ตอนที่ 74-2 ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด

นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นมา ทักษะใหม่ของการเต้นหลังจอสีขาวได้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในเมืองหลวง

แม้แต่นางสนมของจักรพรรดิหลายคนก็ยังสวมเครื่องแต่งกายที่มีแขนเสื้อยาวเป็นพิเศษสําหรับเต้นรําหลังจอกระดาษสีขาว เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ

เนื่องจากมันเป็นเช่นนั้นต่อมาจึงแพร่หลายจากพระราชวังออกไปสู่หมู่สามัญชนทั่วไป

ผู้คนพบว่า ที่ใดก็ตามที่มีสระน้ำก็จะมีการเต้นรําน้ำหมึก และในไม่ช้าชื่อของหลี่เว่ยหยางและการเต้นรําก็สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกมุมในเมืองหลวง

แต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์งานเลี้ยงในวันนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่เว่ยหยางมิเคยคาดคิดมาก่อน

นางคิดเพียงว่าต้องการจะผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้และปล่อยให้ผู้อื่นจดจํานางอย่างลึกซึ้งเท่านั้น

และต้องการให้ทุกคนทราบว่า มิใช่ว่าหลี่เว่ยหยางมิมีพรสวรรค์ใด ๆ แต่นางมิต้องการโอ้อวดต่อหน้าผู้อื่น

เด็กสาวทุกคนเปิดเผยความสามารถของพวกนางแล้ว จากนั้นมีคนผู้หนึ่งยืนขึ้นและกล่าวว่า:

“องค์หญิงมันมิควรเป็นแค่พวกเราที่แสดงความสามารถให้ทุกคนได้ดู”

องค์หญิงหย่งหนิงรู้ดีว่า ทุกคนมางานเลี้ยงนี้เพื่อหาสามีหรือเลือกภรรยา และนี่คืองานเลี้ยงจับคู่ ดังนั้นงามจึงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า:

“น้องห้า ข้าได้ยินมาว่า พระราชบิดาทรงประทานธนูให้กับเจ้า เช่นนั้นเจ้าจะนํามันออกมาให้พวกเราชื่นชมได้หรือไม่?”

ทั่วเปารุ่ยรู้สึกเห็นอกเห็นใจหลีจางเล่อ เขาจึงกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือนาง และจะมีปล่อยให้ผู้อื่นพุ่งความสนใจไปยังหลี่เว่ยหยางมากจนเกินไป

ดังนั้นเขาจึงรีบลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า:

“การยินธนูเพียงผู้เดียวนั้นเป็นเรื่องที่น่าเบื่อเกินไป ดังนั้นเราควรจัดการแข่งขันขึ้นจะดีหรือ

หากเป็นเช่นนั้น พระพี่นางจะทรงมีรางวัลสําหรับผู้ชนะในการแข่งขันหรือไม่?”

องค์หญิงหย่งหนิงยิ้มและสั่งให้เจ้าหน้าที่หญิงของพระนางนํากระจกเงาที่ทําอย่างวิจิตรงดงาม ที่ประดับประดาด้วยอัญมณีสีแดงบนกระจกมาะ

“กระจกนี้เป็นของขวัญจากพระมารดา ผู้ใดก็ตามที่ชนะการแข่งขันในวันนี้สามารถรับมันไปได้”

องค์ชายห้าแสดงความยินดีบนใบหน้าของเขาทันที ด้วยกระจกเงานี้เขาสามารถมอบมันให้กับหลี่จางเล่อได้

ด้วยวิธีนี้เขาสามารถช่วยนางให้พ้นจากฉากที่น่าอึดอัด ซึ่งเป็นคําปลอบใจที่ดี เมื่อคิดจนถึงตรงนี้เขาจึงยิ้มให้หลี่จางเล่อเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า

“เช่นนั้น กงกง! ไปนําธนูของข้าออกมาเดี๋ยวนี้”

หลังจากกล่าวคําเหล่านั้นแล้ว บุรุษหนุ่มท่านอื่น ๆ ก็ถูมือและเช็ดฝ่ามือของตนเอง เพื่อแสดงว่าพวกเขาต้องการเข้าร่วมแข่งขันด้วย

ตามปกติแล้วในงานเลี้ยงธรรมดาทั่วไป จะมีการประชันความสามารถเช่น การยิงธนูและการขว้างกาต้มน้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงมีคันธนูและแส้เตรียมเอาไว้อยู่แล้ว

องค์ชายสาม,ทั่วเปาเจิ้น ยิ้มเบา ๆ และจ้องมองไปที่ทั่วเปาหยู ขณะที่กล่าวว่า:

“น้องเจ็ด เจ้าสนใจที่จะลองหรือไม่?

เมื่อถึงจุดนี้ มีแสงเทียนสว่างขึ้นทําให้ร่างกายของทั่วเปาหยูอาบไปด้วยแสงสว่าง เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย และยิ้มอย่างใจเย็น:

“คําเชิญของพี่สาม ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร?”

