ตอนที่ 74-1 ผสมผสาน

หลี่จางเล่อเฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงประกายแห่งความหวัง

นางต้องการที่จะฉีกร่างของหลี่เว่ยหยางออกเป็นชิ้น ๆ และตอนนี้แทบจะทนรอมิไหวที่จะได้เห็นน้องสามของนางต้องอับอายขายหน้าต่อสาธารณชน

ทั่วเปาเจิ้นยกแก้วไวน์ของเขาขึ้นขณะที่กล่าวว่า:

“น้องเจ็ด เชิญดื่ม”

ทั่วเปาหมูยิ้มเบา ๆ :

“ขอบคุณ”

องค์ชายห้าที่นั่งอยู่ด้านข้างกําลังจ้องมองไปยังหลี่จางเล่อซึ่งมีสีหน้าซีดเซียว แม้ว่าองค์ชายแปดจะกล่าวบางอย่างกับเขา แต่เขาก็มิได้ยินอันใดเลย

องค์ชายแปดผู้ซุกซน เมื่อเห็นว่าพี่ชายมิได้สนใจตนเอง จึงรู้สึกกระสับกระส่าย และต้องการที่จะกระโดดเข้าไปหาคนอื่นเพื่อเล่นด้วย

ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เห็นหลี่

หมินเต๋อเด็กชายผู้ซึ่งมีอายุใกล้เคียงกับตนเอง จึงรีบเข้าไปคุยคุณชายสามของบ้านตระกูลหลี่

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะกล่าวอันใดออกไป หลี่หมิ่นเต่อ ก็ทําเพียงแค่พยักหน้าด้วยความเคารพ ซึ่งทําให้เขาโกรธมาก

หลังจากนั้นมินานนัก เมื่อเห็นใบหน้าที่มีความอ่อนหวานและเกลี้ยงเกลาของหลี่หมินเต๋อองค์ชายแปดก็จ้องมองมาที่เขาและอดมิได้ที่จะกล่าวว่า:

“อย่าบอกนะว่าเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง!”

หลีหมิ่นเต่อมองอย่างใจเย็น

“องค์ชายแปดหมินเต๋อเป็นผู้ชาย”

องค์ชายแปดเงยหน้าขึ้น ขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

ในขณะนี้ต่อหน้าฝูงชนคนรับใช้ถือกระดาษสีขาวสี่เหลี่ยมผืนผ้าแผ่นใหญ่มากราวกับจอหนังกลางแปลงเดินเข้ามา

ฮูหยินเกาเว่ยหัวเราะ:

“นางจะเล่นกลอุบายอันใดอีก?นางมิได้เต้นรําหรอกหรือ? นางต้องการแสดงอันใดต่อหน้าฝูงชนกันแน่?”

ในดวงตาขององค์หญิงหย่งหนึ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นปรากฏขึ้น

เวงตาขอลาง

ทุกคนสนทนากันราวกับว่าหลี่เว่ยหยางมิได้ยินเสียงอันใดเลย นางเปลี่ยนเป็นชุดเต้นรําสีขาวที่องค์หญิงเตรียมไว้ให้และเดินเข้าไปหลังจอสีขาว

เนื่องจากหน้าจอใหญ่มาก ทุกคนจึงเห็นเพียงเงาที่เรียวบางของนางแต่มิสามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้ ทําให้พวกเขาเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก

ขณะนี้ทั้งสวนเงียบสงบจนดูเหมือน มิมีผู้ใดอยู่ที่นั่นเลย

เมื่อเพลงเริ่มบรรเลง นางก็เหวี่ยงแขนเสื้อและเริ่มเคลื่อนไหวไปตามเสียงเพลง ร่างกายของนางหมุนขณะที่แขนเสื้อของนางนั้นปลิวขึ้นและปิ่นปักผมที่ศีรษะของนางหมุนไปมาเรากลับดอกไม้ที่สามารถเคลื่อนไหวได้

เมื่อลมพัดตามการเคลื่อนไหวของนาง ขณะที่หญิงสาวยังคงเต้นรํา โดยที่ฝูงชนมิสามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้ และสามารถมองเห็นเพียงเงาเรียวของนาง

ทุกคนประหลาดใจเนื่องจากมิเคยเห็นการเต้นรําประเภทนี้มาก่อน

และพวกเขาคิดว่าการเต้นรําที่พวกเขาเคยเห็นอย่างชัดเจนนั้นเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว แต่เมื่อเห็นเพียงเงาที่งดงามจากหน้าจอพวกเขาพบว่ามันช่างมีความน่าสนใจมาก

องค์หญิงยิ้มด้วยความพึงพอใจ

“ช่างเป็นเด็กสาวที่ชาญฉลาดจริง ๆ ”

หลี่จางเล่อหัวเราะเบา ๆ ฮัมเหลี่เว่ยหยางมีทักษะอย่างแท้จริง นางรู้ว่าท่าเต้นของนางนั้นธรรมดา จึงใช้การเต้นรําเงาเป็นวิธีในการแสดงโดยใช้ความแปลกใหม่ในการลบล้างทักษะการเต้นธรรมดาของนาง

ทันใดนั้นองค์ชายแปดก็กระโดดขึ้นขณะที่เบิกตากว้างและกล่าวว่า

“ดูนั่นสิ!”

ทุกคนจ้องมองดูด้วยความอยากรู้ และตระหนักว่าหน้าจอสีขาวมีรูปบางอย่างปรากฏขึ้น จากนั้นดอกไม้ได้เบ่งบานออกมาทีละดอกตามจังหวะของเสียงดนตรี

สิ่งที่ทําให้ผู้คนประหลาดใจคือ หลังจากการเคลื่อนไหวของมือหลี่เว่ยหยาง ดอกไม้ที่วาดดูเหมือนว่าพวกมันได้ตื่นขึ้นจากนิทรา

นางเต้นรําเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า คล้ายหมอกที่สลายกลายเป็นหยดน้ำ

ท่าเต้นรําเหมือนนกที่บินมาจากป่าใหญ่ราวกับว่ากําลังหลบหนีจากการจองจํา

องค์ชายแปดค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนขณะที่ใบหน้าเรียวเล็กของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและปรบมืออย่างบ้าคลัง

“ดีดี! นี่มันดีจริง ๆ ! ไอ้หยาดีกว่าคนที่แสดงก่อนหน้านี้เสียอีก!”

ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง และพวกเขามิสามารถบรรยายถึงการแสดงเช่นนี้ได้ มันมีมีผู้ใดสามารถเทียบได้ และทักษะการวาดภาพของนางก็มิได้ยอดเยี่ยมมากนัก

แต่เป็นการผสานทั้งสองอย่างเข้าไว้ด้วยกัน ทําให้มันช่างน่าหลงใหล

การเคลื่อนไหวในการเต้นรําแต่ละครั้งประสานกับการเบ่งบานของดอกไม้ ซึ่งแต่ละจังหวะเข้ากันกับภาพวาดอย่างสมบูรณ์แบบ

ดอกไม้เบ่งบานและการเต้นรํา หลี่เว่ยหยางช่างมีความคิดที่แยบยลจริง ๆ !

องค์หญิงหย่งหนิงจับจ้องไปที่นางแม้ว่าพระนางจะยิ้มในตอนท้าย แต่ก็พยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า:

“เด็กคนนี้ฉลาดมาก”

หลังจากดนตรีจบลง กระดาษแผ่นใหญ่นั้นก็ปรากฏภาพของดอกไม้ที่งดงามมากมายจนกลายเป็นสวนดอกไม้

หลี่เว่ยหยางหายใจเข้าเบา ๆ และค่อย ๆ เดินออกจากหน้าจอสีขาวนั้น

ในเวลานี้ทุกคนสังเกตเห็นว่าแขนเสื้อของนางเปียกโชกไปด้วยหมึก แต่เธอก็ทําราวกับว่ามันมิได้เป็นเช่นนั้น และหัวเราะต่อหน้าองค์หญิง

องค์หญิงหย่งหนึ่งยิ้มเบา ๆ และกล่าวว่า:

“เป็นเรื่องดีมากที่เจ้าสามารถคิดเช่นนี้ได้ ไม่แปลกใจเลยที่พระบิดาส่งชื่นชอบเจ้า นี่คือการเต้นรําแบบใดกัน?”

