ตอนที่ 219 ผู้บุกเบิก (2)
สองวันก่อนหน้า ยอดขายเรื่องคนขุดสุสานยังใกล้เคียงกับนิยายอีกสองเรื่อง
เหนือกว่าไห่เซ่าเหยี่ยเล็กน้อย เป็นรองหมัวถงเล็กน้อย
หมัวถงนำอยู่สักพัก
การขายหนังสือพร้อมแจกลายเซ็นได้ผลลัพธ์ดีเหลือเกิน
ส่วนเหตุผลที่ฉู่ขวงพลิกแซงขึ้นมาในวันที่สามนั้นก็แสนง่ายดาย…
คำวิจารณ์ของเรื่องคนขุดสุสานได้เพิ่มขึ้นจนถึงจุดหนึ่ง และระเบิดออกในทันที!
และเมื่อครบหนึ่งสัปดาห์ ยอดขายของเรื่องคนขุดสุสานก็เกทับหนังสืออีกสองเรื่องไปเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อชื่อเสียงของนิยายแพร่สะพัดออกไป ผู้อ่านที่ซึ่งยังคงรอสังเกตการณ์ก็มีเป้าหมายในการซื้อหนังสือที่ชัดเจนในที่สุด
พรึ่บๆ!
จำนวนผู้อ่านซึ่งซื้อเรื่องคนขุดสุสานมีเพิ่มขึ้นไม่หยุดยั้ง ทุกคนต่างยินดีมอบเงินส่วนนี้ให้กับฉู่ขวง
ระยะห่างกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ราวกับเป็นหุบเหวระหว่างขุนเขา
เรื่องคนขุดสุสานของฉู่ขวงได้ขึ้นแท่นเป็นหนังสือยอดนิยมในเดือนมิถุนายนอย่างสมศักดิ์ศรี!
และในวันนั้นเอง ผลงานหลักสำหรับดันขายของร้านหนังสือหลายแห่ง จึงถูกเปลี่ยนเป็นเรื่องคนขุดสุสานอย่างไม่ต้องสงสัย!
หมัวถงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงไห่เซ่าเหยี่ย
หลังจากนั้น
ยอดสั่งจองผ่านคลังหนังสือซิลเวอร์บลู ก็หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด!
สำนักพิมพ์เริ่มตีพิมพ์เรื่องคนขุดสุสานเพิ่ม
เห็นได้ชัดว่า
ช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์มากพอให้หลายคนอ่านหนังสือเล่มนี้จบ
เมื่อคนที่อ่านจบมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือเรื่องนี้ก็ย่อมร้อนแรงขึ้นเป็นธรรมดา
บนปู้ลั่วและบล็อก แม้แต่นักเขียนมีชื่อเสียงหลายคน ก็ยังเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องคนขุดสุสานหลังจากอ่านนิยายจบแล้วอย่างอดไม่ได้
หนึ่งในนั้น มีท่านหนึ่งซึ่งมีหน้ามีตาในวงการ คืออาจารย์หนานจี๋ ซึ่งปีนี้อายุอานามย่างเข้าสามสิบแปด เป็นราชาหนังสือขายดีซึ่งสะเทือนวงการของฉินโจว
‘ตอนแรกที่เห็นคำว่าผีเป่าโคม ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องผีที่ดำเนินเรื่องบนความลี้ลับเหนือธรรมชาติ แต่เมื่ออ่านไปเรื่อยๆ ผมก็ต้องประหลาดใจ เพราะที่แท้สิ่งที่เรียกว่าผีเป่าโคมนั้นเป็นกฎเกณฑ์ของคนขุดสุสาน ต้องจุดเทียนหนึ่งเล่มในทิศตะวันออกเฉียงใต้ของในมุมสุสาน เวลานำทรัพย์สินที่ฝังไปพร้อมกับผู้ตายออกมา ต้องเหลือทิ้งไว้สักหนึ่งชิ้นสองชิ้น ถ้าหากเทียนดับ จะต้องวางสมบัติที่ขุดได้ทั้งหมดกลับคืนที่เดิม…เหลือเชื่อมากใช่ไหมล่ะครับ แต่ในความจริงเรื่องนี้สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ เทียนดับหมายถึงออกซิเจนไม่พอ รายละเอียดเหล่านี้ทำให้เห็นความใส่ใจต่อหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวง’
นอกจากนั้น
นักเขียนซึ่งยอดขายไม่ได้เป็นรองหนานจี๋สักเท่าไหร่อย่างเฉินซิงก็โพสต์แสดงความเห็นของตนเช่นเดียวกัน
‘ฉู่ขวงอาจไม่ได้เป็นนักเขียนผลงานขายดีที่สุดในอุตสาหกรรมนิยายแฟนตาซี แต่เขาเป็นนักเขียนที่มีพรสวรรค์อันน่าทึ่งคนหนึ่ง! ที่จริงการขุดสุสานนั้นเฟื่องฟูตั้งแต่สองพันปีก่อน เทคนิคและนวัตกรรมพัฒนามาตลอดนับพันปี จนเกิดเป็นกระแสวัฒนธรรมใต้ดินรูปแบบหนึ่ง ฉันสนใจวงการนี้เป็นอย่างมาก แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนนำมาเขียนเป็นนิยาย แถมยังตื่นเต้นชวนติดตามถึงขนาดนี้’
“…”
