บทที่ 83 โอเค ผมจะฟังคุณ

อ้อนรัก คุณภรรยาคนสวย

ในเวลานี้ไม่เพียงแต่ ชายวัยกลางคนที่ยืนขึ้นเท่านั้นแต่รวมถึงคนทั่วไปที่อยู่ข้างหลังด้วย แม้แต่ดวงตาของเฟิงหานชวนเองก็เบิกกว้างขึ้นเช่นกัน

ใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ากำลังตกตะลึง

คุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงผู้ซึ่งเย็นชาอยู่เสมอ ตอนนี้เขาดูอ่อนลงกับเด็กสาวคนนี้!

นอกจากนี้น้ำเสียงยังเผยให้เห็นถึงความอดทนที่กลั้นไว้อยู่

แน่นอนว่าเฉินฮวนฮวนไม่ได้สนใจการแสดงออกของคนเหล่านั้น แต่กลับครุ่นคิดว่าจะอธิบายให้เฟิงหานชวนอย่างไรดี เธอเกาหัวและพูดว่า “ฉันอยากจะร้องเรียนเกี่ยวกับพนักงานขายของแบรนด์วีวี่ ชื่ออันฉี”

“นำคลิปกล้องวงจรปิดของวีวี่มาให้ฉันที”เฟิงหานชวนหันไปหาชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเขาและสั่ง

หลังจากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและจับมือเฉินฮวนฮวนออกมาเพื่อพาเธอไปที่ร้านวีวี่

ชายวัยกลางคนยังคงยืนนิ่งๆ เขาเป็นคนดูแลห้างอวิ๋นตวน เขาคือผู้จัดการเกา

ผู้จัดการเกาถูกผู้ช่วยที่อยู่ข้างหลังเขาสะกิดก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาลดเสียงลงแล้วพูดว่า: “รออะไรอยู่ล่ะ รีบไปทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเร็วเข้า!”

กล้องวงจรปิดของห้างอวิ๋นตวนมีอยู่ในทุกๆร้าน และในขณะเดียวกันบันทึกของกล้องวงจรปิดของทุกๆร้านก็ต้องส่งให้กับทางห้างอวิ๋นตวนด้วย

……

เฉินฮวนฮวนถูกลากเข้าไปในร้านวีวี่จนกระทั่งเฟิงหานชวนปล่อยให้เธอนั่งลงบนโซฟา เธอก็ค่อยใจเย็นขึ้นมาหน่อย

ในฝ่ามือยังมีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่

เธอรู้สึกหน้าแดงเล็กน้อยที่เมื่อสักครู่เฟิงหานชวนจับมือเธอ?

“คุณคือใคร?” เสี่ยเลี้ยงของเฉินฮวนฮวนอย่างนั้นเหรอ? “หลิวเสี่ยวจิงมองไปที่เฟิงหานชวน ดวงตาของเธอเป็นประกาย เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้มาก่อน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามจับมือเฉินฮวนฮวนมา หลิวเสี่ยวจิงรู้สึกโกรธมากจนเธอไม่สามารถต่อสู้ได้

“ฉันจะบอกคุณว่าเฉินฮวนฮวนน่ะมีปัญหาในชีวิตตั้งแต่มัธยมแล้ว คนอย่างเธอไม่คู่ควรกับคุณหรอก”หลิวเสี่ยวจิงจงใจพูดใส่ร้ายเฉินฮวนฮวนต่อหน้าเฟิงหานชวน เพียงเพื่อให้ผู้ชายคนนี้ทิ้งเฉินฮวนฮวน

ฝ่ามือของอันฉีที่ยืนอยู่ข้างๆเริ่มมีเหงื่อออกเพราะรู้สึกประหม่าและขาของเธอก็เริ่มอ่อนแรง

เธอรู้จักเฟิงหานชวนดีเพราะเธอเป็นพนักงานเก่าของห้างอวิ๋นตวน เฟิงหานชวนเป็นน้องคนสุดท้องของตระกูลเฟิง และเป็นคุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงที่มีชื่อเสียง

แต่เธอไม่เคยคิดว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉินฮวนฮวนคนนี้?

“อย่าล่วงเกินคนของตระกูลเฟิงของพวกเรา”เฟิงหานชวนเหลือบมองหลิวเสี่ยวจิงด้วยสายตาที่ทิ่มแทง เขาไม่ได้แยแสกับคำพูดของเธอแต่พูดออกมาเป็นเชิงเตือนเธอมากกว่า

เสียงหัวใจของหลิวเสี่ยวจิงตอนนี้ดัง “ตึกๆ” เธอเริ่มรู้สึกกระวนกระวายในใจเข้าเสียแล้ว

คนของตระกูลเฟิง?

นามสกุลของเฉินฮวนฮวนไม่ใช่เฉินเหรอ? ตระกูลเฟิง ตระกูล…เฟิง?

“เอ่อ ประธานเฟิง ฉันรู้น้อยเกินไป ฉันไม่รู้ว่าคุณเฉินคือคนของตระกูลเฟิง ฉันผิดไปแล้ว…”ทันใดนั้นอันฉีก็คุกเข่าลงต่อหน้าเฟิงหานชวนและตัวสั่นด้วยความตกใจ

ด้วยสิ่งที่หลิวเสี่ยวจิงพูด เธอคิดว่าเฉินฮวนฮวนมีคุณชายสามแห่งตระกูลเฟิงคอยเป็นแบ็ค แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าเฉินฮวนฮวนจะเป็นคนของตระกูลเฟิง

เมื่อเฉินฮวนฮวนมองไปที่ท่าทางที่เหมือนสุนัขของอันฉี เธอหัวเราะเยาะเย้ยและถามว่า: “อันฉี ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้มีท่าทางแบบนี้เลยนี่หน่า”

“คุณเฉิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ! ฉันรู้เท่าไม่ถึงการ ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ฉันมันก็แค่คนขี้ขลาดและน่ารังเกียจ ฉันจะชดใช้ให้คุณ…”อันฉีขอร้องต่อเฉินฮวนฮวน

“เฉินฮวนฮวน แล้วสรุปเธอคือใคร? เธอยากจนมาก ทำไมถึงไปเป็นคนของบ้านตระกูลเฟิงได้? “หลิวเสี่ยวจิงเบิกตากว้างและถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเฉินฮวนฮวนจะกลายเป็นคนของบ้านตระกูลเฟิง แต่ความจริงตอนนี้ก็ดันมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว

อันฉีเรียกผู้ชายคนนี้ว่าประธานเฟิง ถ้าอย่างนั้นแล้วชายผู้นี้ก็ต้องเป็นประธานของเฟิงซื่อกรุ๊ปใช่ไหม?

เฉินฮวนฮวนรู้จักผู้ชายที่มีอำนาจขนาดนี้เลยเหรอ?

“หลิวเสี่ยวจิง ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!”เฉินฮวนฮวนยืนขึ้นและเดินไปหาหลิวเสี่ยวจิง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ เธอเน้นเสียง: “ฉันมีปัญหาตั้งแต่มัธยมน่ะเหรอ? ถ้าเธอเก่งเรื่องปล่อยข่าวลือนักล่ะก็ ทำไมไม่ไปเขียนนิยายซะล่ะ? ”

“เธอ……”หลิวเสี่ยวจิงถอยหลังกลับไปสองก้าว จู่ๆเธอก็พูดไม่ออก

ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ท่าทางของเฉินฮวนฮวนก็ดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และแม้แต่สถานการณ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็กลับกันโดยสิ้นเชิง

ตอนนี้เฉินฮวนฮวนเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ

ในขณะเดียวกันเฟิงหานชวนก็กำลังนั่งอยู่บนโซฟา และได้รับวิดีโอกล้องวงจรปิดส่งมาในโทรศัพท์ของเขา จากนั้นเขาก็คลิกมันเพื่อเปิดดูทันที

เสียงของวิดีโอดังขึ้น

เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินเสียงว่าเฟิงหานชวนกำลังดูวิดีโอกล้องวงจรปิดอยู่ เฉินฮวนฮวนก็รีบวิ่งเข้าไปและนั่งลงข้างๆเฟิงหานชวน เธอยื่นหน้าเข้าไปเพื่อดูวิดีโอกับเขา

