น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาอ่อนหวานละมุนละไม แฝงไว้ด้วยความหวานเลี่ยนจนขนลุก
อีกอย่าง เขายังบอกว่า ทุกอย่าง…ฟังเธอทุกอย่าง?
น้ำเสียงเช่นนี้ ช่างเหมือนแฟนหนุ่มพูดกับแฟนสาวไม่มีผิด
เฉินฮวนฮวนรู้สึกมึนงงงัน ราวกับหัวสมองขาวโพลนไปหมด เธออ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เธอคิดมากไปหรือเปล่า
เธอคิดมากไปใช่ไหม!
เธอน่าจะคิดมากเกินไป
ใช่ เธอต้องคิดมากเกินไปแน่นอน!
“อันฉี ตอนนี้ห้างอวิ๋นตวนไล่คุณออกอย่างเป็นทางการแล้ว และเคาน์เตอร์Vivi ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้จ้างคุณอีกต่อไป รวมถึงสายงานทั้งหมดด้วย” เฟิงหานชวนมองหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่บนพื้น สายตาของเขาไม่อ่อนโยนเหมือนเมื่อสักครู่ ทว่าเต็มไปด้วยความเย็นชาไร้ความรู้สึก
หลังจากที่อันฉีได้ฟัง เธอก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นทันที แววตาว่างเปล่า จิตใจล่องลอยราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์
โดนไล่ออกก็ช่างเถอะ ทว่า นึกไม่ถึงว่าเฟิงหานชวนจะแบนเธอ?
เธอเป็นพนักงานขายมาหลายปีแล้ว นอกจากพนักงานขายแล้ว เธอก็แทบไม่มีคุณสมบัติสำหรับงานอื่นอีกแล้ว ทว่านึกไม่ถึง เพราะเธอทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่พอใจ เธอจึงถูกแบน!
“ไม่นะ…ประธานเฟิง ฉันขอร้องคุณล่ะ ขอร้องอย่าแบนฉันเลยนะคะ ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว ฉันจะไม่ทำแบบนี้กับลูกค้าอีกแล้ว ฉันจะไม่ทำแล้ว คุณให้โอกาสฉันสักครั้งนะคะ…” อันฉีร้องไห้อย่างเสียสติ เธอร้องไห้ขอความเมตตาจากเขาไม่หยุด
เมื่อเฉินฮวนฮวนกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เธอถึงได้รู้ว่าเมื่อสักครู่เฟิงหานชวนพูดอะไร เธอยังคงเงียบ ทว่ามือเล็กๆ ของเธอดึงแขนเสื้อของเฟิงหานชวน
เฟิงหายชวนโน้มตัวลงมาที่ข้างใบหูของเธอ และเอ่ยถามเสียงเบา “มีอะไรเหรอ”
“อย่าแบนเธอเลยค่ะ ให้บทเรียนกับเธอ…ก็พอแล้วค่ะ” เสียงของเฉินฮวนฮวนเบามาก เธอพูดไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก
เพราะว่า มือของเฟิงหานชวนยังคงวางอยู่บนไหล่ของเธอ ร่างของเขาแนบชิดติดเธอ ทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย
ทว่า เธอไม่กล้าผลักเขาออก อย่างไรเสียเฟิงหานชวนก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับเธอ แค่เธอคิดมากไปเท่านั้นเอง
หากเธอจงใจเว้นระยะกับเขา กลับจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่สันติของพวกเขาทั้งสอง
“ไม่แบน แล้วจะให้บทเรียนยังไง” เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย และกล่าวแย้งคำพูดของหญิงสาว
ในความคิดของเขา เฉินฮวนฮวนเป็นคนจิตใจดีเกินไป หากไม่ให้บทเรียนกับพนักงานคนนี้เสียหน่อย คราวหน้าเธอต้องทำผิดอีกแน่นอน
“นี่…” เฉินฮวนฮวนสบตากับดวงตาลึกล้ำคู่นั้นของเฟิงหานชวน ในขณะนั้นเธอพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว
กระแสน้ำวนปรากฏขึ้นในแววตาของเขา ราวกับกำลังจะดูดเธอเข้าไปเสียอย่างนั้น
“คุณเฉิน ได้โปรดช่วยฉันขอร้องด้วย ฉันไม่กล้าทำอีกแล้วค่ะ ฉันสาบาน ครั้งนี้ฉันได้รับบทเรียนแล้ว ฉันจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว…” อันฉีเห็นว่าเฉินฮวนฮวนยังคงมีคุณธรรมอยู่บ้าง เธอรีบถลาเข้าไปจับข้อเท้าของเฉินฮวนฮวน และขอความเมตตาอย่างร้อนรน
เฉินฮวนฮวนมองอันฉีที่หมอบอยู่ตรงหน้าตัวเอง ความโกรธและความเสียใจทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ราวกับว่ามันได้มลายหายไปหมดแล้ว
เธอรู้ว่าอันฉีทำเกินไป ทว่าไม่ถึงขนาดว่าเฟิงหานชวนต้องลงโทษอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ เพียงสั่งสอนเป็นบทเรียนก็พอแล้ว
ดังนั้น เธอหันกลับมามองเฟิงหานชวนแล้วเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนจะกล่าวว่า “อาสาม ให้บทเรียนสักหน่อยก็พอแล้ว ปล่อยเธอไปเถอะค่ะ”
เสียงนุ่มละมุนของหญิงสาว ทำให้เฟิงหายชวนรู้สึกอ่อนปวกเปียก เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทว่าเธอกลับขอร้องแทนคนอื่นเสียอย่างนั้น
“ฮวนฮวน ผมไม่ได้จิตใจดีเหมือนคุณ” เฟิงหานชวนจ้องดวงตารูปเมล็ดซิ่งอันสดใสแวววาวคู่นั้นของเฉินฮวนฮวนด้วยความสนใจ ก่อนที่มุมปากของเขาจะกระตุกขึ้นเล็กน้อย
เฉินฮวนฮวนเบิกตาค้าง เธอไม่ใช่คนจิตใจดี เธอเพียงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องตัดขาดอย่างไร้เยื่อใยขนาดนั้น
ถึงอย่างไร อันฉีก็ไม่ได้ทำผิดถึงขนาดว่าเป็นเรื่องเลวร้ายที่แหกกฎฟ้าดิน
“อาสาม…” เฉินฮวนฮวนกัดเม้มริมฝีปาก เธอรู้ดีว่า เฟิงหานชวนไม่ต้องการปล่อยอันฉีไป
ทว่า เมื่อเห็นอันฉีที่กำลังตัวสั่นระริกหมอบอยู่กับพื้น เธอถึงกับเบิกตากว้างอีกครั้ง ก่อนจะหันไปกระซิบถามเฟิงหานชวน “คุณบอกฉันว่า คุณจะฟังฉันทุกอย่างไม่ใช่เหรอคะ”
เฟิงหานชวนเพิ่งบอกกับเธออย่างเงียบๆ ว่า เขาฟังเธอทุกอย่าง ตอนนี้เธอตัดสินใจปล่อยอันฉีไป เฟิงหานชวนจะฟังคำของเธอไหม
เฟิงหานชวนผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมารู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว ไม่คิดเลยว่าเฉินฮวนฮวนเด็กสาวคนนี้ จะอ่อยคนอื่นโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
ทำเอาเขารู้สึกคันยุบยิบในใจ
เฟิงหานชวนเอาแต่มองเธออย่างเงียบๆ ประมาณหนึ่งนาที ก่อนจะมองไปที่อันฉีที่กำลังหมอบอยู่กับพื้น และกล่าวอย่างเย็นเยือก “ครั้งนี้ฉันจะปล่อยเธอไป ถ้ายังมีครั้งหน้า จะไม่มีใครขอร้องแทนเธอได้แล้ว”
“ฉันจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ จะไม่ทำอีกแล้ว ขอบคุณประธานเฟิง ขอบคุณคุณเฉิน ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ…” อันฉียังคงคุกเข่าโค้งคำนับขอบคุณทั้งสองคนไม่หยุดจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ท่าทางดูน่าเวทนาเป็นอย่างมาก
หลิวเสี่ยวจิงที่อยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกับตาของตัวเอง ดวงตาของเธอนิ่งค้างด้วยความตะลึง เธอแทบไม่เชื่อความจริง