หนานจี๋กับเฉินซิง นับเป็นนักเขียนนิยายแฟนตาซีขนาดยาวแนวหน้าของมณฑลฉิน และที่สำคัญก็คือยอดขายของผลงานของเขาสูงมาก
มีเสียงเรียกร้องมากมายให้ทั้งสองคนเป็นเทพสูงสุด
คำวิจารณ์ของพวกเขา ทำให้เรื่องคนขุดสุสานเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้น
และนอกจากนักเขียนระดับแถวหน้าในหมวดหมู่เดียวกัน
หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ซึ่งนับว่าเป็นสื่อกึ่งทางการ ก็ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้เช่นกัน
‘คนขุดสุสาน หนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวง ได้รับความนิยมเนื่องจากสไตล์ของเนื้อเรื่องโดดเด่นไม่เหมือนใคร ทว่าคำจำกัดความยังคงคลุมเครือเหลือเกิน มีทฤษฎีจำแนกหลายหลากไม่ว่าจะเป็นเขย่าขวัญลี้ลับหรือลึกลับสยองขวัญ แต่หากพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว มิสู้ใช้ประเภทขุดสุสานมานิยามเห็นจะเหมาะกว่า ในหนังสือได้บรรยายกฎเกณฑ์ของอาชีพนักขุดสุสานไว้โดยละเอียด ถึงขั้นมีการแบ่งสำนัก ทว่าเรื่องชวนพิศวงไม่ได้จำกัดอยู่ที่ตัวสุสานเพียงอย่างเดียว ราชินีจิงเจวี๋ยใช้ไม้เทพคุนหลุนพันปีทำโลงศพ ทั้งยังมีดอกไม้มหัศจรรย์อย่างดอกซากศพ ผู้ใดที่เข้าใกล้ก็จะเกิดอาการประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง จนสุดท้ายถึงแก่ความตาย หลายคนคิดว่านี่เป็นเรื่องสมมุติขึ้น แต่แท้จริงแล้วต้นฉบับของดอกไม้ชนิดนี้คือดอกบุกยักษ์ ซึ่งสวนพฤษศาสตร์ในเยี่ยนโจวปลูกพืชชนิดนี้เช่นกัน ลีลาการเขียนลักษณะนี้ของฉู่ขวงซึ่งคล้ายว่าหยิบยืมมาจากพงศาวดาร วรรณกรรมมุขปาฐะ และเรื่องลี้ลับร่วมสมัยของบลูสตาร์ คงจะกลายเป็นกระแสนิยมในไม่ช้า อย่างไรก็ดี จุดประสงค์ในการเขียนของเขาหาใช่การเขียนตำราเรียนประวัติศาสตร์ หากแต่เป็นการมุ่งเน้นจินตนาการซึ่งหลอมรวมอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างน่าอัศจรรย์…’
บทความชิ้นนี้ ทำให้หลายคนตกตะลึง
ก่อนอื่น หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ได้ยืนยันสถานะ ‘หมวดหมู่นิยายขุดสุสาน’ ของฉู่ขวงแล้ว
หนังสือพิมพ์กึ่งทางการฉบับนี้ ได้รับรองตัวตนของผู้บุกเบิกอย่างฉู่ขวงแล้ว
นอกจากนั้น เนื้อเรื่องคนขุดสุสานยังมีความสมเหตุสมผลสูงมาก!
เดิมทีทุกคนคิดว่าดอกซากศพเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ ทั้งหมดล้วนมาจากจินตนาการของนักเขียน แต่หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์กลับเสาะหาไปจนเจอต้นแบบ?
ถึงแม้คำบรรยายบางส่วนอาจไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด แต่กลับอธิบายปรากฏการณ์ลี้ลับชวนพิศวงในนิยายได้
หนานจี๋ยังอธิบายอีกว่า
คนจุดเทียน ผีเป่าโคม ไก่ขันจักไม่คลำทอง…
ฟังดูแล้วแปลกพิลึก ราวกับเป็นเพียงเรื่องไร้สาระชวนขบขัน แค่อธิบายว่าออกซิเจนไม่พอเนี่ยนะ?
เมื่อทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งมากขึ้น ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องคนขุดสุสานนั้นไม่ธรรมดา ฉากทั้งหมดล้วนมีที่มาที่ไป และมีหลักการมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรู้หลากหลายแขนงทั้งฮวงจุ้ยหรือภูมิศาสตร์เหล่านั้น!
มีบางคนคิดว่า วัตถุประสงค์ของบทความนี้ของหนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ก็เพื่อรับรองสถานะในวงการนี้ของฉู่ขวง
สมาคมวรรณศิลป์ได้ส่งสัญญาณผ่านหนังสือพิมพ์ในสังกัดอย่างชัดเจนว่า
ฉู่ขวงจะต้องเป็นหนึ่งในแคนดิเดตมหาเทพของวงการวรรณกรรมแฟนตาซีอย่างแน่นอน!
