“แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”
ผมถามขณะที่นั่งอยู่หัวเตียง เมื่อวันก่อนผมได้คุยกับทั้งคาร์เมลและคาร์มีเลีย และหลังจากได้รับอนุญาตจากเธอ เราทั้งคู่จึงตัดสินใจออกผจญภัยในวันที่เราทั้งคู่ว่าง แม้ว่าผมจะแน่ใจว่าการผจญภัยจะไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการก็ตาม
“ตอนนี้เราได้สูญเสียคนที่เข้าร่วมไปประมาณ 60% และชื่อเสียงของเราก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน มีข่าวลือว่าคุณซ่อนตัวเหมือนหนูด้วย”
อเล็กซ์พูดขณะอ่านรายงานในมือ ซึ่งผมเองก็พยักหน้ารับ
ตอนนี้เราอยู่ในการประชุมประจำสัปดาห์ที่จัดขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในกลุ่ม ซึ่งวันนี้เรามีแผนพิเศษ แผนการจัดการกับปัญหาที่ผมปล่อยเอาไว้นาน
ผมทำให้ตัวเองผ่อนคลายก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องว่าสมาชิกที่สำคัญที่สุดในกลุ่มของตัวเองมารวมตัวกันรึยัง
“มาร์ค”
ผมพูดขึ้นในที่สุด
“ครับนายท่าน”
มาร์คตอบรับด้วยน้ำเสียงเย็นชาในขณะที่เขายืนขึ้น
ผมมองเขาขณะพูดต่อ
“จงไปท้าทายผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของรอน…อ๊ะ! และทำให้มันเจ็บปวดด้วยนะ”
“รับทราบครับ”
มาร์คพูดขึ้น หลังจากพูดจบเขาก็นั่งลง สายตาของผมก็หันไปทางผู้หญิงน่ารักที่นั่งข้างมาร์ค
“เอ็มม่า เธอไปเข้าร่วมการต่อสู้แบบกลุ่ม แสดงพลังของผู้เทมเมอร์อัจฉริยะให้พวกมันเห็น”
“ค่ะฮีโร่ของฉัน!”
เอ็มม่ายิ้มขณะที่พยักหน้า
ผมส่ายหัวขณะมองข้ามคำพูดแปลกๆ ที่เอ็มม่ามีให้ผม จากนั้นผมก็หยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมาและวางไว้บนโต๊ะ
“มาร์ลีน…ตอนนี้ผมพร้อมแล้ว เธอช่วยเริ่มประกาศว่าเธอสนับสนุนผมเลยได้ไหม?”
มีความเงียบอยู่ 2-3 นาทีก่อนที่จะได้ยินเสียงที่สงบของมาร์ลีนตอบกลับมา
“ได้สิ ฉันเริ่มเมื่อไหร่ก็ได้”
“ขอบคุณ งั้นก็ประกาศพรุ่งนี้นะ กลุมผมจะจัดการกับไอ้สารเลวที่เหลือเอง”
“โอเค”
เมื่อพูดจบการเชื่อมต่อก็ถูกตัดไป หลังจากนั้นผมก็หันไปหาอเล็กซ์ที่แสยะยิ้มซึ่งพยายามอย่างยิ่งที่จะกลั้นยิ้มเอาไว้ เขาชอบที่จะเห็นความวุ่นวายเกิดขึ้นเสมอ
“เช็ดรอยยิ้มนั้นออกจากใบหน้าของนายซะ มันน่าขนลุกเป็นบ้าเลย และเริ่มดำเนินตามแผนที่นายเสนอได้เลย ฉันเห็นด้วยที่จะให้เริ่มดำเนินการได้เลย”
“จัดให้”
อเล็กซ์พูดพลางยิ้มกว้าง
ผมมองไปยังคนอื่นๆ ที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่และบอกได้เลยว่าพวกเขาเองก็คงเหมือนกัน ยกเว้นโซร่าที่ต้องการกลับไปสร้างผลงานของเธอ ในช่วงหลายสัปดาห์มานี้กลุ่มของผมต้องทนทุกข์ภายใต้ การโจมตีจากปีศาจพวกนั้น แต่ตอนนี้เรากำลังจะเป็นฝ่ายลงมือเอง เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าตัวเองเป็นอย่างไรแล้ว ผมค่อนข้างแน่ใจว่าสิ่งนี้จะลุกลามไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่านี้
