บทที่ 212 ไม่ช้าก็เร็วเวรกรรมก็จะตามทัน

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เรื่องวันนี้ เธอไม่เคยคิดมาก่อน ที่ผ่านมาลูกทั้งสองคนต่างมีความสุขกันมาก และก็ไม่เคยร้องงอแงหาพ่อมาก่อน ดังนั้นเธอคิดว่าตลอดว่า พวกเขาไม่ต้องการพ่อ แค่ต้องการเธอที่เป็นแม่คนนี้อยู่เคียงข้างจนพวกเขาเติบโตตลอดไปก็พอแล้ว

แต่ตอนนี้เธอเข้าใจทันทีว่า เธอคิดแบบนี้ผิดโดยสิ้นเชิง การเติบโตของลูกไม่ควรขาดพ่อแม่แท้ๆเคียงข้างไปด้วย ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถขาดพ่อไปได้ กระทั่งว่าหลายๆครั้ง การสั่งสอนของพ่อที่มีต่อลูก แม่ก็ไม่อาจทำได้

มองสภาพวารุณีที่ดูเจ็บปวด สายตานัทธีก็เป็นประกาย นั่งตัวตรงเล็กน้อย

“ถึงผมไม่รู้ว่าทำไมคุณต้องแยกกับพ่อของเด็กๆ แล้วเลือกที่จะคลอดลูกคนเดียว แต่ว่าคุณเพิ่งพูดว่าพ่อของเด็กๆมีคนที่รักอีกคนแล้ว หมายความว่าพวกคุณไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้แล้ว งั้นคุณเคยคิดไหมว่า จะหาพ่ออีกคนให้เด็กทั้งสอง?”

“หาพ่อ?”สายตาวารุณีตะลึงไป

ตรงนี้เธอไม่เคยคิดจริงๆ

“ใช่”นัทธีพยักหน้า“ตอนนี้เด็กทั้งสองคนยังเล็กอยู่ เป็นช่วงที่ต้องการพ่อแม่มาอยู่ด้วย คุณสามารถทำแบบนี้ได้”

วารุณีส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น“ง่ายแบบนี้ที่ไหนกัน ใครจะยอมแต่งกับผู้หญิงที่มีลูกสองแล้ว”

มือนัทธีที่วางไว้ในกระเป๋ากางเกง ก็กำขึ้นมา“เยอะมาก แค่คุณยอม ผม……”

อย่างไรก็ตามเขายังพูดไม่จบ ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาตัดบท

เขาขมวดคิ้ว จ้องกระเป๋าช่วงเอวของวารุณีอย่างไม่พอใจนัก ริมฝีปากบางๆเม้มลงอย่างเย็นชา

วารุณีไม่เห็นความผิดปกติของเขา ก้มหน้าลงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ามาดู มองเห็นเป็นสุภัทรโทรมา หน้าเล็กๆก็หม่นลงไป

“เป็นไงบ้าง คิดได้หรือยัง?”หลังจากกดรับสาย สุภัทรดื่มกาแฟ ถามอย่างใจเย็น

วารุณีกำโทรศัพท์แน่น ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น:“ฉันยังคำเดิม ไม่รับปาก!”

หน้าแก่ๆของสุภัทรหมองไป เอาแก้วกาแฟวางบนโต๊ะน้ำชาตรงหน้าแรงๆเสียงดังปัง“จนตอนนี้แกยังไม่ยอมรับอีกเหรอ?แกไม่เห็นคำที่ด่าแกบนอินเทอร์เน็ตเหรอ?”

“เห็นแล้ว”

“เห็นแล้วแต่แกยังแบบนี้อีก แกอยากให้พวกเขาด่าแบบนี้ต่อไปเหรอ?”สุภัทรตบโต๊ะ

นัทธีจ้องโทรศัพท์ของวารุณี

วารุณีเห็นเขาอยากฟัง คิดว่าเรื่องนี้เขาก็เกี่ยวข้องด้วย จึงเอาโทรศัพท์ออกมาจากหู แล้วเปิดลำโพงซะเลย ตอบไปว่า:“คุณสุภัทร คุณไม่ต้องมาทำเป็นคิดแบบนี้เพื่อฉันหรอก ฉันเห็นแล้วดูปลอมมาก ยังไงฉันถูกคนด่าแบบนี้ ก็ไม่ใช่เพราะคุณที่ทำเหรอ?”