ยามที่คนอื่นๆ กำลังรอการพิจารณา ฉู่ขวงได้คว้าโควตาแรกไปด้วยเรื่องคนขุดสุสานเป็นที่เรียบร้อย
อันที่จริง
เมื่อหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงกระตุ้นยอดขายจนถั่งโถมเข้ามาอย่างไม่บันยะบันยัง
ถ้าหากเขาไม่สามารถคว้าโควตาตำแหน่งมหาเทพได้ ทุกคนคงจะตั้งข้อสงสัยถึงความยุติธรรมของการคัดเลือก
เพราะฉะนั้นรายงานชิ้นนี้ของสมาคมวรรณศิลป์จึงนับว่าฉลาดหลักแหลม และทันเหตุการณ์มากทีเดียว
พวกเขาตั้งฉู่ขวงเป็นต้นแบบ
ต้นแบบคนนี้ไร้ซึ่งข้อกังขา
มองผลงานของหนังสือเรื่องใหม่ปราดเดียวก็รู้แล้ว
ผลงานใหม่ของไห่เซ่าเหยี่ยปล่อยออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน เขียนหมวดผจญภัยในต่างโลก เปี่ยมพรสวรรค์ทว่าธรรมดาดารดาษ ยอดขายจึงไม่โดดเด่น
เรื่องเซียนกระบี่ลงเขาของหมัวถง ใช้ความสดใหม่ของแนวเทพเซียนกำลังภายในและฝีมือการเขียนอันยอดเยี่ยมของนักเขียน การันตีคุณภาพของเรื่องราว ยอดขายจึงน่าปลื้มปริ่มมากทีเดียว
น่าเสียดายที่ถูกเรื่องคนขุดสุสานเกทับจนแทบจมดิน
การที่หนังสือพิมพ์วรรณศิลป์ภายใต้สมาคมวรรณศิลป์ไม่ได้เขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับหนังสือเรื่องใหม่ของหมัวถง สามารถบ่งบอกหลายเรื่องได้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นโลกภายนอกหรือทางการ ทุกคนล้วนยอมรับผลงานชิ้นใหม่ของฉู่ขวงอย่างหมดใจ
เรื่องหนึ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ…
โลกออนไลน์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผลงานของหมัวถงไม่เลวก็จริง ทว่านิยายเรื่องนี้ไม่เพียงเทียบเรื่องคนขุดสุสานไม่ติด
แต่ยังเทียบกับเรื่องกระบี่เทพสังหารที่เขาตามกระแสมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ในแง่หนึ่ง หมัวถงเท่ากับถูกฉู่ขวงเชือดสองต่อ
ไม่ทันไร ก็มีประโยคหนึ่งผุดขึ้นในใจของผู้คน
‘เรียนรู้จากฉัน มีแต่จะเติบโต เลียนแบบฉัน รังแต่จะวอดวาย[1]’
หลังจากที่ฉู่ขวงบุกเบิกกระแสใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประโยคนี้ก็เริ่มสมเหตุสมผลขึ้นเรื่อยๆ
หมัวถงเรียนรู้ได้ดีมาก
เขาจับแก่นแท้ของเรื่องกระบี่เทพสังหารได้ ดังนั้นหนังสือเรื่องใหม่ซึ่งตามกระแสมา จึงทำยอดขายได้ไม่เลว
แต่ฉู่ขวงก็ยังเป็นฉู่ขวงวันยังค่ำ
เมื่อทุกคนเรียนรู้จากฉู่ขวง จะมีใครไหนเลยที่เหนือกว่าเขา?
ปัญหานี้คล้ายว่าจะยังไร้ซึ่งทางออก
อย่างน้อยนักเขียนที่เชี่ยวชาญการตามกระแสอย่างหมัวถงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าตนไม่อาจใช้การตามกระแสมาเอาชนะฉู่ขวงได้
“…”
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของหลินเยวียนสักเท่าไหร่ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคนขุดสุสานPLUS
ผลงานของผู้ริเริ่มแนวขุดสุสานบนโลก ก็ดึงดูดสารพัดกระแสจนเกิดเป็นปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ ที่นี่ก็คงจะมีอิทธิพลแบบนั้นเช่นเดียวกัน
หากถามว่ามีเรื่องใดที่อยู่เหนือความคาดหมายละก็ เห็นจะเป็นเรื่องที่คอมเมนต์ซึ่งมียอดกดไลก์สูงสุดด้านล่างปู้ลั่วของเซี่ยนอวี๋ทำให้หลินเยวียนสับสนสุดๆ
‘หนังสือเรื่องใหม่ของอาขวงของคุณสนุกมากเลย!’
หลินเยวียนเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้วหรือเปล่า
แฟนคลับคนนี้รู้ได้ยังไงว่าที่จริงแล้วฉู่ขวง…เป็นของเขา
…………………………………………………
[1] เรียนรู้จากฉัน มีแต่จะเติบโต เลียนแบบฉัน รังแต่จะวอดวาย คำกล่าวของฉีไป๋สือ ปรมาจารย์ด้านการวาดภาพพู่กันโบราณ