แต่เฮ้ ผมต้องแคร์ด้วยงั้นเหรอ? ไม่…ไม่เลย เหตุผลเดียวที่ผมทำสิ่งนี้ก็เพื่อกำจัดคนที่ไร้ประโยชน์ออกไปและเพื่อขัดเกลาคนที่เหลืออยู่อย่างอิสระ
ทำไมผมต้องทนกับการกระทำของพวกเวรนั่นด้วยหล่ะ? ผมไม่มีความสนใจที่จะซ่อนความสามารถของตัวเองและปล่อยให้เจ้าชายปีศาจเดินไปทั่ว ไม่…ผมจะทำให้เขาเสียใจที่มาหาเรื่องผม โดยเฉพาะที่เขาทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
“พวกนายทุกคนรู้ว่าตัวเองได้รับมอบหมายหน้าที่อะไรแล้วใช่ไหม?”
“ครับ/ค่ะ!”
คำตอบเป็นเอกฉันท์ทำให้ผมยิ้ม
“ถ้างั้นก็ไปกระทืบพวกมันกัน!”
หลังจากได้ยินคำพูดสุดท้ายของผม คนที่เหลือก็เริ่มจากไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าผมจะกระพริบตาให้ริกะกับมิกะก่อนพวกเธอจะจากไป แต่ดูเหมือนพวกเธอจะอยากใช้เวลาด้วยกันมากกว่านี้ แต่สำหรับตอนนี้ ผมคงไม่สามารถทำอะไรพิเศษกับพวกเธอได้ แต่ผมสัญญาว่าจะให้รางวัลพิเศษแก่พวกเธอหลังจากนี้ ดังนั้นพวกเธอเลยยังโอเคอยู่สำหรับตอนนี้
“เธอต้องการอะไรรึเปล่าเอ็มม่า?”
ผมถามเนื่องจากเธอเป็นคนเดียวที่ยังนั่งอยู่ ในขณะที่คนอื่นๆ ออกไปหมดแล้ว
เมื่อได้ยินคำถามของผม เอ็มม่าก็ยิ้มก่อนที่จะวิ่งมาหาผมและนั่งลงบนตักของผม แขนของเธอโอบรอบคอของผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากใช้เวลากับคุณหน่ะ”
เอ็มม่าพูดขึ้นด้วยดวงตาลูกหมาที่จดจ้องมายังผม
ผมได้แต่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์กับการกระทำนี้ เธอกล้าแสดงออกมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ และเธอไม่กลัวเลยที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเอง จนถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้พูดอะไรเลยว่าเธอรักผม แต่เครื่องวัดความรักของเธอก็บอกมันออกมาหมดแล้ว ในระหว่างการประชุมเหล่านี้เธอมักจะอยู่เป็นคนสุดท้ายเพื่อพูดคุยหรือเล่นกับผมเสมอ
ในช่วงเวลานี้เธอจะบอกเป็นนัยหลายอย่างเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเอง แต่ผมมักจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นมัน
ผมมองตาเอ็มม่าขณะโอบเอวของเธอ
“ก็ได้ เราใช้เวลาด้วยกันซัก 1 ชั่วโมงก็ได้ วันนี้ฉันไม่มีแผนอะไรมาก”
“เย้! คุณยอดเยี่ยมที่สุดเลย!”
พูดจบเธอก็หอมแก้มผม
“เห้อออ..…เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิว่าวันนี้เธอเป็นเพื่อนกับสัตว์แบบไหน?”
