครู่เดียว เห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องนี้มันยากลำบากขนาดไหน

ถึงคนที่บ้านจะพยายามปิดเรื่องนี้กับหลานสาว และไม่อยากให้เธอนึกถึงประสบการณ์อันเลวร้าย แต่เธอก็ยังได้ยินบทสนทนาของพวกเขาอยู่ดี

เพราะตระกูลหลี่คิดหาวิธีไว้ไม่น้อย ไม่ใช่แค่จะทิ้งหลี่จื่อกั๋วเท่านั้น แต่ยังคิดสาดน้ำสกปรกใส่ชุมชนหงซินและเสิ่นจื่อเจินด้วย

ที่จริงพวกเขาไปโรงพยาบาลเพื่อไปขู่เสิ่นจื่อเจินไม่ให้บอกความจริง

แล้วยังบอกให้อีกฝ่ายเข้ามอบตัวด้วยที่แอบมีความสัมพันธ์กับเถาฮวา ก่อนจะชนเข้ากับหลี่จื่อกั๋ว

พอได้ยิน เสิ่นจื่อเจินแทบจะโกรธตาย เคยเห็นคนไร้ยางอายมาก่อนนะ แต่ไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายอย่างตระกูลหลี่มาก่อนเลย

เขาปฏิเสธหัวชนฝา และสมาชิกของตระกูลหลี่ก็โกรธจัดก่อนขู่ว่าจะทำให้เขาเดือดร้อน

จากนั้นตระกูลหลี่ก็ส่งคนไปที่โรงพยาบาลจริง ๆ

โชคดีที่เฉินจื่ออันได้ส่งคนมาคอยปกป้องเขาเอาไว้แล้ว ไม่งั้นเสิ่นจื่อเจินได้ทนทุกข์อีกครั้งแน่

พอซูเสี่ยวเถียนได้ยิน ความประทับใจที่มีต่อตระกูลหลี่จากอำเภอยิ่งแย่ลงไปอีก คนแบบนี้อยู่ในตำแหน่งสูงส่งและมีอำนาจได้อย่างไรกัน?

โชคดีที่ชีวิตเช่นนี้ไม่ต้องให้รอคอยอีกนาน

“พ่อคะ ป้าคะ ไม่ต้องกังวลนะ ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี!” ซูเสี่ยวเถียนปลอบโยนคนในครอบครัว

พวกผู้ใหญ่รู้ว่าเสี่ยวเถียนก็พูดไปตามประสาเด็ก เธอไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาอยู่แล้ว

แต่พวกเขาไม่อยากให้เสี่ยวเถียนกังวล เลยพยักหน้ารับก่อนจะยิ้ม “อืม เสี่ยวเถียนพูดถูก ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี!”

สองวันต่อมา ซูเถาฮวากับซูเสี่ยวเถียนถูกเรียกตัวไปสอบสวน

เฉินจื่ออันเป็นคนมาเรียกทั้งสองคน

ซูเถาฮวารู้สึกลนลานเล็กน้อย กลัวว่าเธอจะพูดอะไรผิดไป และกังวลว่าซูเสี่ยวเถียนจะทำผิดพลาดถ้าโดนถามคำถาม

หลานสาวจับมือผู้เป็นป้า ก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “ป้าเถาฮวาคะ ไม่ต้องกังวลนะ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“เสี่ยวเถียน ถ้าไปถึงแล้วไม่ต้องพูดอะไรเยอะนะ แค่บอกว่าตอนนั้นตกใจมาก ตื่นมาก็จำอะไรไม่ได้แล้ว”

เพราะเสี่ยวเถียนเป็นเด็ก ถึงจำเหตุการณ์ไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

“คุณป้าเถาฮวา หนูไม่กลัวหรอกค่ะ คุณป้าเองก็ไม่ต้องกลัวด้วยนะคะ มีอาเขยอยู่เขาจะปกป้องพวกเราเอง”

ซูเสี่ยวเถียนคิดอยู่แล้วว่า ถ้าไปถึงเธอจะพูดอะไร ซูเสี่ยวเถียนมีความคิดของตัวเอง ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเด็ก แต่ก็เป็นพยานคนสำคัญ เธอจะลืมทุกอย่างไม่ได้!

ป้าเถาฮวาทำมันเพื่อปกป้องเธอ ตอนนี้เธอโตแล้ว และจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะปกป้องผู้อื่นด้วยเช่นกัน

หลังจากที่ทั้งสองมาถึงห้องพูดคุย ก็แยกกันไปตามลำพัง เถาฮวาพูดทุกอย่างที่คิดไว้ออกมาด้วยสภาพน้ำเสียงสั่นเครือ

เดิมทีก็ปรึกษาเฉินจื่ออันกับหัวหน้าซูมาก่อนแล้วว่าจะพูดมันออกมาเพื่อให้หลี่จื่อกั๋วเสียเปรียบ แต่จะไม่รวมตนเองและเสิ่นจื่อเจินรวมอยู่ในนั้น

และตัวเธอก็ได้คุยกับเสิ่นจื่อเจินมาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อถึงว่านั้นพูดสิ่งที่เหมือนกันออกมาก็เพียงพอแล้ว

ซูเสี่ยวเถียนถูกจัดให้พูดคุยอยู่ในห้องคนเดียว

ชายหญิงสองคนนั้นท่าทางใจดีมาก ไม่กดดันเธอเลยแม้แต่น้อย

หลังจากเห็นเด็กหญิง ทั้งสองก็ไม่คิดจะถามอะไรอยู่แล้ว และเด็กคนนี้ก็อายุน้อยด้วย คงไม่รู้หรอกว่าหลี่จื่อกั๋วคิดจะทำอะไร

แต่สิ่งที่ทำพวกเขาประหลาดใจคือ ถึงเด็กน้อยจะไม่รู้ว่าหลี่จื่อกั๋วจะทำอะไร แต่เธอก็เอาแต่พูดว่าอีกฝ่ายเป็นคนไม่ดี และจะลากเถาฮวาไปในทุ่ง ป้าพยายามดิ้นรน แล้วเธอก็บังเอิญไปเจอพอดี

หากเป็นเด็กคนอื่นก็เพียงแสร้งตีหน้านิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด พูดเยอะก็ผิดเยอะ แค่ทำเป็นไม่รู้ก็จบแล้วไม่ใช่หรือ?

เพราะเสี่ยวเถียนยังเด็กเลยถามมากไม่ได้ แต่น่าประหลาดใจที่ถามได้เยอะขนาดนี้

ถ้าไม่ได้มีความคิดที่จะทำมิดีมิร้ายผู้อื่น แล้วจะลากคนดี ๆ ไปที่ไร่ข้าวโพดทำไม?

ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มแล้วพูดกับเสี่ยวเถียน “สาวน้อย ข้อมูลที่เธอให้มามีค่ามากเลย นี่คือลูกอมสองเม็ดสำหรับเธอนะ!”

เจ้าหน้าที่หญิงหยิบลูกอมสองเม็ดออกมาจากลิ้นชัก แล้วใส่ไว้ในมือของซูเสี่ยวเถียน

ในระหว่างการสืบสวนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาพบว่าหลี่จื่อกั๋วเป็นพวกบิดเบี้ยวคนหนึ่ง ในตอนนั้นคนที่เขาคิดจะกระทำด้วยไม่ใช่เถาฮวาหญิงวัยกลางคน แต่เป็นเสี่ยวเถียนเด็กน้อยคนนี้

และจากหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลี่จื่อกั๋วทำเช่นนี้

แต่หัวหน้าเฉินพูดว่าต้องปกป้องสาวน้อยให้ได้

ทางฝั่งตระกูลหลี่ไม่ยอมโดนพวกขาจุ่มโคลนรังแกแน่นอน หลังจากที่การบีบบังคับล้มเหลวไปก็หาคนมาเพิ่มอีก ทั้งยังใช้กำลังคนและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อทำบางสิ่ง และคิดจะผลักหลี่จื่อกั๋วออกไป

แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบเงื่อนงำบางอย่าง และทางอำเภอเองก็ให้คนมาสอบสวนโดยตรง

และคนที่ตระกูลหลี่หามาก็ไม่กล้าออกนอกหน้าอีกแล้ว ทั้งยังพูดทั้งต่อหน้าและลับหลังอีกด้วยว่า พวกเขาทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น

พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฉินจื่ออันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วย

แต่มันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ใครใช้ให้หลี่จื่อกั๋วไอ้คนไร้ประโยชน์มันทำอะไรโดยไม่คิดล่ะ?

อีกทั้งเฉินจื่ออันเป็นคนที่ดื้อรั้นคนหนึ่งจริง ๆ

ก็เห็นชัด ๆ ว่ามันไม่ได้เป็นผลร้ายแรง แล้วทำไมต้องส่งคนคนนั้นเข้าคุก?

