ตอนที่ 74-3 ยิงเป้าที่แกว่งไปมา
รูม่านตาของทั่วเปาเจิ้นขยายออกและถูกแทงด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยันของหลี่เว่ยหยางอย่างเจ็บปวด
เขาเข้าใจความหมายเบื้องหลังสายตาของหลี่เหว่ยหยางในทันใด คิดหรือว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้แก่หญิงสาวผู้นี้!
ทั่วเปาเจิ้นยิ้มเล็กน้อยขณะที่เกี่ยวนิ้วหัวแม่มือไว้ที่สายธนู และใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางประคองนิ้วหัวแม่มือเอาไว้
เขาออกแรงวาดคันธนูเต็มเหนี่ยว ก่อนที่ผู้คนจะตะโกนว่ามหัศจรรย์และได้ยินเพียงเสียงลูกศรเหมือนดาวตกพุ่งผ่านไปและบักเข้าไปตรงกลางเป้าหมายที่สิบอย่างชัดเจน!
ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง ยกเว้นหลี่เว่ยหยาง ขณะที่ใบหน้าของนางนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดูมิเหมือนผู้ใด
องค์หญิงหย่งหนิงผงะจนสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะพระนางคิดว่าทักษะศิลปะ การป้องกันตัวของน้องสามผู้นี้อยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้พระนางจึงยิ้มอย่างสงสัย:
“ทักษะการยิงธนูของน้องสามทําให้ทุกคนประหลาดใจจริง ๆ น้องเจ็ดถึงตาเจ้าแล้ว”
ทั่วเปาหมูลุกขึ้นยืนและรับคันธนู เมื่อเทียบกับคันธนูอันงดงามอื่น ๆ แล้ว คันธนูของเขานั้นดูธรรมดามากและมิมีการประดับประดาอื่นใด
เขายิ้มและมิได้สนใจเรื่องลักษณะรูปร่าง ราวกับว่าเขามิได้มาเพื่ออวดโฉม แต่เพียงเพื่อใช้มันแสดงความสามารถเท่านั้น
แต่ทุกคนมิคาดคิดว่า เขาจะวาดคันธนูได้อย่างนุ่มนวลและลูกศรก็ปักเข้าไปยังเป้าหมายที่สิบเช่นเดียวกัน
องค์หญิงหย่งหนิงประหลาดใจเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ และหลังจากนั้นมินานเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องขึ้น
“องค์ชายทั้งสองท่านสามารถยิงไปเข้าเป้าหมายที่สิบได้ ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยาก!”
“ใช่! แน่นอนว่าหาดูยาก!”
“วิเศษมาก!”
ภายใต้ความประหลาดใจเหล่านั้นหลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างลึกซึ้ง ทั้งสองคนนี้มีความแข็งแกร่งที่เท่าเทียมกันอยู่แล้วเพียงแต่ว่า
ทั่วเปาหยูมิมีความโหดเหี้ยมเท่ากับทั่วเปาเจิ้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับและสูญเสียโอกาสในการครอบครองบัลลังก์
ผู้ชนะเป็นเจ้า ผู้แพ้เป็นโจร!
สุภาษิตนี้ยังคงสามารถใช้ได้ตลอด
ขณะนี้สีหน้าขององค์ชายห้านั้นย่ำแย่มากอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ถึงคราวที่เขาจะได้รับความอับอายขายหน้าบ้างแล้ว
เขามิอยากจะเชื่อเลยว่า เดิมที่เขาต้องการที่จะโอ้อวดความสามารถของตนเอง แต่สุดท้ายสองคนนี้กลับแย่งชิงมันไปจากเขา
เพียงแค่ว่าทั่วเปาเจิ้นมิเคยเปิดเผยทักษะการยิงธนูของเขา และทั่วเปาหยุได้เดินทางไปศึกษาต่อยังต่างเมืองเขาจึงได้เรียนรู้ทักษะดังกล่าว
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อใดและเหตุใดพวกเขาจึงมิเคยบอกเล่าให้เขาทราบมาก่อน
และสําหรับทั้งสองคนนี้ เขาเริ่มคิดว่า ตนเองจําเป็นต้องระแวดระวังพวกเขาให้มากขึ้นกว่าเดิม
โดยเฉพาะหัวเปาเจิ้น เขาคิดว่าคงมิสามารถมองบุรุษผู้นี้ ว่าเป็นเพียงผู้ติดตามขององค์รัชทายาทได้อีกต่อไปแล้ว
องค์หญิงหย่งหนิงหัวเราะ
“สงสัยว่าเป้าหมายที่ใช้ยิงนี้คงจะมีขนาดใหญ่เกินไป เช่นนั้นเราลองมาเปลี่ยนเป้าหมายกันจะดีกว่า”
พระนางเหลือบมองไปโดยรอบ และพบว่าหลี่เว่ยหยางกําลังก้มหัวลงและกัดลูกแอปเปิ้ล จึงยิ้มและตรัสว่า
“มาใช้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเป้าหมายคงจะดี”
ทันใดนั้นทหารองครักษ์ได้เดินไปยังต้นไม้ที่อยู่ห่างไกล และใช้ริบบิ้นผูกลูกแอปเปิ้ลห้าลูกเอาไว้บนต้นไม้แต่ละต้นที่อยู่ห่างออกไปประมาณสามสิบเมตร
ทุกคนรู้สึกตกใจมาก:
“เป็นไปได้อย่างไร? มันไกลเกินไปหรือไม่!”
“นี่เป็นความท้าทายที่ยากมาก เป็นเรื่องยากที่จะสามารถยิงเข้าเป้าได้”
“ใช่ใช่ วันนี้มีลมแรงด้วยทําให้ลูกแอปเปิ้ลแกว่งไปมา มิมีทางที่ผู้ใดจะสามารถยิงได้อย่างแม่นยำ”
ท่ามกลางเสียงพึมพํา ทั่วเปาเจิ้น หัวเราะอย่างเปิดเผยและกล่าวว่า:
“เอาธนูของเรามา!”
เขาเอื้อมแขนไปรับคันธนูพร้อมกับลูกศรทั้งห้าดอกถูกส่งมาให้ ซึ่งฝูงชนมิสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขายิงธนูลูกแรกเมื่อใด
ในเวลาที่เขายิงธนูดอกที่ห้าไปแล้ว ผู้มาร่วมงานเหล่านั้นมิสามารถมองเห็นได้ทันเวลา แต่เห็นว่าลูกศรทั้งห้านี้แต่ละดอกร่วงหล่นลงมาพร้อมกับลูก
แอปเปิ้ล
ทหารองครักษ์รีบวิ่งไปหยิบลูกแอปเปิ้ลมา ขณะที่องค์หญิงหย่งหนิงจ้องมองไปยังพวกเขาและเห็นว่าแอปเปิ้ลแต่ละลูกมีลูกศรปักอยู่ โดยที่ส่วนอื่น ๆ ของลูกแอปเปิ้ลมิได้ถูกทําลายเลย
เกาหมินอุทาน:
“ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จนรู้สึกเหมือนกับความฝัน และในพริบตาลูกศรทั้งหมดได้ถูกยิงออกไปแล้ว!”
“ทักษะการยิงธนูขององค์ชายสามนั้นยอดเยี่ยมมาก ข้ามเคยเห็นมาก่อนเลย”
ดวงตาของหลี่จางเล่อเป็นประกายในขณะที่นางรู้สึกพึงพอใจขณะที่กล่าว
จากนั้นบรรดาคุณหนูทั้งหมดก็เริ่มจับกลุ่มสนทนากัน
“มิอยากจะเชื่อเลยว่า ทักษะการยิงธนูขององค์ชายสามนั้นยอดเยี่ยมมาก!”
“ใช่แล้ว ปกติแล้วเขาไม่เคยเปิดเผยถึงสิ่งเหล่านี้เลย!”
แม้แต่ฮูหยินเกาเว่ยก็อดกลั้นมิได้และกล่าวกับฮูหยินใหญ่ว่า
“องค์ชายสามทําให้เรามองเห็นเขาในแง่มุมที่แตกต่างออกไปจริง ๆ ”
ฮูหยินใหญ่เฝ้าดูและกระซิบอย่างเย็นชา
“อืม! แต่ข้ามิได้คิดเช่นนั้น เขาเก็บซ่อนทักษะการยิงธนูที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เอาไว้ ข้าเกรงว่าเขาจะมีแรงจูงใจบางอย่าง!”
อย่างไรก็ตาม นางมิชอบองค์ชายสามเพราะเขามีภูมิหลังที่ต่ำต้อย ซึ่งมิว่าเขาจะทําสิ่งใด นางก็ยังคงมองว่าบุรุษผู้นี้ยังมีดีพอ
อย่างไรก็ตาม หลี่จางเล่อที่อยู่เคียงข้างมารดาได้กวาดล้างความรู้สึกที่ท้อถอยของตนเองออกไปแล้ว และดวงตาของนางก็เป็นประกาย
หลี่เว่ยหยางสังเกตเห็นภาพนี้จึงยิ้มอย่างเย็นชาและยังคงกัดแอปเปิ้ลที่อยู่ในมือของตนเอง
ในเวลานี้ทั่วเปาเจิ้นหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มและกล่าวกับหัวเปาหยูง
“น้องเจ็ดถึงคราวของเจ้าแล้ว”
เป้าหมายของแอปเปิ้ลอยู่ตรงหน้าเขา แต่หัวเปาหยูกลับมองมาที่พี่ชายสามอย่างช้า ๆ และยิ้มอย่างอ่อนโยน
“พี่สามมีทักษะการยิงธนูที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ”
ทัวเปาหมูยกคันธนูขึ้น ขณะที่ทุกคนมีมีโอกาสที่จะตอบสนองลูกศรที่แทงทะลุแอปเปิ้ลลูกแรก
เมื่อทุกคนยกมือขึ้นกุมหน้าอกที่หัวใจเกือบจะหยุดเต้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงนั้นในทันใด
และแอปเปิ้ลทั้งลูกก็ระเบิดออก ลูกศรพุ่งไปข้างหน้าและปักเข้าไปที่
แอปเปิ้ลลูกที่สอง
และเมื่อได้ยินเสียงดังอีกครั้งลูกศรยังคงพุ่งเข้าหาแอปเปิ้ลลูกที่สามลูกที่สี่จากนั้นลูกศรดอกที่ห้าได้ถูกยิงออกไปและลูกแอปเปิ้ลลูกนั้นก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
มิมีผู้ใดเคยเห็นฉากนี้มาก่อน ทําให้ทุกคนตะลึงชั่วคราว ตอนนี้บรรยากาศภายในงานเงียบราวกับว่า ทุกคนลืมที่จะปรบมือและกล่าวชื่นชม
ทั่วเปาหยูยิ้ม
“โปรดอย่าหัวเราะกับการแสดงของข้า”
หัวเป่าเจิ้นยิ้มอย่างเฉื่อยชา แต่ในไม่ช้าก็ปรบมือ
“น่าทึ่งมาก!”
เมื่อทุกคนตื่นจากภวังค์ จึงเริ่มปรบมือ
“องค์ชายเจ็ดน่าทึ่งมาก!”
“ใช่ มิอยากจะเชื่อเลยว่าข้าจะได้เห็นทักษะพิเศษเช่นนี้!”
“องค์ชายเจ็ดวิเศษมาก!”