ท่าทางมั่นใจของเจียงซื่อทำให้ซูชิงเสวี่ยกังวลใจ ภายใต้สายตาทุกคู่ที่กำลังจับจ้องมา นางกัดริมฝีปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“น้องรองไม่กล้าสาบาน เช่นนั้นข้าเข้าใจว่าเจ้ากำลังกลัวเพราะกระทำผิดได้ใช่หรือไม่” เจียงซื่อถามต้อนอย่างไม่เกรงใจ
“ใครกลัวกันเล่า” ซูชิงเสวี่ยเถียงกลับเสียงแหลม
เจียงซื่อยิ้ม “เช่นนั้นน้องรองกล้าสาบานหรือไม่”
ซูชิงเสวี่ยจ้องเขม็ง ดื้อด้านเอ่ยขึ้น “ข้าสาบานไปแล้ว เหตุใดจะต้องสาบานอีกรอบ มีผู้คนอยู่ในเหตุการณ์มากมาย พี่ซื่อมุ่งเป้ามาที่ข้าคนเดียว หรือเป็นเพราะข้าเป็นเพียงลูกสาวนอกคอกที่ไม่มีค่ามากพอ ท่านแม่ยังใจกว้างไม่ทำให้ข้าลูกสาวคนนี้ลำบากใจเลย พี่ซื่อเป็นผู้ใด้ถึงได้ทำเช่นนี้กัน”
ซูชิงเสวี่ยเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พลางร้องไห้ไปด้วยความโศกเศร้า ดูน่าสงสารมาก จึงทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่น้อยรู้สึกว่าเจียงซื่อนั้นทำเกินไป
เจียงซื่อไม่สนใจสายตาพวกนั้น หน้าตาที่สะสวยเผยความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย “เวลานี้ต้องหาตัวฆาตกรที่ฆ่าน้องชายรอง น้องรองดึงเรื่องลูกแท้ๆ กับลูกนอกคอกเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่ออะไรหรือ และที่ผู้คนในเหตุการณ์มีเยอะแยะมากมายแต่ข้าเลือกที่จะถามเจ้าผู้เดียว นั่นก็เป็นเพราะผ้าเช็ดหน้าของเจ้าปรากฏอยู่ในศาลาเฉาหยาง น้องรองคงไม่คิดหรอกใช่หรือไม่ว่าเพียงแค่เจ้าบอกว่าผ้าเช็ดหน้าบังเอิญถูกลมพัดไปตกอยู่ที่นั่นก็สามารถสลัดความน่าสงสัยนี้ออกไปได้”
“มันเป็นเรื่องบังเอิญ น้องสามเป็นพยานได้!”
ซูชิงอวี่เห็นซูชิงเสวี่ยเอ่ยชื่อนางออกมา แม้ในใจจะรู้สึกหงุดหงิด ทว่ากลับจำใจพยักหน้าลง “อื้ม ข้ากับพี่รองเดินผ่านริมทะเลสาบไปด้วยกัน ตอนนั้นเห็นในทะเลสาบมีคนลอยอยู่ พวกเราต่างก็กลัวมากจึงรีบวิ่งหนี ผ้าเช็ดหน้าคงจะตกช่วงนั้นเพราะไม่ทันระวัง”
ซูชิงเสวี่ยได้ยินซูชิงอวี่พูดเช่นนี้ ร่างกายที่หดเกร็งก็ผ่อนคลายลง
เจียงซื่อถอนหายใจออกมา “น้องสามสามารถยืนยันได้แค่ตอนที่เดินผ่านทะเลสาบจวีสยาว่าอยู่กับน้องรอง แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ”
“ก่อนหน้านั้น?” ซูชิงอวี่อึ้งไปครู่หนึ่ง
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของซูชิงอวี่ เจียงซื่อก็รู้สึกตงิดใจ “ใช่ ก่อนหน้านั้นน้องสามอยู่กับน้องรองตลอดเลยหรือ ไม่เคยแยกกันเลยใช่หรือไม่”
ซูชิงอวี่ถูกถามจนนิ่งไป พอรู้สึกตัวจึงหันมองไปที่ซูชิงเสวี่ย
นางนึกออกแล้ว มีช่วงหนึ่งที่เหมือนกับว่านางจะไม่เห็นพี่รอง ตอนนั้นมีน้องๆ ในตระกูลมาคุยกับนางพอดี นางจึงไม่ได้จับตาดู
ซูชิงเสวี่ยริมฝีปากซีดขาวลงเล็กน้อย
“น้องสามคิดว่าคำถามนี้ไม่ตอบจะดีหรือ” เจียงซื่อถามเสียงเรียบ
นายท่านซูขมวดคิ้วมองซูชิงอวี่ สีหน้านิ่งขรึม
ซูชิงอวี่รู้สึกได้ถึงความกดดันที่ถาโถมเข้ามา ทำให้นางทำอะไรไม่ถูก
เจียงซื่อดึงสายตากลับมา มองไปที่เจินซื่อเฉิง “ใต้เท้าเจิน คำถามง่ายๆ เช่นนี้น้องสามกลับเลี่ยงไม่ตอบ ข้ารู้สึกว่าน้องสามน่าสงสัยยิ่งกว่าน้องรองซะอีก…”
“ไม่ใช่นะ!” ซูชิงอวี่พูดขัดเจียงซื่อขึ้นมากลางคัน ใบหน้าไร้ซึ่งเลือดฝาด
การฆ่าพี่ชายรองเป็นเรื่องที่ต้องชดใช้ด้วยชีวิต นางจะไปหาเรื่องลำบากมาใส่ตัวได้อย่างไรกัน!