ทว่าชื่อเสียงของเฉินจื่ออันยิ่งใหญ่จนไม่มีใครในอำเภอไม่รู้จัก และรู้ว่าไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรก็พูดออกมาไม่ได้

ส่วนสมาชิกตระกูลหลี่ตัดสินใจจะตัดขาดกับหลี่จื่อกั๋ว ทว่าบิดาของอีกฝ่ายยืนกรานที่จะปกป้องลูกชายของเขา

“พ่อ เรารู้ว่าพ่ออยากเก็บหลี่จื่อกั๋วเอาไว้ แต่พ่อก็เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเซี่ยงบ้าง ตัดสินใจใหม่อีกทีดีไหม?” ในที่สุด พี่ชายของหลี่จื่อกั๋วก็ระเบิดความโกรธออกมา

คนเป็นพ่อเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อหลี่จื่อกั๋วคนเดียวแล้ว จะทำลายตระกูลหลี่เชียวหรือ?

ที่ตระกูลหลี่มาถึงวันนี้ได้มันง่ายไหม? เพื่อหลี่จื่อกั๋ว ค่าหน้าค่าตาจำต้องยอมทิ้งไปเลยหรือ

ครั้งนี้เบื้องบนได้ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดแล้ว ถ้าต้องสอบส่วนอย่างละเอียด หลี่จื่อกั๋วคงมาถึงวาระของตนแล้วล่ะ!

แต่พ่อเฒ่าของตระกูลกลับบอกว่า เขาควรไล่พวกคนที่ไร้ประโยชน์มาหลายปีให้ย้ายออกไป เพราะไร้ความโปรดปรานต่อหลี่จื่อกั๋วแล้ว!

“ถ้าจื่อกั๋วโดนลงโทษ ตระกูลหลี่ของเราจะมีหน้ามีตาในอำเภอได้อย่างไร?” พ่อเฒ่าหลี่ม้วนเคราพร้อมกล่าวอย่างโกรธจัด

หากไอ้ลูกชายถูกตั้งข้อหาทำเรื่องเลวร้ายและถูกจัดการในฐานะที่เป็นคนเลว หน้าตาของตาแก่เช่นเขาคงจะหายไปตลอดชีวิต

“ตอนมันทำเรื่องแบบนั้น พ่อไม่รู้สึกอายบ้างหรือ? นี่ยังกล้าพูดอีกว่าเรื่องที่มันทำเนี่ยตัวพ่อเองกลับไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ?” พี่ชายหลี่จื่อกั๋วตอกกลับด้วยความโกรธเคือง

พ่อเฒ่าหลี่ไม่กล้าพูดอะไร แน่นอนว่าเขารู้อะไรบางอย่าง ถึงจะไม่รู้หมดแต่ก็ได้ยินมาบ้าง ทั้งยังคงหาคนมาสะสางเป็นการส่วนตัวด้วย

“พ่อ วันนี้ผมทิ้งคำของผมเอาไว้ ถ้าพ่ออยากสร้างปัญหาต่อพ่อก็ทำเลย พวกเราแยกครอบครัวแล้วกัน ผมไม่อยากให้ไอ้น้องเดรัจฉานนั่นมายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของเราอีก”

พี่ใหญ่ของหลี่จื่อกั๋วแสดงจุดยืนแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยพี่รอง และพี่สามว่าจะแยกครอบครัวและไม่อยากโดนฝังไปร่วมกับพวกพ่อ

ไม่ใช่ไม่รู้ว่าน้องทำอะไร แต่พวกเขาไม่ได้เป็นเป้าหมาย จึงเลือกที่จะเมินเฉย

แต่คราวนี้หลี่จื่อกั๋วเตะโดนแผ่นเล็กแล้ว!

พ่อเฒ่าหลี่รักลูกชายคนสุดท้องมาก แต่ลูกชายอีกสามคนกำลังจะแยกครอบครัวกัน ถึงจะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้แค่ประณีประนอมเท่านั้น

แต่มันก็แค่ผิวเผิน เพราะเขายังคิดหาวิธีด้วยตัวเองอยู่อีกมาก

หลังจากสร้างเรื่องไปหลายวัน กลับไปยินข่าวว่าลูกชายสารภาพแล้ว

พอได้ยินข้อกล่าวหา ผู้เฒ่าหลี่สลบไปทันที!

ลูกชายของเขาทำชั่วมากขนาดนี้เลยหรือ?