ในไม่ช้าทหารองครักษ์ก็เตรียมเป้าหมายการยิงเรียบร้อย โดยแต่ละเป้าหมายจะอยู่ห่างจากกันเป็นระยะทางสิบเมตร ซึ่งเป้าหมายทั้งสิบรวมกันยืดออกไปเป็นระยะทางหนึ่งร้อยเมตร

องค์หญิงกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า:

“วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าผู้ใดจะสามารถยิงได้ไกลและแม่นยํากว่ากัน”

เนื่องจากหลี่จางเล่อเสียหน้าก่อนหน้านี้ หลี่หมินเฟิงจึงต้องการที่จะเอาชนะให้ได้ เขายิ้มกว้างและรีบรับคันธนูอย่างรวดเร็ว

เขาคว้าลูกศรและยิงเข้ากลางเป้าที่ห้า จากนั้นทุกคนจึงปรบมือ!

ส่วนชายหนุ่มผู้อื่นนั้นเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้อย่างกระตือรือร้น

ส่วนใหญ่สามารถยิงไปได้ไกลประมาณเป้าหมายที่สี่หรือห้า และมิมีผู้ใดที่สามารถยิงไปถึงเป้าหมายที่หกได้

ทั่วเปารุ่ยยิ้มอย่างมั่นใจและรับคันธนูของเขาเอง คันธนูนี้มีขนาดใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งของตัวคนและตัวคันธนูนั้นถูกทาสีดํา

มีการประดับบางอย่างที่ดูเหมือนเพชรหรืออัญมณีที่ล้ำค่า ทั่วเปารุ่ยใช้ไหล่ของตนเองเพื่อพยุงมัน จากนั้นเอื้อมมือไปหาลูกศรและยิงไปยังเป้าหมายที่เจ็ด ซึ่งสามารถเข้าสู่จุดศูนย์กลางสีแดงพอดี

หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อย เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ องค์ชายห้าผู้มีความโดดเด่น เป็นผู้ที่มีทักษะในด้านวรรณคดีและศิลปะการต่อสู้

อย่างไรก็ตาม เขาได้รับพิษรักอย่างหนักจากหลี่จางเล่อ และเข้าใจว่าเขาคงจะตายด้วยน้ำมือของโฉมงามไม่ช้าก็เร็ว

ในประเด็นนี้นางชื่นชมทั่วเปาเจิ้น มาตลอดชีวิตของเขา ชายผู้นี้มิได้รับผลกระทบจากผู้ใดเลย ในขณะที่เขาทําตามเป้าหมายของตนเองอย่างราบรื่นด้วยความพากเพียร

องค์ชายห้ายิ้มแล้วส่งธนูไปให้ทั่วเปาเจิ้น:

“พี่สามได้โปรด!”

เขามั่นใจมากว่า หัวเป่าเจิ้นมิสามารถเหนือกว่าตนเองได้ เพราะโดยปกติแล้วทักษะการยิงของเขาจะอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น

ผู้หญิงทุกคนต่างก็กังวลและเอ่ยถามว่า

“ไอหยา! ทักษะการยิงขององค์ชายสามเป็นอย่างไร? เรามิค่อยเห็นเขาซ้อมยิงเลย!”

“กลัวว่ามันจะเทียบกับองค์ชายห้ามิได้ข้าได้ยินมาว่า ทักษะการยิงธนูขององค์ชายห้าถูกสอนโดยจักรพรรดิเป็นการส่วนตัว!”

“ข้ายังได้ยินมาว่า ทักษะการยิงธนูขององค์ชายห้าสามารถยิงเข้าเป้าได้ทุกครั้ง!”

ในขณะที่ทั่วเปาเจิ้นจับคันธนูเอาไว้เขาจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางโดย มิรู้ตัว

ย้อนกลับไปชาติที่แล้ว ในวันนั้น เขาได้มอบโอกาสที่จะส่องแสงนี้ให้กับตัวเปารุ่ย เพราะเหตุผลบางประการ

เกาหมินกําผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างประหม่าขณะที่นางผลักหลี่จางเล่ออย่างแผ่วเบา :

“จางเล่อ เจ้าคิดว่าองค์ชายสามจะสามารถชนะได้หรือไม่?”

หลี่จางเล่อยังมิสามารถฟื้นตัวจากเหตุการณ์ของตนเองเมื่อครูได้ นางได้ยินคํากล่าว แต่มิได้ตอบสนองกลับแต่อย่างใด

หลี่เว่ยหยางเม้มริมฝีปากตนเอง นางรู้จักทั่วเปาเจิ้นเป็นอย่างดี จึงรู้ว่า ทักษะการยิงของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าทั่วเปารุ่ยมาโดยตลอด

แต่เขามเต็มใจที่จะเปิดเผยตนเองจึงมิมีผู้ใดล่วงรู้ความจริง วันนี้หากเขาทําตามที่คาดไว้เขาคงจะแกล้งแพ้อย่างแน่นอน

บุรุษผู้นี้มักจะซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดอยู่เสมอ เขาคงมิกล้าที่จะเอาชนะอย่างเปิดเผย

ผู้ชายประเภทนี้นางคิดได้อย่างไรว่าเขาเป็นผู้ที่นางสามารถพึ่งพาได้ในสายตาของหลี่เว่ยหยาง นางอดมิได้ที่จะแสดงความดูถูก