“แก……”สุภัทรอึกอักเพราะเธอ แต่แป๊บเดียวก็ปรับสภาวะให้ดีขึ้น พูดเสียงเย็นชา“ฉันทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะถูกแกบังคับเหรอ ถ้าแกรับปากฉันไวๆ ฉันต้องทำแบบนี้กับแกไหม?”

“ใช่ ฉันไม่ยอมหรอก ดังนั้นคุณจะเล่นงานฉัน งั้นประธานนัทธีล่ะ ประธานนัทธีบังคับคุณ?”วารุณีเงยหน้ามองชายตรงข้าม พูดกับโทรศัพท์อย่างเย็นชา

ชายหนุ่มหรี่ตาลง ยังคงไม่ส่งเสียงใดๆ

ที่ปลายสาย สุภัทรขมวดคิ้ว“นี่มันเกี่ยวอะไรกับนัทธี?”

“ทำไมไม่เกี่ยวกับประธานนัทธีล่ะ เหตุผลที่คุณทำให้ชื่อเสียงฉันให้แปดเปื้อน ก็เพราะฉันยั่วยวนประธานนัทธีอย่างหน้าด้าน ทำลายการหมั้นของประธานนัทธีกับพิชญา แต่คุณเคยคิดไหมว่าประธานนัทธีจะยอมถูกคุณหลอกใช้มาทำให้ชื่อเสียงของฉันแปดเปื้อน?”วารุณียกมุมปากขึ้นมาอย่างเหน็บแนม

ได้ยินคำนี้ รูม่านตาของสุภัทรหดลง เนื้อหนังบนหน้าแก่ๆนั่นสั่นคลอน ที่ปากพูดไม่ออก

ตรงนี้เขาไม่เคยคิดจริงๆ

เขาแค่อยากใช้ข่าวลือที่ง่ายที่สุด ได้ผลที่สุด ไปทำให้ชื่อเสียงให้วารุณีผู้หญิงคนนี้แปดเปื้อน ไม่เคยคิดจะเอานัทธีเข้ามาพัวพันเลย เพราะจะทำให้นัทธีไม่พอใจได้

นานมากที่ไม่ได้ยินการตอบกลับของสุภัทร วารุณีก็รู้ว่าตัวเองพูดถูก มองนัทธีที่อยู่ตรงข้ามแล้วพูดว่า“คุณไม่เคยคิดจริงๆด้วย งั้นคุณบอกมาสิ ถ้าฉันไปขอความช่วยเหลือจากประธานนัทธี ประธานนัทธีจะช่วยฉันปิดข่าวในเน็ตไหม?”

“ช่วย!”ริมฝีปากบางๆของนัทธีอ้าเบาๆ พูดคำนี้ออกมาอย่างไม่ลังเล

สุภัทรได้ยินเสียงของเขา ก็ยืนขึ้นมาจากโซฟาทันที“วารุณี นัทธีอยู่กับแก?”

“ค่ะ คุณไม่ได้บอกเหรอว่าฉันยั่วยวนเขา?งั้นเขาอยู่กับฉันที่นี่ก็ปกติมากไม่ใช่เหรอ?”วารุณีเอนลงไปตรงที่พิงโซฟา

ตอนนี้สุภัทรตื่นตระหนกอย่างมาก

นัทธีอยู่กับวารุณี งั้นก็หมายความว่า เนื้อหาในการโทรศัพท์นี้นัทธีได้ยินหมดแล้ว

เวลานั้น สุภัทรจึงร้อนรน กำหัวมังกรบนไม้เท้าแน่น รีบขอโทษ“เอ่อ นัทธี ผมไม่ได้ตั้งใจจะดึงคุณมาพัวพัน ที่จริง……”

“ประธานสุภัทรทำให้ผมมองเห็นโลกกว้างดีนะครับ”นัทธีรู้ว่าเขาจะพูดอะไร ก็ไม่อยากฟัง จึงเยาะเย้ยตัดบทอย่างเย็นชา“เพื่อสองแม่ลูกขยานีแล้ว จึงทำลายชื่อเสียงของลูกสาวแท้ๆอีกคน ทำให้ผมทึ่งเสียจริง ”

วารุณีก็พยักหน้าคล้อยตาม

มีพ่อแบบนี้ เธอก็รู้สึกว่าพระเจ้าล้อเล่นกับเธอจริงๆ

ถูกคนที่อายุน้อยกว่าพูดแบบนี้ใส่ หน้าของสุภัทรก็กระตุก ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ใบหน้าแก่ๆแดงก่ำ แทบอยากจะหาช่องมุดเข้าไป