เฟิงหานชวนปฏิบัติต่อเฉินฮวนฮวนดีเป็นพิเศษ เฉินฮวนฮวนก็เรียก “อาสาม” อย่างออดอ้อนทุกคำ เห็นได้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองดีมาก
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเธอก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเฉินฮวนฮวนอยู่สองปี ทำไมเธอไม่รู้ว่าเฉินฮวนฮวนมีญาติที่สุดยอดแบบนี้ล่ะ
ตอนนี้จะทำอย่างไรได้บ้าง หลังจากนี้พวกเขาจะจัดการกับเธอไหม
ทว่าเธอไม่ใช่พนักงานของห้างสรรพสินค้าอวิ๋นตวน เธอเพียงพูดสบประมาทเฉินฮวนฮวนเท่านั้นเอง อย่างมากขอโทษเธอสักคำก็พอแล้ว ไม่ถึงขนาดว่าต้องทำตัวน่าเวทนาจนดูต่ำต้อยเหมือนกับอันฉี
“ฮวนฮวน เมื่อกี้ฉันขอโทษเธอจริงๆ นะ! เมื่อก่อนสมัยมอปลายพวกเราไม่ค่อยลงรอยกัน ดังนั้นฉันก็เลยพูดจาไม่ดีไปบ้าง ฉันขอโทษเธอด้วยนะ” หลิวเสี่ยวจิงเดินเข้ามาขอโทษเฉินฮวนฮวนพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
ทันใดนั้น เธอส่งสายตาไปทางเฟิงหานชวน และมองเขาอย่างเหนียมอาย ก่อนจะกล่าวอย่างขวยเขิน “ฮวนฮวน ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะมีอาสามที่สุดยอดแบบนี้ ทำไมเธอไม่เคยบอกเลยล่ะ”
หลิวเสี่ยวจิงไม่อยากปล่อยโอกาสใดๆ หลุดลอยไป แม้ว่าเธอและเฉินฮวนฮวนจะมีเรื่องขุ่นเคืองกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีโอกาส
ไม่แน่ใจว่า ประธานเฟิงคนนี้อาจจะชอบเธอก็ได้?
“หลิวเสี่ยวจิง เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับเธอ ไม่จำเป็นต้องบอกเธอ” เฉินฮวนฮวนคร้านจะพูดเรื่องไร้สาระกับหลิวเสี่ยวจิงอีกแล้ว เธอเอื้อมมือไปดึงแขนของเฟิงหานชวน ตั้งใจจะเดินออกไปจากร้านพร้อมกับเฟิงหานชวน
ทว่า เฟิงหานชวนกลับยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
“อาสาม เราไปกันเถอะ” เฉินฮวนฮวนออกแรงดึงเขา
เฟิงหานชวนเอื้อมมืออีกข้างไปลูบหัวเฉินฮวนฮวน และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “จะไปอย่างนี้เหรอ”
เฉินฮวนฮวนตกตะลึงเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ความมึนงงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“เพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเธอคนนี้ ปัจจุบันเป็นเด็กของผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของติ่งเสิงกรุ๊ป ฉันให้คนส่งข้อมูลของเธอไปให้ภรรยาของผู้อำนวยการคนนั้นแล้ว” เฟิงหานชวนเพียงยิ้มเยาะ ก่อนจะคว้าข้อมือของเฉินฮวนฮวนแล้วลากเธอเดินออกไป
“ปัง” เสียงดังมาจากด้านหลัง
เฉินฮวนฮวนตกใจหันกลับไปมอง หลิวเสี่ยวจิงทรุดตัวนั่งลงกับพื้น และขว้างไม้แขวนเสื้อทั้งหมดลงบนพื้น
เธอไม่คิดเลยว่า หลิวเสี่ยวจิงอายุยังน้อย เธอยังเป็นนักศึกษาปีสอง อีกทั้งฐานะทางบ้านของเธอค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทว่าเธอกลับทำลายครอบครัวของคนอื่นเช่นนี้
เมื่อเฉินฮวนฮวนรู้สึกตัวอีกที เธอก็ถูกเฟิงหานชวนพาเข้ามาในลิฟต์แล้ว