หลี่เว่ยหยางเผยดวงตาที่แจ่มใสขณะที่กระพริบและยิ้ม:

“ทูลองค์หญิง นี่คือการเต้นรําน้ำหมึก”

องค์หญิงหย่งหนึ่งพยักหน้า

“ยอดเยี่ยมมาก”

เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว นางก็โบกมือเป็นสัญญาณให้เจ้าหน้าที่หญิงยกถาดเข้ามา

หลี่เว่ยหยางรับมันไว้ ซึ่งมันก็เป็นถาดใส่เครื่องประดับและกระเป๋า หลี่เว่ยหยางขอบพระทัยองค์หญิงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและกลับไปยังที่นั่งของตนเอง

นางเห็นใบหน้าของหลี่จางเล่อที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เมื่อจ้องมองมาที่ตนเอง แต่หลี่เว่ยหยางมิได้ใส่ใจเลย และทําเพียงแค่ยิ้มอย่างอ่อนหวานให้นางแล้วจึงนั่งลง

ขณะที่องค์ชายห้าเงียบกริบ โดยมิทราบว่าจะกล่าวอันใดออกมาดี

และองค์ชายสาม ทัวเป่าเจิ้นยิ้มอย่างจริงใจ เพราะเขารู้ดีว่า หลี่เว่ยหยางจะมีทําให้ผิดหวัง หญิงสาวผู้นี้มีความชาญฉลาดมากกว่าหลี่จางเล่ออย่างมิต้องสงสัย

เมื่อกล่าวถึงท่วงท่าในการเต้นรําของหลี่เหว่ยหยางนั้นมิสามารถแข่งขันกับบุตรสาวของกระทรวงกิจการได้

และเมื่อกล่าวถึงการประดิษฐ์ตัวอักษร นางก็มิสามารถเทียบได้กับนักวิชาการหญิงซิ่วหนิงหยานได้

เนื่องจากนางมิสามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้โดยตรง นางจึงใช้ไหวพริบของตนเองเท่านั้น

การแสดงของนางในวันนี้เป็นการผสมผสานระหว่างการเต้นรําแบบธรรมดากับการวาดภาพซึ่งทําให้ทุกคนต้องตกใจอย่างแน่นอน

และได้รับความสนใจมากกว่าการแสดงที่หลี่จางเล่อแสดงก่อนหน้านี้ ซึ่งถือได้ว่าหลี่เว่ยหยางมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในชั่วข้ามคืน

ทั่วเปาหยยังคงดื่มกับผู้คนที่อยู่รอบข้างเขา ขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้านั้นมีความลึกล้ำ

เนื่องจากช่วงเวลาเช่นนี้ ใบหน้าของฮูหยินใหญ่จึงเต็มไปด้วยความโล่งใจ และทําราวกับว่านางรู้สึกเป็นเกียรติมาก เมื่อได้รับคํากล่าวแสดงความยินดีจากคนอื่น ๆ

“ไอ้หยา เซียนจูของครอบครัวท่านมิเพียงแต่มีความงดงามแต่ยังฉลาดมากด้วย และท่าเต้นของนางก็ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน

ศิลปะการวาดภาพของนางนั้นยอดเยี่ยม เมื่อนํามารวมกับการเต้นรําที่งดงามเช่นนี้ ข้ามเคยเห็นมาก่อน!”

“ใช่ ใช่ ทั้งหมดเป็นเพราะคําแนะนําที่เหมาะสมของฮูหยินหลี่!”

“อายุยังน้อย แต่มิธรรมดาเลยจริง ๆ แต่เป็นการเต้นรําที่เปิดหูเปิดตาจริง ๆ !”

รอยยิ้มของฮูหยินใหญ่ตรึงบนใบหน้า ขณะที่นิ้วมือของนางในแขนเสื้อจิกมือของตนเองจนทําให้มีรอยเลือด

หลี่เว่ยหยาง! นังตัวน้อยตัวนี้ เจ้ากล้ามาก!