แต่ที่นี่ไม่มีช่อง และเขาก็ไม่กล้าวางสายไปโดยตรง ได้แต่แบกหน้าพูดด้วยรอยยิ้มไปว่า:“นัทธี ผมก็ไม่อยากนี่ ผมคงเอาแต่มองดูภรรยาและลูกสาวของตัวเองโดยที่ไม่ช่วยไม่ได้ ดังนั้นนี่ไม่ใช่ว่าผมหมดหนทาง ได้แต่ใช้วิธีนี้แล้วเหรอไง”

“โอเคหมดหนทาง การหมดหนทางของคุณ คือเหยียบลูกสาวแท้ๆของตัวเองเพื่อบรรลุเป้าหมาย ตอนนี้เป็นแบบนี้ เจ็ดปีก่อนก็แบบนี้”นัทธีแสยะริมฝีปากบางๆแล้วยิ้มอย่างเย็นชา

สายตาสุภัทรมีความกลัวแวบเข้ามา หัวใจก็เต้นอย่างเร็วขึ้นมา ตอบไปอย่างไม่รู้ตัวว่า:“เจ็ด……เจ็ดปีก่อนอะไร ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร”

“ใช่ประธานนัทธี เจ็ดปีก่อนอะไรคะ?”วารุณีขมวดคิ้ว มองชายตรงข้ามอย่างแปลกใจ

ชายหนุ่มหันไปมองเธอ สุดท้ายเอาสายตามองไปบนโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะน้ำชา น้ำเสียงเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง“เจ็ดปีก่อน เขาให้พิชญามาแทนที่ตัวตนของคุณ ดำเนินการหมั้นหมายกับผมต่อ แล้วแอบกระจายข่าวลือว่าคุณหนีไปกับผู้ชาย”

“อะไรนะ?”วารุณีกำฝ่ามือยืนขึ้นมา คว้าโทรศัพท์ไว้ ตะโกนไปด้วยอารมณ์ที่ใจร้อน:“สุภัทร ที่แท้เจ็ดปีก่อนคุณก็ทำลายชื่อเสียงของฉันแล้ว คุณมันน่ารังเกียจมากจริงๆ ทำไมฉันถึงได้มีพ่อแท้ๆอย่างคุณแบบนี้นะ!”

ริมฝีปากของสุภัทรพึมพำ ไม่พูดอะไร ลึกๆในใจมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ

เขากำลังคิดว่า แม้แต่เรื่องนี้นัทธีก็รู้ งั้นคืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน เรื่องที่พิชญาสวมรอยว่าเป็นคนทำเรื่องนั้นแทนวารุณี จะรู้หรือไม่?

ถ้ารู้ งั้นตระกูลศรีสุขคําจะทำอย่างไร?

วารุณีไม่รู้ว่าสุภัทรกำลังคิดอะไรอยู่ เห็นเขาไม่พูด คิดว่าเขาร้อนตัว หลับตาลงอย่างเศร้าๆ“สุภัทร คุณทำพวกนี้กับฉันไว้ ฉันจำไว้แล้ว รอก่อนเถอะ ไม่ช้าก็เร็วเวรกรรมก็จะตามทัน!”

พูดจบ วารุณีก็ตัดสาย เอาโทรศัพท์วางลงที่โซฟา ก้มหน้าลงด้วยอารมณ์ที่หดหู่

นัทธีหยิบทิชชูยื่นไปให้“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

วารุณีรับทิชชูมาแล้วส่ายหน้า จากนั้นเช็ดดวงตาที่แดงก่ำ“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่กำลังคิดว่า ทำไมเมื่อเจ็ดปีก่อน ฉันถึงไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของสุภัทร!”

“ตอนนี้รู้ชัดแล้วก็ไม่สายนี่”ริมฝีปากบางๆของนัทธีตอบกลับไปอยางแผ่วเบา

วารุณีตอบอือ“คุณพูดถูก”

นัทธีเทน้ำแก้วหนึ่งให้เธอ“ดื่มสักหน่อยเถอะ”

“ขอบคุณค่ะ”วารุณีทิ้งทิชชู รับแก้วน้ำมาดื่มน้ำ อารมณ์สงบลงขึ้นเยอะ

จากนั้น เธอก็วางแก้วน้ำถามไปว่า“ใช่สิประธานนัทธี เมื่อกี๊ตอนที่สุภัทรโทรมา คุณจะพูดอะไรคะ?”