ซูชิงอวี่ทั้งลุกลี้ลุกลนและหวาดกลัว ไม่รีรอชักช้า รีบเอ่ยขึ้น “ข้ากับพี่รองไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด มีช่วงหนึ่งที่ข้าคุยกับคนอื่น ไม่ได้เห็นว่าพี่รองไปไหน ต่อมาพี่รองกลับมานั่งลงข้างข้าและชุดก็เปื้อน ข้าจึงกลับไปส่งนางเปลี่ยนชุด…”
พูดถึงตรงนี้ ซูชิงอวี่ก็ตำหนิซูชิงเสวี่ยอยู่ในใจ หากไม่ใช่เพราะซูชิงเสวี่ยลากนางกลับไปเปลี่ยนชุด นางก็คงไม่บังเอิญเห็นพี่รองจมน้ำตายอยู่ในทะเลสาบหรอก
ตอนนั้นพวกนางตกใจจนแทบตาย วิ่งกันพัลวันไม่ได้มีเวลามาสนใจว่าคนที่อยู่ในทะเลสาบคือผู้ใด ต่อมาได้ยินว่าคือพี่รอง นางก็ตกใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ถ้าหากถูกท่านพ่อกับท่านแม่ใหญ่รู้เข้าว่าพวกนางเห็นพี่รองแท้ๆ แต่กลับไม่เข้าไปช่วย จะต้องพาลโดนดุด่าและทำโทษแน่ๆ
ด้วยเหตุนี้ ก่อนหน้านี้นางถึงได้ไม่กล้าพูดไม่จาอะไรออกมาสักคำ
เมื่อเจียงซื่อได้คำตอบที่ต้องการ ก็อมยิ้มมองไปยังซูชิงเสวี่ยที่สีหน้าซีดเผือด “เช่นนั้นน้องรองบอกได้ไหมว่าช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่กับน้องสาม เจ้าไปทำอะไรมา”
ซูชิงเสวี่ยรู้สึกเพียงแต่ว่าริมฝีปากที่ยกขึ้นของอีกฝ่ายน่ากลัวยิ่งกว่าผีร้ายเสียอีก จึงพยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองดูลุกลี้ลุกลน แล้วเอ่ยขึ้น “ก็แค่เดินเล่นในสวนเรื่อยเปื่อย คนที่เดินเล่นอย่างข้าก็มีไม่น้อย ข้าจะทำบ้างไม่ได้หรือ”
เจียงซื่อวางมือ “แต่ว่าผ้าเช็ดหน้าของคนพวกนั้นไม่ได้ปรากฏขึ้นในศาลาเฉาหยางนี่นา”
ฮ่าฮ่า เสียงหัวเราะดังขึ้น
เจียงซื่อชำเลืองมองอวี้จิ่นแวบหนึ่ง แล้วดึงสายตากลับมาอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางสงบนิ่ง
อวี้จิ่นยิ้มขึ้นมาอย่างเขินๆ ในใจรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ยังคงเย็นชากับเขาสินะ เด็กใจดำคนนี้
จู่ๆ เจียงซื่อก็เดินก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เอ่ยขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “น้องรองช่วงเวลานั้นเจ้าอยู่ที่ศาลาเฉาหยางสินะ คนที่เล่นกับน้องอี้ในศาลาก็คือเจ้า! ข้าเดินผ่านริมทะเลสาบจวีสยา น้องอี้กระโจนออกมาเพราะอยากเล่นกับข้า แต่ข้ารีบไปหาพี่ใหญ่ หลังจากที่ข้าออกไป คนที่เหลืออยู่ที่นั่นก็เหลือเพียงแค่พวกเจ้าสองคน!”
น้ำเสียงของนางแน่วแน่มั่นใจ ทุกคนจึงเชื่อไปเกือบครึ่งแล้ว
เจียงซื่อหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “หลังจากที่ข้าออกไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดเจ้าถึงได้ผลักน้องชายลงไปในทะเลสาบ จากนั้นก็วิ่งกลับไปหาน้องสามเพราะปกติเจ้ากับน้องสามจะตัวติดกันตลอด หลังจากที่เรื่องเกิดขึ้นพวกเจ้าโผล่ออกมาพร้อมกัน คนอื่นจึงคิดว่าพวกเจ้าอยู่ด้วยกันตลอด และเป็นการยืนยันได้ว่าเจ้าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเจ้าทำตกไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ข้าพูดถูกหรือไม่”
“ไม่…ข้าไม่ได้ฆ่าพี่รอง เจ้าใส่ร้ายข้า!” ซูชิงเสวี่ยโต้กลับด้วยความตื่นตระหนก
เจียงซื่อมองนางด้วยสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกใดๆ แม้แต่นิดเดียว “ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้าใส่ร้ายคน เช่นนั้นก็สาบานตามที่ข้าบอกเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจของเจ้าสิ”
“ข้า ข้า…” ซูชิงเสวี่ยก้าวถอยหลังไปช้าๆ
นายท่านซูเริ่มสงสัยท่าทีของซูชิงเสวี่ยขึ้นมา จึงเอ่ยถามเสียงเรียบ “เสวี่ยเอ๋อร์สุดท้ายแล้วเจ้าเกี่ยวข้องกับการตายของพี่รองหรือไม่”
“ข้าไม่ได้ทำร้ายพี่รอง ไม่ใช่ข้า!” ซูชิงเสวี่ยส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ท่าทางเหมือนจะพังทลายลง
เริ่มมีสายตามองมาที่นางแตกต่างกันไปเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้นางรู้สึกยากที่จะแบกรับความรู้สึกนี้ไว้
ระหว่างที่ซูชิงเสวี่ยกำลังสับสนก็บังเอิญสายตาที่เย็นชาไร้ความรู้สึกของโหยวซื่อเข้า ความเย็นยะเยือกคืบคลานผ่านแผ่นหลังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ต้องไม่ทำให้ท่านแม่ใหญ่สงสัยทุกอย่างในตัวนาง ไม่เช่นนั้นผ่านวันนี้ไป นางอาจจะไม่มีชีวิตรอด!
ว่ากันด้วยเรื่องความคิดของโหยวซื่อ ซูชิงเสวี่ยนั้นเข้าใจดีมากยิ่งกว่าซูชิงซวงที่เป็นลูกสาวแท้ๆ เสียอีก
ที่นางถูกสงสัยและท่านแม่ใหญ่ไม่พูดอะไร นั่นก็เพียงเพราะท่านแม่ใหญ่ไม่อยากให้เรื่องที่ฝากฝังนางหลุดออกมา ไม่ใช่เพราะใจกว้างต่อนาง นางจำเป็นต้องทำให้ท่านแม่ใหญ่เชื่อว่านางเห็นพี่รองเข้าไปยุ่งกับเจียงซื่อแล้ว หลังจากนั้นก็ออกไปตามหาน้องสาม ไม่เช่นนั้นนางต้องแย่แน่ๆ
“ได้ ข้าสาบาน…” ซูชิงเสวี่ยเห็นว่าไม่มีทางเลี่ยงแล้ว จึงยกมือขึ้นทั้งๆ ที่ตัวสั่นเทิ้ม
ทว่าเจียงซื่อกลับส่ายหน้า “สาบานเช่นนี้ไม่ได้ หากน้องรองบริสุทธิ์ใจก็ต้องไปสาบานต่อหน้าอี้”
ซูชิงเสวี่ยใบหน้าซีดเผือดภายในชั่วพริบตาเดียว พลันเอ่ยขึ้นเสียงแหลม “เจียงซื่อ เจ้าจะบีบบังคับข้าเกินไปแล้วนะ!”
เจียงซื่อยังคงสีหน้าเรียบเฉย “น้องรองคิดมากเกินไปแล้ว ข้าก็แค่ไม่อยากให้น้องชายรองตายตาไม่หลับเท่านั้นเอง”
นายท่านซูถอนหายใจออก “เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าสาบานเถอะ”
ซูชิงเสวี่ยมองนายท่านซูด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว ตัวก็สั่นเทิ้มอย่างหนัก
ทันใดนั้นเองก็มีคนพุ่งพรวดเข้ามา “พวกเจ้าอย่าทำให้คุณหนูลำบากใจเลย ข้าเป็นคนทำเอง!”