ตอนที่ 140 ฝึกฝนร่างกาย!

มันเป็นน้ําตกที่มีความสูงประมาณสองร้อยเมตร กว้างกว่าหกสิบเมตร น้ําตกไหลลงมาอย่างรวดเร็วจากยอดเขาที่สูงชัน มันทําให้มีละอองน้ํามากมายกระทบกับพื้นน้ําด้านล่าง

มีหินเรียบยื่นออกมาจากสระน้ํา ทันใดนั้น ชายหนุ่มได้ในหินนั้นขึ้นจากสระน้ํา ขณะที่ชายหนุ่มยืนอยู่บนหินได้ไม่นานเขาก็ถูกกระแสน้ําพัดร่วงลงไป ในเวลาชั่วครู่ชายหนุ่มก็ได้ปืนกลับขึ้นมาอีกครั้ง…

ชายหนุ่มคนนั้นคือหยางเย่ ตั้งแต่ที่ชายชราบอกว่าจะชี้แนะให้เขา หยางเย่ก็ตั้งหลักอยู่ในสถานที่ที่ผู้คนไม่รู้จักแห่งนี้ และเริ่มบ่มเพาะพลังอย่างพากเพียรทุกวัน

ปัจจุบันเขากําลังทําให้ร่างกายสงบ เคล็ดวิชาของจักรพรรดิโจวที่ได้รับมานั้นมีหลายวิธีในการฝึกฝน และหนึ่งในนั้นมีวิธีที่ใช้น้ําเพื่อกระตุ้นร่างกาย ซึ่งมันบังเอิญเหมาะสมที่จะใช้กับน้ําตกแห่งนี้อย่างมาก…

อันที่จริงชายชรามีวิธีที่ดีกว่า แต่หยางเย่ไม่กล้าใช้วิชานั้นตอนนี้ เพราะวิธีของชายชราคือการใช้เพลิงมารนรกฝึกฝนร่างกาย อะไรคือเพลิงมารนรก? ตามที่ชายชรากล่าวไว้ มันสามารถเปลี่ยนให้ของวิเศษขั้นสีด่าระดับสูงกลายเป็นเถ้าถ่านได้ในพริบตา!

เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น หยางเย่รีบส่ายหัวปฏิเสธในทันที “บ้าไปแล้ว!” เขาทราบว่าร่างกายตนเองไม่ได้แข็งแกร่งเท่าของวิเศษขั้นสีดําระดับสูง

ยิ่งกว่านั้นชายชรายังดูเหมือนจะทราบว่าหยางเย่ไม่อาจใช้วิธีนั้นได้ตอนนี้ ดังนั้นชายชราจึงหาวิธีใหม่ให้ และพาเขามายังน้ําตกแห่งนี้

หยางเย่เชื่อผู้อาวุโสจากศาลาเคล็ดวิชาที่บอกไว้ว่า การฝึกฝนร่างกายนั้นจะต้องเจ็บปวดอย่างมาก เพราะเขากําลังพบกับความเจ็บปวดนั้นอยู่ตอนนี้ แรงดันจากน้ําตกที่ไหลลงมาประมาณสองร้อยเมตรนั้นไม่ได้เบาไปกว่าน้ําหนักของหินก้อนมหึมา สิ่งที่สําคัญที่สุด เขาไม่อาจใช้พลังปราณได้ และต้องใช้เพียงความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้น

ปัง!

หยางเยี่ยืนอยู่บนหินก้อนมหึมาหลังจากถูกกระแสน้ําซัดปลิวอีกครั้ง ในกระแสน้ํา หยางเย่เปิดใบหน้าขึ้น เขาสูดหายใจลึกก่อนจะเผยท่าที่มุ่งมั่นและปีนขึ้นไปอีกครั้ง

ถึงแม้จะถูกกระแสน้ําซัดอีกหลายต่อหลายครั้ง หยางเย่ก็สัมผัสได้ว่าร่างกายตนเองเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยแล้ว เขาทราบดีอยู่แล้วว่ายิ่งร่างกายได้รับความเสียหายมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแข็งแกร่งมาขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าความเสียหายครั้งนี้ก็นับว่าหนักหนาสาหัส…

“เมื่อมันได้ผล อาการเหนื่อยและทรมานเพียงเล็กน้อยนั้นจะไม่คุ้มค่าหรือ?

