ตอนนี้ 147 พบซูชิงฉืออีกครั้ง

ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นก่อนจะถึงเทียบอันดับสวรรค์ ดังนั้นหยางเยจึงไม่อาจอยู่นขุนเขาไม่สิ้นสุดต่ออีก หลังจากจัดการเฟิงอรี่แลฟื้นฟูบาดแผลที่หุบเหวมรณะเรียบร้อย หยางเยจึงรีบกลับไปยอดเขาผู้ใช้ยันต์

เมื่อมาถึงยอดเขาผู้ใช้ยันต์ หยางเย่ไม่พบหลินชานหรือเปาเอ๋อ แม้กระทั่งน้องสาวของเขาก็ไม่อยู่ที่นี่ ดังนั้น เขาจึงรีบใช้ยันต์สื่อสารติดต่อกับหลินชาน หลังจากสนทนากันได้ชั่วครู่ หยางเย่ทราบว่าทั้งสามไม่ได้อยู่ที่ยอดเขาผู้ใช้ยันต์ พวกเขาได้มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงเพื่อจัดการประลองเทียบอันดับสวรรค์

คนของสมาคมผู้ใช้ยันต์ทุกคนถูกเชิญไปร่วมตัดสินการประลองทุกครั้ง อันที่จริงหลินชานหาได้สนใจเทียบอันดับสวรรค์ไม่ แต่ครั้งนี้เขาทราบว่าหยางเย่จะเข้าร่วมด้วย เมื่อศิษย์เอกจะร่วมประลอง หลินชานจึงต้องไปดูเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นเขาจึงเสนอเป็นตัวแทนของสมาคมผู้ใช้ยันต์ และเข้าร่วมตัดสินในเทียบอันดับสวรรค์

ด้วยสถานะของหลินชานในสมาคมผู้ใช้ยันต์ คําขอของเขาจึงได้รับการตกลงอย่างง่ายดาย สําหรับเปาเอ๋อและเสี่ยวเหยา พวกเขาจะไม่ตามไปดูกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นนี้ได้อย่างไร? และหลินชานคงไม่ปล่อยให้เปาเอ๋อไปก่อเรื่องแน่นอน ยิ่งกว่านั้นเมื่อหยางเย่ไม่ได้อยู่ที่ยอดเขาผู้ใช้ยันต์ เสี่ยวเหยาจึงต้องตามพวกเขาไปเป็นธรรมดา

หยางเยโล่งใจทันทีที่ทราบว่าเด็กทั้งสองอยู่กับอาจารย์ของเขา

หลายเดือนที่อยู่กับอาจารย์มู่ หยางเยู่ทําเพียงการบ่มเพาะพลัง เช่นนั้นวิถีแห่งยันต์จึงไม่ได้พัฒนามากนัก หากหลินชานทราบ เขาคงโดนตะวาดยับแน่นอน ดังนั้นหยางเยจึงเข้าไปในห้องของตนเองทันทีที่กลับมาถึง จากนั้นได้เริ่มฝึกฝนการเขียนยันต์

ในวันที่สองหลังจากที่หยางเย่กลับมาอาศัยอยู่ในยอดเขาผู้ใช้ยันต์ ซูชิงฉือได้เข้ามาหาเขา

ภายในห้อง ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นในใจของเขาขณะมองซูชิงฉือ หลังจากแยกทางกันมาหลายเดือน สตรีตรงหน้ายังคงงดงามไม่เปลี่ยน

หยางเย่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขามีความรู้สึกที่ดีต่อสตรีผู้นี้ หากเขาชอบนางก็คือชอบ หากไม่ก็คือไม่ หยางเย่ไม่คิดที่จะหลอกตนเอง แน่นอนว่าเขาทราบดีหากต้องการอยู่กับนาง ความยากลําบากก็หาได้ต่างจากการเป็นอันดับหนึ่งในเทียบอันดับสวรรค์ไม่!

อย่าว่าแต่สถานะของนาง สตรีตรงหน้านี้ชอบเขาหรือไม่ต่างหากที่เป็นปัญหาใหญ่!

แต่หยางเย่ไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้มากนัก ทุกอย่างที่เขาต้องการตอนนี้คืออันดับหนึ่งของเทียบอันดับสวรรค์ และได้รับตราครองสวรรค์!

“เจ้าบรรลุขั้นปราณสวรรค์แล้วงั้นหรือ?” ประกายแห่งความประหลาดใจปรากฏผ่านดวงตาซูชิงฉือ แต่นางก็กลับเป็นปกติในเวลาไม่นาน พรสวรรค์เช่นนั้นนั้นหาได้ธรรมดาไม่ ทั้งยังมีพลังปราณห้าธาตุทองคํา ดังนั้นการบรรลุขั้นปราณสวรรค์ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต

หยางเยู่พยักหน้า “ท่านมาที่นี่เพื่ออะไรบางอย่างหรือเปล่า?”

ซูชิงฉือพยักหน้า “เทียบอันดับสวรรค์จะเริ่มในอีกหนึ่งเดือน และข้าจะพาเจ้าไปดูว่ามันร้ายกาจเพียงใดระหว่างการต่อสู้ของบรรดาอัจฉริยะ มันน่าจะมีประโยชน์ต่อเจ้าเมื่อเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ครั้งหน้า!”

“ข้าจะเข้าร่วมครั้งนี้!” หยางเย่มองไปที่นางพร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่น เขาจะรอถึงรอบหน้าได้ยังไง? มารดาของเขากําลังทุกข์ทรมานอยู่ในราชวังบุปผา

ซูชิงฉือขมวดคิ้วพร้อมเอ่ย “เจ้ามีความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมาก แต่บรรดาอัจฉริยะคนอื่นก็มีเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นขั้นการบ่มเพาะพลังของเจ้ายังเกินไป ผู้เข้าร่วมทุกคนอย่างน้อยก็อยู่ขั้นปราณสวรรค์ระดับห้า บางคนยังอยู่ในขั้นปราณสวรรค์ระดับเก้า ความแข็งแกร่งปัจจุบันของเจ้ายังไม่เพียงพอที่จะพิชิตพวกเขา!”

หยางเย่ไม่กล่าวสิ่งใด ทันใดนั้นเจตจํานงแห่งดาบได้แผ่เข้าโอบล้อมซูชิงฉือ มันทําให้ดวงตาของนางเปิดกว้างอย่างตกตะลึง นางเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัว “เจ้าบรรลุเจตจํานงแห่งดาบระดับสองแล้วงั้นหรือ?”

หยางเยู่พยักหน้า

ซูชิงฉือเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะข่มอาการตกตะลึงไว้ในใจ “นั่นก็คืออีกเหตุผลหลักที่ข้าจะห้ามไม่ให้เจ้าลงแข่ง!”

“ทําไมกัน?” หยางเย่สับสน

“เพราะเทียบอันดับสวรรค์มันโหดร้ายเกินไป!” ซูชิงฉือกล่าว “ทุกครั้งจะมีบรรดาอัจฉริยะที่ตายลงในเทียบอันดับนี้ เทียบอันดับสวรรค์คือการประลองหาอัจฉริยะ และยังเป็นการประลองที่หกมหาอํานาจใช้กําจัดอัจฉริยะของสํานักอื่น หากเจ้าใช้เจตจํานงแห่งดาบระหว่างประลอง เช่นนั้นบรรดาอัจฉริยะคนอื่นจะต้องไม่ปล่อยให้ เจ้ามีชีวิตรอดแน่นอน เพราะความแข็งแกร่งและขั้นพลังของเจ้าตอนนี้มันง่ายที่พวกเขาจะกําจัดทิ้ง!”

เมื่อกล่าวจบ นางหยุดไปชั่วครู่ “ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าสามารถไปถึงระดับสูงสุดของขั้นปราณสวรรค์ในเทียบอันดับครั้งหน้าได้ เวลานั้นทั้งเจตจํานงแห่งดาบและพลังปราณทองคํา มันจะช่วยให้เจ้าสามารถไปอยู่อันดับที่ดีได้ ครั้งนี้มันยังเสี่ยงเกินไป เพราะมหาอํานาจทั้งหลายไม่อยากให้สํานักดาบราชันมีโอกาสผงาดขึ้นมาอีก!”

“ข้ายืนยันว่าจะเข้าร่วมปีนี้!” หยางเย่มองนางพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง

“เป็นเพราะคําตกลงที่ให้ไว้กับข้างั้นหรือ?” ซูชิงฉือมองตาหยางเย่

หยางเย่ชะงักจากนั้นเขาส่ายหัวก่อนจะกล่าว “ก็ไม่ทั้งหมด กล่าวคือยังไงข้าก็ต้องเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ และจะไปหามหาอํานาจอื่นหากไม่ได้ลงในนามของสํานักดาบราชัน ข้าต้องขออภัยอย่างยิ่ง เพราะข้ามีเหตุผลที่จําเป็นอย่างมาก” ถึงแม้จะเห็นด้วยกับสิ่งที่นางบอก แต่มารดาของเขานั้นสําคัญกว่าสิ่งอื่นใด

“ชีวิตของเจ้าจะตกอยู่ในอันตรายหากยังเข้าร่วมด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบัน!” ซูชิงฉือกล่าวอย่างจริงจัง

“ข้าไม่สามารถขึ้นอันดับสูงได้เลยงั้นหรือ แม้จะมีเจตจํานงแห่งดาบระดับสอง?” หยางเย่เอ่ยถาม

“ถึงแม้ขั้นพลังเจ้าจะต่ํา มันก็สามารถพาเจ้าไปยังอันดับที่ดีได้ด้วยเจตจํานงแห่งดาบ!” ซูชิงฉือกล่าวต่อ “แต่หากเจ้าใช้เจตจํานงแห่งดาบ เช่นนั้นเจ้าจะตกเป็นเป้าหมายอย่างชัดเจน อย่าว่าแต่มหาอํานาจอื่น แค่คนของสํานักภูตผีก็ไม่คิดจะปล่อยเจ้าไปแล้ว นอกจากสํานักภูตผียังมีมหาอํานาจอื่นที่มีปฏิสัมพันธ์ไม่ดีกับสํานักดาบราชันก็จะทําเช่นเดียวกัน ความแข็งแกร่งปัจจุบันนี้ของเจ้ายังไม่เพียงพอที่จะรับมือทุกอย่าง เข้าใจหรือไม่?”

