ตอนที่ 74 -4 ยิ่งไปไกลกว่า

หลี่เว่ยหยางหยุดเคลื่อนไหวและอดมิได้ที่จะจ้องมองไปยังบุรุษหนุ่มที่มีใบหน้าเหมือนหยกผู้นี้

นางรู้สึกสงสัยและอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย หลังจากนั้นความคาดหวังในใจก็เริ่มมากขึ้น

ทัวเป่าหยูเป็นผู้ที่น่าสนใจ หวังว่าท่านจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และฉีกหน้าทัวเปาเจิ้น!

หลี่หมินเต๋อจ้องมองจากระยะไกลและยิ้มเล็กน้อย

องค์ชายแปดสังเกตหลี่หมินเต๋ออย่างพิถีพิถัน และเห็นว่าเขาแต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีม่วงอ่อน แขนเสื้อย้อมด้วยสีทองทําให้รู้สึกได้ถึงรัศมีอันสูงส่ง

แม้ว่าจะอายุยังน้อย แต่ก็สามารถมองเห็นประกายอันงดงามในดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน

เขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่เป็นทางการ แต่ฉากทั้งหมดกลายเป็นพื้นหลังภาพของเขาอย่างเห็นได้ชัด

เด็กชายหน้าตาเช่นนี้ สามารถทําให้ผู้อื่นรู้สึกหลงใหลได้อย่างแท้จริง

องค์ชายแปดเริ่มเหม่อลอยขณะที่เขายังคงจ้องมอง…

องค์ชายห้าผู้ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างขององค์ชายน้อยกล่าวว่า

“หลานเอ๋ออย่าจ้องมองผู้คนเช่นนั้นและระวังอย่าเปิดเผยตัวตนให้ผู้อื่นล่วงรู้

หากพระบิดารู้ว่าเจ้าขโมยเสื้อผ้าของน้องแปดและสวมรอยเป็นเขาพระองค์คงจะกริ้วโกรธมาก”

องค์ชายทัวเป่ากงผู้ซึ่งเป็นองค์ชายองค์ที่แปดและองค์หญิงเก้าเป็นฝาแฝด ซึ่งทั้งคู่มีหน้าตาเหมือนกันทุกประการ

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือระหว่างคิ้วขององค์หญิงเก้ามีไฟสีแดงและคนปกติจะมิสามารถแยกความแตกต่างออกจากกันได้

ผู้ใดจะไปคิดว่า เจ้าหนูจอมซนที่นั่งอยู่ที่นี่เป็นเด็กสาวที่น่ารักแสนซน

องค์หญิงเซียงหลานมิได้สนใจคํากล่าวขององค์ชายห้า ขณะที่เฝ้ามองหลี่หมินเต๋อเพียงผู้เดียวและพบว่าเขากําลังจ้องมองไปยังทิศทางของหลี่เว่ยหยาง

องค์หญิงน้อยจึงรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้สักครู่แล้วก็กลับมามีความสุขได้อีกครั้ง

ความสัมพันธ์ของหลี่หมินเอและลูกพี่ลูกน้องของเขามีความสนิทสนมกันมาก หากนางสามารถเป็นเพื่อนกับหลี่เว่ยหยางได้ก็คงจะได้พบหน้าหลี่หมินเต๋อบ่อยขึ้น!

องค์ชายห้าจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยางและทันใดนั้นก็เกิดรอยยิ้มขึ้นขณะที่กล่าวว่า

“ข้าจะไปดูลูกศรของน้องเจ็ดว่ามันไปไกลขนาดนั้นจริง ๆ หรือ”

เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว เขาก็รีบวิ่งไปยังลูกแอปเปิ้ลที่อยู่ไกลที่สุด จากนั้นได้กล่าวเสียงดังว่า:

“แอปเปิ้ลทั้งห้าแตกเป็นชิ้น ๆ จริง ๆ ด้วย”

ดูเหมือนมิเต็มใจที่จะยอมรับผลการแข่งขันโดยกล่าวว่า:

“ในแง่ของการยิงให้ไกลที่สุด ข้ามสามารถเทียบกับน้องเจ็ดได้”

ในขณะที่กล่าว เขายกคันธนูขึ้นและยิงธนูออกไปอย่างรุนแรง

ทิศทางของลูกศรตรงไปยังบริเวณที่นั่งของผู้หญิง ทําให้ผู้หญิงทุกคนร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจขณะที่กระโดดขึ้น

จากนั้นจึงตระหนักว่า ลูกศรนั้นกําลังพุ่งตรงไปหาหลี่เว่ยหยาง

ตอนนี้บรรยากาศในบริเวณงานเงียบสงัด!

หลี่หมินเต๋อรู้สึกได้เพียงเสียงหัวใจของตนเองที่หยุดเต้นไปแล้วชั่ววินาที!

อย่างไรก็ตามลูกศรพุ่งผ่านดวงตาของเธอและได้ยินเสียงดัง มันยิงเข้าไปในต้นไม้ใกล้ ๆ และส่งเสียงสัน

หลี่เว่ยหยางมองไปที่องค์ชายห้าอย่างยิ้มแย้มสีหน้าของเธอไม่ได้มีอาการเปลี่ยนแปลงใด ๆ

ทัวเป่ารุ่ยมิอยากจะเชื่อเลยว่า หลี่เว่ยหยางมิได้หลีกเลี่ยงสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย ในขณะนั้นใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันที

เขามิได้ตั้งใจที่จะฆ่านาง เขาแค่ต้องการข่มขู่เด็กสาวเจ้าเล่ห์ผู้นี้เท่านั้น แต่มิได้คาดหวังให้นางนั่งอยู่เฉย ๆ และเฝ้าดูเขาโดยมิมีความหวาดกลัวแต่อย่างใด

วิธีนี้มันทําให้เขาดูนุ่มบ่ามและหยาบคายมากในสายตาของผู้คน

องค์หญิงหย่งหนึ่งโกรธอย่างกะทันหัน

“รุ่ยเอ๋อเจ้ากําลังทําอันใดอยู่!”

เมื่อเห็นว่าทัวเป่ารุ่ยยกคันธนูขึ้น หัวใจของทัวเป่าเจิ้นก็พองโตขึ้นและก้าวเท้าออกมาโดยมิรู้ตัว

จนเห็นว่าหลี่เว่ยหยางปลอดภัยดี นั่นคือตอนที่เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

แม้จะมิรู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกเช่นนี้ แต่เขารู้ว่าหลี่เว่ยหยางผู้นี้สามารถดึงดูดความสนใจของตนเองได้โดยมิรู้ตัว

ก่อนที่แผนการของเขาจะสําเร็จเสร็จสิ้น แน่นอนว่าหลี่เว่ยหยางต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป

อย่างน้อยที่สุดเขาต้องการให้นางรู้ว่า การปฏิเสธเขาเป็นการกระทําที่โง่เขลาอย่างยิ่ง

“น้องห้าเจ้าประมาทจนเกินไป เจ้ายิงออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นนั้นได้อย่างไร? เจ้าทําให้เซียนจูแห่งอันผิงต้องตกใจ รีบขอโทษเร็วเข้า!”

เขาส่งสัญญาณตาให้กับองค์ชายห้า ซึ่งทัวเป่ารุ่ยสามารถเข้าใจได้จึงรีบก้าวออกมาด้านหน้าด้วยความรู้สึกผิดพร้อมกับกล่าวว่า

“ข้าแค่ต้องการจะลองดูว่า ตนเองจะยิงได้ไกลเพียงใด เซียนจูโปรดอย่าได้โกรธเคือง”

หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อยและกล่าวอย่างใจเย็นว่า

“วิสัยทัศน์ขององค์ชายห้ามิค่อยดีสิ่งนี้มิใช่เรื่องใหญ่ เพียงแค่ข้ามิได้นั่งห่างจากองค์หญิงมากนัก

ซึ่งการทําร้ายข้ามิใช่เรื่องสําคัญ แต่หากท่านทําให้องค์หญิงบาดเจ็บมันคงมิดีแน่”

ใบหน้าของตัวเปารุ่ยเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธแค้น แต่เดิมเขาต้องการทําให้หลี่เว่ยหยางกลัวจนสติแตกจนทําให้หญิงสาวเกิดความอับอาย

แต่เขามิเคยคิดว่าจะถูกนางดุด่าแทน และโดยเฉพาะดวงตาของหลี่เว่ยหยางมันทําให้เขารู้สึกราวกับว่า ตนเองกลายเป็นตัวตลกประจํางานเลี้ยงไปเสียแล้ว!

เด็กสาวผู้นี้มิเพียงแต่ไร้มารยาท แต่ยังมิรู้จักกาละเทศะด้วย

สีหน้าขององค์หญิงดูตกพระทัยเป็นอย่างมาก ใช่! หากลูกศรเอียงเล็กน้อย พระนางก็คงจะได้รับบาดเจ็บ จึงกล่าวอย่างจริงจังว่า:

“รุ่ยเอ๋อทักษะการยิงธนูของเจ้าได้รับการสอนโดยพระบิดาจริง ๆ หรือ? หากพระองค์ทรงเห็นภาพนี้คงจะรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก”

ทัวเป่ารุ่ยรู้ว่าองค์หญิงเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิ เขาจึงกลัวมาก และรีบยอมรับความผิดทันที:

“พระพี่นางโปรดยกโทษให้ข้าด้วยข้าจะมิทําเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว”

การแสดงออกขององค์หญิงหย่งหนิงเย็นชาและได้ยินผู้ใดบางคนพยายามไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนี้

“ไอหยาดังนั้นผู้ที่ยิงได้ไกลที่สุดก็คือองค์ชายห้าละสิ

ทุกคนมองข้ามความผิดพลาดนั้นและพบว่าลูกศรขององค์ชายห้ายิงไปไกลกว่าสองร้อยเมตร

เมื่อกล่าวถึงระยะการยิงแล้ว องค์ชายห้าจะต้องได้รับรางวัลอย่างแน่นอน

ในขณะนี้เสียงที่ชัดเจนอีกเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นว่า:

“ช้าก่อน!”

ทุกคนมองย้อนกลับไปและรู้สึกประหลาดใจมาก