วันเวลาผ่านไป ในเช้ามืดวันที่สอง หยางเย่ก็กําลังพยายามปีนขึ้นก้อนหินนั้นอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาถูกกระแสน้ําพัดกระเด็นเช่นเดิม แต่เขาก็แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวาน เพราะเขาสามารถทนได้ถึงสองช่วงลมหายใจ

ถึงแม้เขาจะสามารถต้านมันได้สองช่วงลมหายใจ มันก็ทําให้เขารู้สึกเจ็บปวดอยู่ เพราะกระแสน้ําที่ตกลงมานั้น มันราวกับกําลังภูเขาหินยักษ์กดทับ

การบ่มเพาะพลังด้วยตนเองนั้นมันก็เจ็บปวดเช่นกัน ปัจจุบันหยางเย่ตั้งมั่นไว้ว่า ทุกวันจะต้องปีนขึ้นไปยังหินยักษ์เพื่อฝึกฝนกับกระแสน้ํา จุดมุ่งหมายที่ต้องการจะทําคือยืนอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทําได้ แต่ดูเหมือนมันจะยากอย่างยิ่งนัก…

ห้าวันผ่านไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว วันนี้ชายชราได้มาหาหยางเย่ เขาพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นหยางเย่พยายามปืนขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า อันที่จริงเขาสังเกตเห็นความเพียรพยายามของหยางเยู่ในแต่ละวัน และไม่จําเป็นต้องกล่าวว่าเขาค่อนข้างพึงพอใจ

คนส่วนใหญ่ในโลกมักให้ความสําคัญกับพรสวรรค์ของตนเองมากกว่าสิ่งใด แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้ผิด แต่เมื่อเป็นยอดฝีมืออย่างชายชราคนนี้ พวกเขามักจะมุ่งเน้นไปที่จิตตานุภาพและสภาวะจิตใจมากกว่า ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งเพียงใด หากคนผู้นั้นไม่มีกําลังใจที่มุ่งมั่นพอ ไม่นานพรสวรรค์นั้นก็ไร้ค่า และก็จะกลายเป็นเพียงคนธรรมดาในที่สุด

ในทางตรงกันข้าม หากผู้ที่เกิดมาไร้ซึ่งพรสวรรค์ แต่กลับมุ่งเน้นฝึกฝนอย่างหนัก และในอนาคตคนผู้นั้นก็สามารถกลายเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานได้

ชายชรามีชีวิตอยู่มานาน ดังนั้นเขาจึงพบปะผู้คนจํานวนมาก

ชายหนุ่มคนนี้ที่นามว่าหยางเย่ ไม่เพียงแต่จะมีพรสวรรค์ที่ร้ายกาจ เขายังมีจิตใจที่มุ่งมั่นอีกด้วย สิ่งนี้ทําให้ชายชราค่อนข้างพึงพอใจ…

ระหว่างห้าวันนี้ หยางเย่สามารถยืนอยู่บนหินยักษ์ได้นานขึ้นเรื่อย ๆ จากสองช่วงลมหายใจจากตอนแรก เวลานี้เขาสามารถต้านทานได้ถึงห้าสิบลมหายใจ บางทีมันอาจจะไม่นานสําหรับผู้อื่น แต่ในความคิดของหยางเย่ มันถือว่านานอย่างมาก เพราะมีเพียงคนที่ยืนอยู่บนนั้นเท่านั้นถึงจะทราบว่ามันยากลําบากเพียงใด

หยางเย่ออกมาจากสระน้ําพร้อมเดินมาอยู่ตรงหน้าชายชรา เขาลูบเช็ดน้ําบนใบหน้าก่อนจะกล่าว “ผู้อาวุโสมู่ เหตุใดท่านถึงมาที่นี่วันนึ่งั้นหรือ? มีอะไรที่ท่านต้องการหรือเปล่า?”

หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายวัน ถึงแม้หยางเย่จะไม่ทราบชื่อของชายชรา แต่เขาก็ให้เรียกตนเองว่า “มู่ ดังนั้นเขาจึงเพิ่มเป็นผู้อาวุโสมู่

ผู้อาวุโสมู่พยักหน้า “เจ้าสามารถทนได้ถึงห้าสิบลมหายใจหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน ไม่เลว แต่ร่างกายมันก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนา หากเจ้าบ่มเพาะพลังอย่างเร่งรีบเกินไปและขาดสมุนไพรวิญญาณเพื่อรักษาฟื้นฟู เช่นนั้นมันจะสะสมความบอบซ้ําให้ร่างกาย ถึงแม้เจ้าจะไม่สามารถสัมผัสถึงมันได้ตอนนี้ แต่ความบอบซ้ํานั้นจะแสดงให้เห็นเมื่อตอนบรรลุขั้นปราณจักรพรรดิในอนาคต!”

“ผู้อาวุโสมู่ ท่านมีหนทางอื่นที่พอจะแก้ไขมันได้หรือไม่?” หยางเย่เอ่ยถาม ถึงแม้พลังปราณทองคําจะสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ในวันเดียว เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติในร่างกาย และก็ไม่สามารถระบุมั่นได้ว่าคืออะไร อย่างไรก็ตาม เมื่อหยางเยได้ยินชายชรา เขาเข้าใจในทันที เพราะเขาบ่มเพาะพลังอย่างเร่งรีบจริง

ผู้อาวุโสมู่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “ข้ามีวิธีแก้ไข แต่เจ้าจะทนเจ็บได้หรือไม่ล่ะ อืม ข้าคิดว่าการเจ็บปวด เพียงเล็กน้อยคงไม่ทําให้เจ้าลําบากแล้วตอนนี้ มากับข้า!”

หยางเย่รู้สึกสะพรึงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาทราบว่าการเจ็บปวดเล็กน้อยที่ชายชรากล่าวนั้นต้องไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่ เพราะเมื่ออาวุโสมู่บอกว่าจะใช้เพลิงภูตนรกในวันนั้น ผู้อาวุโสมู่ก็บอกว่ามันเจ็บอยู่เล็กน้อยเช่นกัน…

เวลานี้มีถังอาบน้ําอยู่ตรงหน้ากระท่อมผู้อาวุโสมู่ และน้ําข้างในเป็นสีเขียวมรกต สมุนไพรแปลกประหลาดมากมายลอยอยู่ในถังอาบน้ํานั้น แน่นอนว่าที่กล่าวมาไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือน้ําภายในถังนั้นมันดูร้อนจนเดือด ถูกต้อง มันกําลังถูกต้มจนเดือด และมีแต่ฟองกับไอน้ําร้อน

ยิ่งกว่านั้นยังมีสิ่งที่สําคัญอีกอย่าง นอกจากน้ํามรกต ยังมีเปลวไฟจาง ๆ อยู่ในถังอาบน้ํา และเปลวไฟนั่นคือ เพลิงภูตนรกที่ผู้อาวุโสมู่แสดงให้หยางเย่เห็นในวันนั้น…

ขณะที่เขายืนอยู่ตรงหน้าถังอาบน้ํา หยางเย่อ้าปากค้างก่อนจะมองไปที่ผู้อาวุโสมู่พร้อมกล่าวตกตะลึง “ผู้อาวุโสมู่ ท่านจะให้ข้ากระโดดลงไปงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง!” ผู้อาวุโสมู่พยักหน้า

หยางเย่หัวเราะอย่างขมขึ้น หากมันเป็นเพียงน้ําร้อนธรรมดา เช่นนั้นเขาจะไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย แต่มันมีสิ่งที่เรียกว่าเพลิงภูตนรกอยู่ตรงนั้นด้วย มันเป็นสิ่งที่สามารถเผาของวิเศษขั้นสีดําได้ในพริบตา เขาคิดจะสังหารเราหรือไงนะ?”

“มันเป็นไปได้ที่เจ้าจะปรับร่างกายเพื่อใช้เพลิงภูตนรกได้เมื่อหลายวันก่อน แต่หลังจากฝึกฝนมาหลายวัน ร่างกายของเจ้าสามารถต้านทานเพลงภูตนรกได้แล้ว แน่นอนว่ามันอยู่ในการควบคุมของข้าไม่ต้องกังวล เข้าไปได้เลย ด้วยความช่วยเหลือจากเพลิงภูตนรกและสมุนไพรมากเหล่านี้ ร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกมาก!” ผู้อาวุโสม่กล่าว

ขณะที่สัมผัสได้ถึงความร้อนที่น่าสะพรึงจากตรงนั้น หยางเย่ลังเลใจเล็กน้อย สัญชาตญาณบอกเขาว่าหากกระโดดลงไป เขาจะต้องสูญเสียชั้นผิวหนัง หรือไปจนถึงชั้นเนื้อแน่นอน

“อะไร? กลัวงั้นหรือ?” ทันใดนั้นผู้อาวุโสมู่กล่าวอย่างเย็นเยือก

หยางเย่กระตุกทันทีที่ได้ยัน เขาไม่ได้ตื่นตระหนกเพราะคําของชายชรา แต่เพราะความกลัวจนล้นเอ่อข้างในจิตใจ หากแค่ความเจ็บปวดเพียงแค่นี้เรายังกลัว เช่นนั้นจะเป็นอันดับหนึ่งในเทียบอันดับสวรรค์ได้ยังไง? เราจะสู้กับราชวังบุปผาได้ยังไง? เส้นทางสู่ความสําเร็จนั้นต้องการคนที่เด็ดเดี่ยวและไม่ถอยกลับหลัง เราจะยอมแพ้เพียงเพราะความเจ็บปวดแค่นี้งั้นหรือ?

เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยางเย่สูดหายใจลึกก่อนจะกระโดดลงไปในถังอาบน้ํา

ทันทีที่กระโดดลงไป เสื้อผ้าของหยางเย่กลายเป็นขี้เถ้าในทันที หลังจากนั้นดวงตาของเขาเปิดกว้าง การแสดงออกผ่านใบหน้านั้นบิดเบี้ยวไปมา เวลานี้ผิวหนังของหยางเย่กลายเป็นสีแดงกราวกับอาหารสุก…