“ข้าทราบว่าสิ่งที่ท่านกล่าวมาเป็นเรื่องจริง แต่ข้ายังคงยืนยันว่าจะเข้าร่วม!” หยางเย่เอ่ย “นอกจากนั้น ข้ายังไม่ได้อ่อนแออย่างที่ท่านคิด”

“แสดงให้ข้าดูหน่อย มิเช่นนั้นข้าจะไม่อนุญาตให้เจ้าเข้าร่วม ถึงแม้เจ้าจะไม่ได้ร่วมประลองในนามของสํานัก ดาบราชัน!” ซูชิงฉือกล่าว

หยางเย่รู้สึกใจอุ่นใจเมื่อได้ยิน ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดว่าสตรีตรงหน้าจะปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วม เพราะนางคงกลัวที่เขาจะถูกสังหารก่อนที่จะลงนามเป็นของสํานักดาบราชันขณะเข้าประลองเทียบอันดับสวรรค์ แต่เมื่อได้ยินนางกล่าว เขาทราบทันทีว่านางเองก็คงเป็นห่วงเป็นใยเขามากกว่าสํานักดาบราชัน

หยางเยยื่นหมัดขวาออกมา เขาโคจรพลังปราณทองคํา “ระวัง!”

ทันทีที่กล่าวจบ หมัดของหยางเย่ถูกปล่อยผ่านอากาศยิงไปทางซูชิงฉือ

ฝ่ามือของนางเองก็เข้าปะทะกับหมัดหยางเยู่เช่นกัน

ซูชิงฉือถอยหลังไปสองก้าวก่อนจะเผยอาการตกตะลึง “ร้ายกาจนัก!”

ถึงแม้นางจะใช้กําลังแค่สามในสิบส่วน แต่โดยปกติมันก็สามารถจัดการกับผู้ใช้พลังปราณขั้นปราณสวรรค์ได้ และนางไม่คาดคิดว่าจะถูกผลักกระเด็นถอยหลังโดยหยางเยู่ได้

“ความแข็งแกร่งทางกายภาพของข้าตอนนี้ทัดเทียมกับสัตว์อสูรราชัน!” หยางเย่เอ่ย “นี่คือหนึ่งในไพ่ตายเช่นกัน!”

“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดขนาดนี้ได้ยังไงเพียงไม่กี่เดือน?” ซูชิงฉือถาม ความแข็งแกร่งของหยางเย่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาขึ้นเพียงเวลาไม่กี่เดือน!

หยางเยไม่ปิดบัง “ท่านจําชายชราที่อยู่ใต้หุบเหวมรณะวันนั้นได้หรือไม่? ข้าไปบ่มเพาะพลังอยู่กับเขาหลายเดือนที่ผ่านมา”

ซูชิงฉือเผยท่าที่เคร่งขรึม นางยังคงจําชายแก่ได้ ความแข็งแกร่งของชายชรากล่าวได้ว่าน่าสะพรึง และนางยังรู้สึกว่าเหนือกว่าบิดาของนาง เจ้าสํานักดาบราชันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา แต่นางไม่คาดคิดว่าชายชราผู้นั้นจะชี้แนะหยางเย่

“เขารับเจ้าเป็นศิษย์หรือ?” ซูชิงฉือเอ่ย

เนะข้า ด้วยความแข็งแกร่งปัจจุบัน ข้ามีคณสมบัติพอจะเข้าร่วมเทียบอันดับ

หยางเย่ส่ายหัว “เขาเพียงแค่ สวรรค์แล้วใช่หรือไม่?”

ซูชิงฉือมองหยางเย่อย่างลังเลก่อนจะเอ่ย “ข้าทราบว่าเจ้าไม่พอใจ แต่ก็ยังหวังว่าจะเข้ามาร่วมกับสํานักดาบราชัน เจ้ามีเจตจํานงแห่งดาบ เมื่อเข้าร่วมกันมันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวเจ้าและสํานักดาบ!”

หยางเย่ส่ายหัวปฏิเสธ “ชิงฉือข้าถอดใจกับสํานักดาบราชันไปแล้วเมื่อพวกเขาคิดจะส่งข้ากับน้องสาวให้ราชวังบุปผา เหตุผลที่ข้าลงสมัครในนามสํานักดาบราชั้นก็เพราะเจ้าคนเดียว หากท่านไม่ได้อยู่สํานักดาบราชัน ข้ากล่าวตามตรง ข้าจะไม่ร่วมประลองในนามของสํานักดาบแน่นอน!”

ซูชิงฉือถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะหลีกเลี่ยงบทสนทนานี้ไป “ข้าจะกลับมาหาเจ้าหลังจากครึ่งเดือนนับจากนี้!”

ทันทีที่กล่าวจบ ซูชิงฉือหันหลังเดินออกจากห้องไป