กลิ่นหอมของผู้หญิงที่ติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขาทำให้เฟิงหานชวนหลุดโฟกัสนิดหน่อย ร่างกายของเขารู้สึกร้อนขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล

“อาสาม ดูสิ พนักงานอย่างเธอจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้างานได้อย่างไร? ถ้ามันแพร่กระจายออกไปมันจะทำลายภาพลักษณ์ของบริษัทแน่นอน! ”

ฉากที่ฉายอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เป็นเหตุการณ์ที่อันฉีพูดอย่างภาคภูมิใจว่าเธอกำลังจะเลื่อนขั้น เฉินฮวนฮวนจึงใช้โอกาสนี้รายงานเฟิงหานชวนทันที

ด้วยความเร่งรีบนี้เธอจึงเรียกชื่อ “อาสาม” โดยไม่ได้ตั้งใจ

ตอนนี้หลิวเสี่ยวจิงและอันฉีเชื่ออย่างแท้จริงแล้วว่าเฉินฮวนฮวนเป็นสมาชิกในครอบครัวของตระกูลเฟิงจริงๆ เธอเป็นหลานของเฟิงหานชวน

เพราะเฉินฮวนฮวนเรียกเฟิงหานชวนว่า “อาสาม”

“คุณเฉิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ได้โปรดอย่าไล่ฉันออกเลย ได้โปรด ฉันจะไม่กล้าทำแบบนี้อีก ได้โปรดให้โอกาสฉัน…”อันฉีร้องไห้น้ำตาไหลพรากและดูอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างน่าสมเพช

เธอคาดไม่ถึงจริงๆว่าผู้หญิงอย่างเฉินฮวนฮวนที่แต่งตัวธรรมดาจะกลับกลายเป็นคนของบ้านตระกูลเฟิง

เฟิงหานชวนกดล็อกโทรศัพท์และหันไปถามเฉินฮวนฮวน แต่ทันทีที่เขาหันกลับมา เฉินฮวนฮวนยังคงอยู่ใกล้ๆใบหน้าของเขา ทำให้ปลายจมูกของพวกเขาเกือบจะแตะกัน

ทันใดนั้นบรรยากาศที่คลุมเครือก็ปะทุขึ้น

เฉินฮวนฮวนตกใจและหันหน้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว แก้มของเธอขึ้นสีแดงอีกครั้ง “ซ่า”

“ฮวนฮวน คุณจะจัดการกับเธออย่างไร?”เมื่อมองไปที่ท่าทางเขินอายของเฉินฮวนฮวน เฟิงหานชวนก็ยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย เขาเข้าไปใกล้ๆใบหูของเธอและถามเสียงต่ำ

เสียงอู้อี้และเหมือนแม่เหล็กรวมกับลมหายใจอุ่นๆทำให้ใบหูของเฉินฮวนฮวนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง

“ทำให้…ไล่ออกเธอก็พอแล้ว”เธอเอียงคอและพูดติดๆขัดๆ

หากไม่ใช่เพราะเฟิงหานชวนอยู่ใกล้เธอมากเกินไป เธอก็คงจะไม่รู้สึกประหม่าเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นเธอก็คงจะได้เตรียมคำพูดและวางแผนดีๆที่จะสอนบทเรียนให้กับอันฉี

“แค่ไล่ออกเองเหรอ?”เฟิงหานชวนเหยียดมือออกและโอบไปที่ไหล่เล็กๆของเฉินฮวนฮวน

เฉินฮวนฮวนตัวแข็งทื่อและพูดไม่ออก สมองของเธอว่างเปล่าไปในทันที

นี่ถือได้ว่าเป็นที่สาธารณะ ทำไมเฟิงหานชวนถึงทำตัวเหมือนจะสนิทสนมกับเธอมากเกินไปหรือเปล่า?

เธอคิดมากไปหรือเปล่า?

“อาสาม ฉันคิดว่า ฉัน……พวกคุณต้องเตือนพนักงานทุกคนด้วยว่าอย่าทำแบบนี้…”เฉินฮวนฮวนพูดตะกุกตะกัก

เฟิงหานชวนหัวเราะเบาๆและยังคงพูดข้างๆหูของเธอโดยใช้เสียงที่ได้ยินเพียงแค่สองคนว่า: “โอเค ผมจะฟังคุณ”