“ฉันสามารถทำสัญญากับนกที่พ่นไฟได้เยอะแยะเลย”
“จริงเหรอ? เยี่ยมไปเลย”
“อื๊อ ฉันยังได้เพื่อนใหม่มากมายอีกด้วยนะ.…”
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับสัตว์ใหม่ๆ ทั้งหมดที่เธอพบและสัตว์ที่เธอสามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ ในสถาบันเธอมีพรสวรรค์ในการทำให้ฝึกสัตว์ที่ครั้ง 1 ในศตวรรษจะได้พบ
สายเลือดและอุปนิสัยที่อ่อนโยนตามธรรมชาติของเอ็มม่าทำให้มันง่ายสำหรับเธอในการเป็นเพื่อนกับสัตว์อสูรและทำให้พวกมันเชื่อง ในการต่อสู้เธอเป็นพลังที่ต้องคำนึงถึง
แต่ประวัติการต่อสู้ของเธอไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะเธอไม่ชอบต่อสู้กับสัตว์อสูรของเธอ เธอแค่ชอบผูกมิตรกับพวกมันและทำให้ ‘ครอบครัว’ ของเธอใหญ่ขึ้นเท่านั้นเอง
“แล้วก็ออสติน เมื่อไหร่คุณจะไปเยี่ยมสัตว์อสูรของฉันบ้างหล่ะ?”
เอ็มม่าถามด้วยหน้ามุ่ย
ผมแค่ยิ้มให้ก่อนจะลูบหัวเธอ
“ไว้เดี๋ยวไปนะ เธอก็รู้หนิว่าฉันยุ่งแค่ไหน ทุกวันนี้หาเวลาว่างยากเลย แต่ฉันสัญญาว่าจะไปเยี่ยมพวกเขาแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้”
“ฮึ่มมม นั่นคือสิ่งที่คุณพูดตลอดเวลานั่นแหละ แต่คุณไม่เคยไปเลย!”
เอ็มม่าตอบในขณะที่หันหน้าไปทางด้านข้าง
ผมถอนหายใจกับท่าทางของเธอ มันค่อนข้างดีที่เธอไม่กระโดดเข้าร่วมการสารภาพใดๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะมีความสุขกับสถานะที่เป็นอยู่แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงเมื่อข่าวที่ว่าผมคบกับสการ์เล็ตแพร่สะพัดออกไป
เดินหน้าต่อไป ผมหันหน้าของเอ็มมามาทางตัวเองให้ดวงตาสีฟ้าของเธอมองมาที่ผม ร่างกายที่เล็กกระทัดรัดของเธอดูเหมือนจะดีที่สุดในการกอดและรักษาไว้
ผมมอบรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ที่สุดให้เธอก่อนจะพูดขึ้นมา
“ฟังนะเอ็มม่า ฉันเคยโกหกเธอด้วยงั้นเหรอ?”
“ไม่เคย…”
เอ็มม่าตอบด้วยเสียงต่ำที่ตกอยู่ในภวังค์พร้อมกับใบหน้าของเธอที่แดงระเรื่อ
‘แค่หน้าตาดี โลกก็ใจดีกับคุณเสมอ’
“งั้นก็เชื่อฉันสิ เธอสำคัญสำหรับฉันนะเอ็มม่า อย่าลืมนะว่าฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ เพราะงั้นรอก่อนนะ ตกลงไหม?”
“ก็ได้.…”
ในที่สุดผมก็ถอนหายใจและเอ็มม่าก็เห็นด้วย
เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ขยับไปข้างหน้าเพื่อจูบแก้มเธอ ทำให้เธอประหลาดใจพร้อมกับเบิกตากว้างขณะที่มองมาที่ผม
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้และดูเหมือนว่ามันค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพทีเดียว
“ไม่ต้องทำหน้ามุ่ยอีกต่อไปแล้วนะเข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว!”
ด้านที่สดใสของเธอกลับมาแล้ว หลังจากนั้นเธอก็เริ่มเล่าเกี่ยวกับเพื่อนใหม่ของเธอในแต่ละวัน
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต