ตอนที่ 73-4 เว่ยหยางจะแสดงบ้าง
หลังจากพระราชบุตรเขยสิ้นพระชนม์ลง องค์หญิงจึงเศร้าโศกและเสียพระทัยเป็นอย่างมาก
และเมื่อเห็นพิณหงอนจึงทุบมันเป็นชิ้นชิ้นน้อย และมิต้องการเห็นเครื่องดนตรีประเภทนี้อีกเลย
มันเป็นความลับที่รู้กันเฉพาะภายในวังหลวงเท่านั้น จึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และมิมีผู้ใดกล้าที่จะเปิดเผยมัน
ผู้ใดจะรู้ว่า การที่หลี่จางเล่อเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้ จะเป็นเหมือนกับการทิ่มแทงมีดเข้าไปในหัวใจขององค์หญิง
ดวงตาของทัวเป่าหยวนรอบใบหน้าของหลี่จางเล่อ และทันใดนั้นเขาได้ยิ้มเล็กน้อย หญิงสาวที่งดงามผู้นี้มิรู้เรื่องราวภายในวัง
แต่เขาจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางและรู้สึกว่า นางต้องรู้อันใดบางอย่างแน่นอน หรือทั้งหมดนี้เป็นแผนการของนางเอง
ท่านผู้อาวุโสหลี่เห็นสีหน้าขององค์หญิงเปลี่ยนไป แม้ว่าหญิงชราจะคิดว่าคํากล่าวขององค์หญิงนั้นเกินกว่าเหตุ
แต่ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วนก่อนอื่น หญิงชรายืนขึ้นและกล่าวว่า
“เจ้ามิได้ยินคํากล่าวขององค์หญิงหรือ! รีบออกไป!”
หลี่จางเล่อโกรธจนถึงขั้นแทบคลั่งนางมิรู้ว่า ตนเองนั้นทําอันใดผิดจึงทําให้องค์หญิงโกรธเคืองถึงเพียงนี้ เมื่อครู่นี้พระนางยังคงแย้มสรวลอยู่เลย..
ฮูหยินใหญ่เฝ้าดูสิ่งนี้แม้ว่าจะเกิดความมิพอใจขึ้นมา แต่นางต้องเดินเข้าไปดึงบุตรสาวออกมา
ดวงตาเย็นชาขององค์หญิงหย่งหนิงสบเข้ากับหลี่จางเล่อและมองตามร่างของนางออกไปเหมือนเงา
องค์ชายห้า หัวเปารุ่ยต้องการช่วยกล่าวแก้ตัวแทนหลี่จางเล่อ แต่เมื่อเห็นว่า พระพี่นางมีความโกรธเคืองในการแสดงออกของพระองค์
ดังนั้นเขาจึงมิควรทําให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก จึงทําได้แค่เพียงก้มศีรษะลง
หลี่หมินเฟิงเฝ้าดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อและพยายามที่จะ วิ่งออกไปเพื่อปกป้องน้องสาวของตนเอง แต่สุดท้ายเขาก็มมีความกล้าพอ
ส่วนหลี่หมินเพื่อต้องการที่จะยิ้ม แต่เขาเพียงแค่แอบม้วนริมฝีปากให้เป็นรอยยิ้มตื้น ๆ เท่านั้น
เขาเป็นคนที่รู้เรื่องนี้อย่างชัดเจน พี่สามจงใจให้ทองหนึ่งร้อยแห่ง เพื่อให้ช่างผู้นั้นเปิดเผยเครื่องดนตรีชนิดนี้ต่อหน้าหลี่จางเล่อ
คุณหนูสามคํานวณแล้วว่า หลี่จางเล่อจะขอเรียนรู้ทักษะนี้อย่างแน่นอน เพื่อที่นางจะได้เปล่งประกายต่อหน้าสาธารณชน
เนื่องจากองค์หญิงหย่งหนิงจัดงานเลี้ยงหลายงาน ในที่สุดโชคร้ายจะต้องเกิดขึ้นกับหลี่จางเล่อ มิวันใดก็วันหนึ่ง
แต่พี่สามของเขาล่วงรู้ความลับขององค์หญิงหย่งหนิงได้อย่างไร?
หลังจากเหตุการณ์นี้ คงมิมีผู้ใดกล้าที่จะยกย่องหลี่จางเล่ออีกเลย
ประการแรกนางทําให้จักรพรรดิทรงโกรธเคือง และตอนนี้นางได้ทําให้อ งค์หญิงทรงโกรธเคืองอีกเห็นทีว่า อนาคตของหญิงสาวที่งดงามผู้นี้ต้องจบสิ้นลงเสียแล้ว
ผู้ใดจะกล้าแต่งงานกับหญิงสาวที่สร้างความขุ่นเคืองให้กับราชวงศ์?
แม้ว่านางจะมีภูมิหลังที่มั่นคงและมีรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น
แต่หากพวกเขาแต่งงานกับนางและเมื่อจักรพรรดินึกขึ้นได้ว่านางเคยทําผิด ผู้ที่แต่งงานกับนางก็จะถึงวาระเช่นกัน
ฮูหยินใหญ่แทบจะทุบถ้วยชาในมือของตนเองด้วยความโกรธแค้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นางยังมิสามารถระบุได้ว่า เกิดอันใดขึ้นกันแน่ มันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!
หลี่จางเล่อหันกลับมาอย่างรุนแรงและจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางเหมือนงูพิษร้ายแรงที่พร้อมจะฉกเหยือ นางรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลีเว่ยหยางอย่างแน่นอน!
แต่มีความเกี่ยวพันอย่างไรนั้น นางเองก็มิสามารถทราบได้เช่นกัน!
หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างอารมณ์ดี นางเข้าใจดีถึงความโกรธแค้นของฮูหยินใหญ่และบุตรสาวของนาง
ความลับของคู่รักระหว่างองค์หญิงหย่งหนิงและพระสวามีจะบอกกล่าวกับคนนอกได้อย่างไร?
มิใช่แค่คนนอกเหล่านี้ แม้แต่จักรพรรดิก็ยังมิทราบเรื่องนี้
และเพื่อสามารถรู้เรื่องนี้ นางต้องขอบคุณทัวเป่าเจิ้น ในชาติที่แล้วเขาใช้ความพยายามอย่างหนัก เพื่อสอบถามเกี่ยวกับความลับของแต่ละคนในวังหลวง สําหรับผลประโยชน์ของตัวเขาเอง
และขอบคุณเขาที่หลี่เว่ยหยางสามารถล่วงรู้ทุกอย่างที่นางมิเคยรู้มาก่อน
ทัวเป่าเจิ้นเห็นฉากนี้แล้วอดมิได้ที่จะส่ายหัว หลี่จางเล่อผู้นี้กําลังมีเคราะห์อย่างหลีกเลี่ยงมิได้
อันที่จริงแล้วจริง นางเลือกเล่นพิณหงอน ซึ่งสิ่งนี้คือบาดแผลที่เจ็บลึกในหัวใจขององค์หญิงนับว่าดีที่ตอนนี้คุณหนูใหญ่ยังรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ได้
แน่นอนว่าในขณะนั้น เขามิได้เชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับหลี่เว่ยหยาง
บรรยากาศของงานเลี้ยงตกอยู่ในสภาวะเงียบงันไปชั่วขณะ หลังจากที่ทุกคนเห็นว่าองค์หญิงกําลังอยู่ในอารมณ์โกรธเคือง ขณะที่พระนางขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด
ทัวเป่ารุ่ยยิ้มและกล่าวว่า
“พระพี่นาง ยังมีคุณหนูอีกท่านหนึ่งที่ยังมิได้แสดงความสามารถ
เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว จึงกล่าวออกมาเช่นนี้ เนื่องจากคุณหนูใหญ่ถูกดุด่า แล้วเหตุใดมีดึงหลี่เว่ยหยางลงมาร่วมสนุกด้วย!
ฮูหยินใหญ่จ้องมองไปที่หลีเว่ยหยางอย่างเย็นชา
“ใช่ เว่ยหยางควรแสดงความสามารถเพื่อให้ทุกคนได้ชื่นชมด้วย”
ตอนนี้องค์หญิงทรงกําลังโกรธเคือง ผู้ใดจะกล้าขึ้นไปแสดง!
ทุกคนแสดงสีหน้าดีออกดีใจเมื่อจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง
ฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แม้ว่าเว่ยหยางจะมีความเฉลียวฉลาด แต่เนื่องจากทุกคนได้แสดงไปจนหมดทุกรูปแบบแล้ว ตอนนี้เว่ยหยางยังจะสามารถแสดงอันใดได้อีก?
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้องค์หญิงกําลังอยู่ในอารมณ์ที่ขุ่นเคือง…นางจึงเปลี่ยนใจและเริ่มกล่าวว่า
“ทูลองค์หญิง เว่ยหยางเติบโตในชนบท นางมิถนัดวรรณคดีและศิลปะมันจะทําให้พระองค์ทรงขุ่นเคืองมากกว่าเดิมเท่านั้น”
เมื่อครู่องค์หญิงหย่งหนิงดุด่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่ พระนางจึงรู้สึกเสียใจต่อผู้อาวุโสหลี่
ท้ายที่สุดท่านผู้อาวุโสหลี่ก็เป็นผู้สูงส่งที่สมควรแก่การเคารพบูชาคํากล่าวที่พระนางได้กล่าวไปนั้นมิได้มีความเกรงใจต่อหญิงชราผู้นี้เลย พระนางจึงรู้สึกผิดและกล่าวว่า:
“มิสําคัญ มิมีผู้ใดกล้าตําหนินาง ปล่อยให้นางแสดงต่อหน้าทุกคนเถิด”
หย่งหนิงคิดดีแล้ว แม้จะได้ยินว่าหลี่เว่ยหยางเติบโตมาจากชนบท
แต่นางก็มีท่านย่าที่คอยสั่งสอนมารยาท แม้แต่คุณหนูธรรมดาก็ยังต้องเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างแล้วนางจะมิสามารถเรียนรู้อันใดได้อย่างไร
พระนางมิได้คิดในแง่มุมที่ว่า หลีเว่ยหยางมิสามารถแม้แต่จะอิ่มท้องได้ แล้วจะเรียนวรรณคดีและศิลปะได้อย่างไร?
จากนั้นหลี่เว่ยหยางกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา และลุกขึ้นยืน:
“เว่ยหยางน้อมรับพระบัญชา”
การมีทักษะในวรรณคดีและศิลปะจะต้องได้รับการฝึกฝนตั้งแต่อายุยังน้อย
บรรดาคุณหนูทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความเชี่ยวชาญในศิลปะด้านต่างๆ โดยมิต้องสงสัย
และเนื่องจากความบกพร่องในข้อนี้ ทําให้หลี่เว่ยหยางในชาติที่แล้วถูกล้อเลียนจากผู้คนนับไม่ถ้วน
แต่ว่ามันสายเกินไปสําหรับนางในการเริ่มต้นเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ และคงยากเกินกว่าที่นางจะสามารถทําได้สมบูรณ์แบบ
ดังนั้นนางจึงเลือกเรียนเต้นรํา และภายในระยะเวลาสามปีที่แต่งงานกับหัวเปาเจิ้น นางได้เรียนรู้ท่าเต้นมากมายเพื่อทําให้เขามีความสุข
แน่นอนว่า เมื่อเทียบกับบรรดาคุณหนูที่เรียนรู้วิธีการเต้นตั้งแต่อายุยังน้อย นางคงยังมิเชี่ยวชาญเท่า
แม้ว่านางจะพยายามมากขึ้น แต่ก็มิสามารถชดเชยได้สําหรับเวลาที่ล่วงเลยมา
ดังนั้นนางจึงมิสามารถใช้เส้นทางธรรมดาได้ นางต้องมีความคิดสร้างสรรค์ หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
องค์หญิงหย่งหนิงจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง และคิดเพียงว่า เด็กสาวผู้นี้ดูมีความแตกต่างจากคุณหนูท่านอื่น ๆ อย่างประหลาด
นางเป็นเหมือนสายน้ำในสระน้ำภายใต้แสงจันทร์ที่สดใส แต่ในสวนลึกของดวงตาคู่นั้นมีบางอย่างที่แสนจะเย็นชา ซึ่งทําให้ผู้อื่นมิสามารถเข้าใจนางได้
“ข้าต้องการขอยืมของสองสิ่งจากพระองค์ หวังว่าองค์หญิงจะทรงยินยอม”
น้ำเสียงของหลี่เว่ยหยางนั้นอ่อนโยนและเหมาะสม ทําให้รู้สึกได้ถึงความปกติ
องค์หญิงหญิงหนิงพยักหน้าและกล่าวว่า
“ตกลง”
เมื่อได้ยินคําสั่งขององค์หญิงแล้ว เจ้าหน้าที่หญิงจึงติดตามหลี่เว่ยหยางไปเพื่อเตรียมตัว
เมื่อเดินผ่านทางเดินออกมาจนพ้นหูพ้นตาผู้คนแล้ว หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ข้าขอให้ช่วยเตรียมของเหล่านี้ให้ด้วย”
เมื่อได้ยินคํากล่าวของนาง เจ้าหน้าที่หญิงเผยสีหน้าลังเลใจเล็กน้อย แต่นางสั่งให้คนเตรียมของให้ทันทีในบริเวณงานเลี้ยง
เกาหมินหัวเราะอย่างเย็นชา
“นางจงใจสร้างเรื่องลึกลับ ที่แท้มันเป็นเพียงแค่การแสดงของเด็กสาวจากชนบท นางจะเล่นกลเม็ดเช่นใดได้”